Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTVHD36
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
21 ก.ย. เวลา 09:00 • ไลฟ์สไตล์
เปิดวิธีทำ "ขนมกระยาสารท" ทำจากอะไร? ของไหว้สำคัญในวันสารทไทย
"ขนมกระยาสารท" ทำมาจากอะไร ? ของไหว้ใช้ในวันสารทไทย พร้อมเปิดวิธีทำกระยาสารท ข้าวมธุปายาส ขนมข้าวยาคู ข้าวทิพย์
วันสารทไทย หรือประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีสำคัญที่แสดงถึงความกตัญญูของลูกหลานต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยจะตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งเชื่อกันว่าในวันนี้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษจะกลับมาเยี่ยมเยียน และรับบุญที่ลูกหลานอุทิศให้
ในช่วงเทศกาลนี้ ผู้คนจะเตรียมอาหารและสิ่งของต่าง ๆ เพื่อนำไปทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้แก่ปู่ย่าตายาย โดยเฉพาะ "กระยาสารท" ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเพณีนี้ นอกจากกระยาสารทแล้ว ยังมีขนมโบราณอื่น ๆ ที่นิยมใช้ในพิธี เช่น ขนมข้าวยาคู ข้าวมธุปายาสอีกด้วย
ขนมกระยาสารท ทำจากอะไร ? ของไหว้ใช้ในวันสารทไทย
กระยาสารท
ขนมกระยาสารท เป็นขนมโบราณที่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน มักเห็นในงานพิธีหรือ งานบุญประเพณีของไทย โดยเฉพาะในวันสารทไทย หรือ สารทเดือนสิบ ขนมกระยาสารท จากข้อมูลพบว่า ขนมกระยาสารท อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย คำว่า “กระยา” แปลว่า อาหาร รวมหมายถึง อาหารที่ทำในวันสารท นอกจากนี้ กระยาสารท ยังปรากฏในหนังสือนิราศเดือน ของนายมีในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ อีกด้วย โดยพูดถึงการจัดเตรียมกระยาสารท ในประเพณีบุญเดือนสิบ
ส่วนผสมกระยาสารท
●
ข้าวตอกคั่วกรอบ
●
งาขาวคั่ว
●
น้ำตาลอ้อย น้ำตาลมะพร้าว
●
ถั่วลิสงคั่ว
●
หัวกะทิกวนเข้ากันจนเหนียวเป็นปึก
●
แบะแซ
วิธีทำกระยาสารท
1.ตั้งกระทะให้ร้อนพอได้ที่ จากนั้นนำน้ำตาลอ้อยลงไปเคี่ยว โดยใช้ไฟกลาง
2.เทกะทิลงไปผสม กวนอย่างต่อเนื่องพยายามอย่าให้น้ำตาลไหม้ติดกระทะ
3.เมื่อส่วนผสมทั้ง 2 อย่างเข้ากันดีแล้ว ให้นำแบะแซลงไปผสมเคี่ยวจนเริ่มเหนียวค้น
4.ใส่ข้าวตอก งาขาวคั่ว และถั่วลิสงคั่ว ลงไปผสมกวนให้เข้ากันในลักษณะทบไปมา เมื่อได้ที่แล้วให้นำมาเทใส่พิมพ์และพักไว้ให้เย็น เป็นอันเสร็จ
โดยกระยาสารทเป็นขนมหวานจัด สามารถเก็บไว้ได้นาน นิยมกินคู่กับกล้วยไข่ ซึ่งจะออกผลดกในช่วงเดือนสิบ จึงทำให้เป็นขนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 4 หมู่ กล่าวคือ ได้คาร์โบไฮเดรตจากข้าวตอกข้าวพองโปรตีนจากถั่วและงา ไขมันจากกะทิและงา วิตามินและแร่ธาตุจากกล้วยไข่ จึงเป็นขนมที่ให้พลังงานพอเหมาะแก่ร่างกาย สามารถพัฒนาเป็นอาหารสุขภาพได้
ข้าวมธุปายาส
