29 ก.ย. เวลา 07:24 • ความคิดเห็น

👑 “Ego is the Enemy” ทำไม “ความถ่อมตน” คืออาวุธลับของคนเก่งจริง

เมื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน ไม่ได้มาจากการ “โอ้อวด” แต่มาจากการ “พิสูจน์” ตัวเองในเวลาที่เหมาะสม
====
🔥 ดาบสองคมของ “คนเก่ง”
* เราแทบทุกคนคงเคยเจอเพื่อนร่วมงานหรือผู้นำที่เก่งจริง เก่งแบบที่เห็นผลงานแล้วต้องยอมรับว่ามีของ แต่สิ่งที่มักมาพร้อมกันคือ Ego หรือ “ตัวตน” ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเก่ง ยิ่งมั่นใจ ยิ่งอยากได้รับการยอมรับ และบางครั้งก็ล้นจนกลายเป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ในทีมและการเรียนรู้ใหม่ๆ
* สิ่งที่น่าสนใจคือ หากเราสังเกตบุคคลระดับตำนานที่ประสบความสำเร็จยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำธุรกิจ นักกีฬา หรือศิลปิน กลับพบคุณสมบัติร่วมที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ “ความถ่อมตน” ที่ทำให้พวกเขายืนระยะได้ยาวนานกว่าคนเก่งที่เต็มไปด้วยอัตตา
Ryan Holiday ผู้เขียน Ego Is the Enemy อธิบายว่า Ego ไม่ใช่ความมั่นใจ แต่คือศัตรูที่ทำให้เราไม่ยืดหยุ่น ไม่เรียนรู้ และสุดท้ายก็ทำให้เราพังได้โดยไม่รู้ตัว
====
🎭 สองหน้าของ Ego
* Ego ที่ดี (Healthy Ego) = ความเชื่อมั่นเงียบๆ ที่เกิดจากการฝึกฝนและประสบการณ์ เช่น นักฟุตบอลที่มั่นใจในฝีเท้าตัวเองเพราะซ้อมหนักทุกวัน จึงพร้อมลงสนามโดยไม่ต้องโอ้อวด หรือวิศวกรที่กล้าเสนอไอเดียใหม่เพราะทดลองมานับครั้งไม่ถ้วน
* Ego ที่เป็นพิษ (Toxic Ego) = ความเย่อหยิ่งที่ต้องการการยอมรับจากภายนอกตลอดเวลา เช่น พนักงานที่ชอบบอกว่าตัวเองเก่ง แต่ไม่เคยเปิดใจฟังคำแนะนำจากเพื่อนร่วมทีม หรือผู้นำที่ต้องการเสียงสรรเสริญมากกว่าความจริง
ความต่างสำคัญคือ “ความเชื่อมั่นที่แท้จริงมักเงียบและพิสูจน์ด้วยการกระทำ แต่ความเย่อหยิ่งจะดังและพยายามพิสูจน์ด้วยคำพูด”
====
📉 หายนะจาก Ego ที่ควบคุมไม่ได้
Ego ที่ล้นเกินไปในโลกการทำงาน คือสูตรลัดสู่หายนะ
* ปิดประตูการเรียนรู้: คนที่คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแล้วจะไม่รับ feedback ไม่เปิดรับไอเดียใหม่ งานวิจัยด้านจิตวิทยาองค์กรชี้ว่าผู้นำที่ถ่อมตนจะสร้างทีมที่เรียนรู้และปรับตัวเร็วกว่า
* ทำลายความสัมพันธ์ในทีม: ผู้นำที่ใช้ Ego นำจะสร้างบรรยากาศแห่งความกลัว ทุกคนพยักหน้าตาม แต่ในใจไม่เห็นด้วย ส่งผลให้เกิด “ความสามัคคีจอมปลอม” ที่อันตรายมากในระยะยาว
* ทำให้เปราะบางต่อความล้มเหลว: เมื่อเจอวิกฤติ คนที่ Ego นำมักโทษคนอื่นแทนที่จะมองตัวเอง ไม่ยอมรับผิดพลาดและไม่เรียนรู้ ทำให้ความผิดพลาดเกิดซ้ำอีก
ตัวอย่างหลายองค์กรใหญ่ที่เคยรุ่งโรจน์แต่ร่วงลงเพราะ Ego ของผู้นำ เช่น Kodak ที่ไม่ฟังทีมวิศวกรตัวเองเรื่องกล้องดิจิทัล หรือ Nokia ที่มองข้ามกระแสสมาร์ทโฟน ผลลัพธ์คือการเสียบัลลังก์ผู้นำตลาดไปอย่างเจ็บปวด
====
🧭 การฝึก “ความถ่อมตนเชิงกลยุทธ์”
แล้วเราจะควบคุม Ego อย่างไร?
“เริ่มจากถ่อมตนและเรียนรู้”
* ทำตัวเป็น “นักเรียน” เสมอ แม้จะมีประสบการณ์มากแล้วก็ตาม ฟังให้มากกว่าพูด และถามคำถามแทนที่จะรีบอวดภูมิ
“รอเวลาแสดงฝีมือ”
* ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศตลอดเวลา แต่รอจังหวะที่เหมาะสม เช่น วิกฤติหรือโปรเจกต์ใหญ่ แล้วใช้ผลงานจริงเป็นเครื่องพิสูจน์
“เมื่อถึงเวลา จงลงมือเต็มที่”
* โชว์ด้วยผลงานที่จับต้องได้ เช่น ถ้าคุณเป็น Product Design ก็ลงมือออกแบบ prototype ที่แก้ pain point ของลูกค้าได้จริง มากกว่าการนำเสนอที่เต็มไปด้วย buzzword
“กลับสู่โหมดถ่อมตนอีกครั้ง”
* หลังจากประสบความสำเร็จ อย่าหลงระเริงนาน แต่กลับมาเรียนรู้ใหม่ เปิดใจรับ feedback และมองหาความท้าทายถัดไป
====
✨ “ความเงียบที่ดังกว่าคำพูด?”
* โลกยุคนี้เต็มไปด้วยเสียงดังจากโซเชียล ทุกคนรีบโพสต์ รีบอวด รีบพูดว่าตัวเองเก่งหรือสำเร็จแค่ไหน แต่สิ่งที่ผู้คนเชื่อถือจริงๆ กลับไม่ใช่คำพูด แต่คือ “ผลงานที่ทำได้จริง”
* ความถ่อมตนไม่ใช่การมองว่าตัวเองไร้ค่า แต่คือการโฟกัสที่ “งาน” มากกว่าการสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเอง และเมื่อเราส่งมอบคุณค่าจริง ผลงานที่จับต้องได้นั่นแหละคือเสียงที่ดังที่สุด
ท้ายที่สุด Ego อาจเรียกร้องเครดิต แต่หากคุณสร้างคุณค่าได้จริง เครดิตจะตามมาเองโดยไม่ต้องเอ่ยปาก
====
📚 References
* Ryan Holiday, Ego Is the Enemy
* กรณีศึกษา Kodak ไม่ฟังสัญญาณการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล: https://hbr.org/2012/01/kodak-and-the-brutal-difficult
* กรณีศึกษา Nokia และการพลาดกระแสสมาร์ทโฟน: https://www.theguardian.com/technology/2013/sep/03/nokia-rise-fall-mobile-phone-giant
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#EgoIsTheEnemy
#Leadership
#Humility
#SelfAwareness
#ภาวะผู้นำ
#ความถ่อมตน
โฆษณา