“ข้าวมธุปายาส” นั้นมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ครั้งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเดือนเพ็ญวิสาขะหรือวันเพ็ญเดือนหก พระองค์ได้รับข้าวหุงด้วยน้ำผึ้ง และน้ำอ้อย จากนางสุชาดา ภรรยาของคฤหบดีเมืองมคธนำมาถวายเพื่อการบูชาเทพยดา
ณ ต้นโพธิพฤกษ์ หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าทรงนำเอาข้าวจากถาดมาทรงทำเป็นก้อนๆ นับจำนวนได้ 49 ก้อน ให้เป็นเครื่องรำลึกถึงวันที่ทรงบำเพ็ญทุกกิริยา เสวยข้าวมธุปายาส 49 ก้อนนั้นหมดแล้ว ทรงนำถาดไปทรงอธิฐานในแม่น้ำเนรัญชรา และทรงอธิฐานว่าถ้าหากพระองค์จะได้ตรัสรู้ก็ขอให้ถาดทองนั้นลอยทวนน้ำขึ้นไป
เมื่อพระองค์ทรงวางถาดลงในน้ำ ก็ปรากฏว่า ถาดทองลอยทวนน้ำขึ้นเหนือน้ำดังคำอธิฐาน ซึ่งพระองค์ทรงถือว่าภัตตาหารมื้อนั้นได้มีส่วนทำให้พระองค์ตรัสรู้อริยสัจ 4 บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ด้วยรำลึกถึงพระพุทธองค์และเหตุการณ์สำคัญนี้ พุทธศาสนิกชนจึงนิยมทำข้าวมธุปายาสในวันวิสาขบูชา เกิดเป็น “ประเพณีกวนข้าวมธุปายาส” หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันคุ้นหูว่า “ประเพณีกวนข้าวทิพย์” โดยเชื่อกันว่าการได้ถวายเป็นพุทธบูชาจะนำความสุขสวัสดีและบุญกุศลแก่ตน
ส่วนผสมข้าวมธุปายาส
●
ข้าวสาร,ข้าวเหนียว
●
ถั่วดำ,ถั่วแดง,ถั่วแปบ,ถั่วลิสง
●
งาดำ,งาขาว,งาหอม
●
น้ำตาลทราย,น้ำตาลปีบ
●
น้ำอ้อย
●
มะพร้าวแห้งสำหรับทำน้ำกะทิ
●
น้ำเปล่า สำหรับคั้นกะทิ
●
นมสด,นมกระป๋อง
●
น้ำอ้อยสด
●
น้ำตาลสด
●
น้ำผึ้งแท้
วิธีทำข้าวมธุปายาส
1.นำ ข้าวสาร,ข้าวเหนียว ลงไปแช่ให้พองตัว
2.ขูดมะพร้าวให้เพียงพอแล้วคั้นกะทิเตรียมไว้
3.นำถั่ว และ งา มาล้างให้สะอาด
4.อุ่นกระทะร้อน หม้อ หรือเตาอั้งโล่
5. นำ ข้าวสาร,ข้าวเหนียว ที่แช่จนพองตัวแล้วมาซาวน้ำให้สะเด็ด เสร็จนำไปนึ่งต่อจนสุก
6.เมื่อกระทะร้อน ให้เท น้ำกะทิ ลงไป คนจนเดือดแล้วนำ น้ำอ้อย น้ำตาล น้ำผึ้ง และ นม เทลงไป
7. เมื่อกวนจนน้ำตาล น้ำอ้อยละลายได้ที่แล้ว ให้นำ ข้าวสุก ลงไปคน เพื่อให้ข้าวและกะทิเข้ากันอย่างดี ต่อมาให้ใส่ ถั่ว งา ต่างๆ ลงไป กวนสลับกันไปมาเพื่อไม่ให้ไหม้ก้นกระทะ เพราะไม่เช่นนั้นข้าวมธุปายาสจะไม่อร่อยเท่าที่ควร
8.กวนจนได้ที่แล้ว ให้เทลงไปใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ขนมข้าวทิพย์
ขนมข้าวทิพย์ เป็นขนมที่เกิดจากการพยายามจะทำข้าวมธุปายาสหรือมีข้าวมธุปายาสเป็นแรงบันดาลใจ แต่ขนมข้าวทิพย์จะใส่วัตถุดิบหลายอย่างนอกจากข้าว นม และน้ำผึ้ง เช่น มะพร้าว งา ถั่ว ข้าวตอก โดยข้าวทิพย์หมายถึงอาหารอันโอชะที่มีวัตถุดิบเครื่องปรุงถึง 108 ประการ หากปรุงตามวิธีโบราณ แต่ปัจจุบันวัตถุดิบหลักๆ มี 9 อย่าง ประกอบไปด้วย น้ำนมข้าว ข้าวเม่า เนย น้ำอ้อย น้ำผึ้ง น้ำตาล นม ถั่ว งา โดยการกวนข้าวทิพย์ต้องมีพิธีกรรมหลายอย่าง อาทิ ใช้สาวพรหมจรรย์กวน ต้องใช้ฟืนจากไม้ชัยพฤกษ์หรือไม้พุทราเท่านั้น
ส่วนผสมขนมข้าวทิพย์
●
น้ำตาลกรวด
●
น้ำตาลทราย
●
น้ำตาลโตนด
●
น้ำตาลมะพร้าว
●
น้ำอ้อยแผ่น
●
ฟักทอง
●
เผือก
●
มันเทศ
●
มันสำปะหลัง
●
ถั่วเขียว
●
ถั่วดำ
●
ถั่วลิสง
●
ถั่วแดง
●
งาดำ
●
งาขาว
●
มะพร้าว
●
นมสด
●
นมข้น
●
เนย
วิธีทำขนมข้าวทิพย์
1.ตั้งกระทะบนเตาและใส่น้ำกะทิที่ได้เตรียมไว้ลงไป ตั้งไฟจนน้ำกะทิเดือด
2.จากนั้นใส่วัตถุดิบที่ได้เตรียมไว้ทั้งหมดลงในกระทะ
3.กวนโดยใช้ไม้พายกวนสลับกันไปมาอยู่ตลอดเวลา โดยใช้ไฟอ่อน และพยายามอย่าให้กระทะไหม้ โดยตามความเชื่อการกวนข้าวทิพย์นั้น ให้กวนแบบหมุนวนไปทางด้านขวา เรียกว่า การหมุนเวียนแบบทักษิณาวรรต ซึ่งเป็นการเวียนแบบงานมงคล และให้ใส่น้ำตาลทีหลังเพื่อไม่ให้กระทะไหม้ หรือข้าวหนืดเกินไป
4.เมื่อข้าวทิพย์เริ่มสุกให้ตักพักไว้ในภาชนะที่จัดเตรียมไว้
ขนมข้าวยาคู
ข้อมูลจาก สำนักงานราชบัณฑิตยสภา เปิดเผยถึงที่มาของคำว่า ยาคู พบว่ามาจากภาษาบาลีว่า ยาคุ ข้าวยาคูมีลักษณะแบบเดียวกับข้าวต้ม ในสมัยพุทธกาลใช้ข้าวหรือธัญพืชชนิดอื่นแช่ในน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 16 จนเปลือกธัญพืชเหล่านี้อ่อนตัว แล้วเคี่ยวให้เหลือเพียงครึ่งเดียว มักเป็นอาหารที่ทำให้ผู้ป่วยหรือผู้ที่หิวกระหายดื่ม
ในวินัยปิฎกและพระสูตรอังคุตตรนิกาย (อ่านว่า อัง-คุด-ตะ –ระ -นิ-กาย) กล่าวว่าข้าวยาคูมีประโยชน์ 5 ประการ คือ ช่วยบรรเทาความหิว บรรเทาความกระหาย ทำให้ลมเดินสะดวก ช่วยชำระลำไส้ และช่วยย่อยอาหาร ตามพุทธประวัติ กล่าวว่า พราหมณ์ผู้หนึ่งหุงข้าวยาคูและทำขนมหวานถวายพระพุทธเจ้า จากนั้นพระสาวกฉันขนมที่พราหมณ์ทำเป็นขนมหวาน ส่วนข้าวยาคูไม่มีรสหวาน
ปัจจุบันการทำข้าวยาคู ใช้ข้าวอ่อนนำมาตำให้เม็ดแหลก แล้วกรองเอาส่วนที่เป็นน้ำมาต้มกับน้ำตาล ทำให้มีลักษณะคล้ายแป้งเปียกสีเขียวอ่อน เมื่อกินอาจราดหน้าด้วยน้ำกะทิเล็กน้อยหรือใส่มะพร้าวอ่อนก็ได้. ข้าวยาคู บางคนเรียก ข้าวกระยาคู ซึ่งไม่ถูกต้อง
ส่วนผสมขนมข้าวยาคู
1.ข้าวอ่อนที่มีน้ำนม
2. น้ำตาลทราย
3. แป้งมัน
4. กะทิสดผสมเกลือเล็กน้อย
วิธีทำขนมข้าวยาคู
1.นำข้าวอ่อนที่กำลังมีน้ำนม ตำให้ละเอียด แล้วเอาผ้าขาวบางกรองคั้นเอาแต่น้ำนมข้าวออกมา
2.ใส่น้ำตาลทราย แป้งมัน ตั้งไฟกวนให้เหนียวข้น
3.เมื่อได้ที่แล้วให้เทลงในถาดแบน ๆ พอเย็นตัวตักเป็นชิ้น ๆ ใส่ถ้วย โรยด้วยกะทิสด ซึ่งใส่เกลือเล็กน้อย
4.น้ำที่คั้นหัวกะทินั้น ถ้าลอยด้วยดอกมะลิไว้ก่อน 1 คืน แล้วนำมาคั้น จะหอมหวานชื่นใจมากขึ้นไปอีก จนต้องขอรับประทานอีกหนึ่งถ้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ,สำนักงานราชบัณฑิตยสภา,สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์,มูลนิธิข้าวไทย,กระทรวงวัฒนธรรม
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/news/257342
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTVHD36 :
https://www.facebook.com/PPTVHD36
YouTube :
www.youtube.com/@PPTVHD36
ไทย
วัฒนธรรม
ไลฟ์สไตล์
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย