1 ต.ค. เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ธปท. ชี้! คนละครึ่งพลัส–บัตรสวัสดิการ สร้างความเชื่อมั่นแม้เศรษฐกิจชะลอ

ธปท. ย้ำตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ต้องศึกษาโครงสร้างและธรรมาภิบาล ชี้!คนละครึ่ง–บัตรสวัสดิการ สร้างความเชื่อมั่นแม้เศรษฐกิจชะลอ
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวใน BOT Monthly Briefing โฆษกพบสื่อ เดือน กันยายน 2568
ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวจากทั้งอุปสงค์ที่ชะลอ และปัจจัยชั่วคราว เช่น การหยุดผลิตรถยนต์เพื่อปรับกระบวนการ และการปิดสายการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อซ่อมบำรุง ส่วนภาคบริการลดลงตามการค้าและการขนส่งสินค้า แต่กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวยังขยายตัวตามรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ
ด้านการท่องเที่ยว เดือนสิงหาคมมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.8% จากเดือนก่อน ครอบคลุมเกือบทุกสัญชาติ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวช่วงปิดเทอมฤดูร้อน และกลุ่ม Long Haul จากยุโรปและรัสเซีย ทำให้รายได้ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนการบริโภคภาคเอกชนทรงตัว การใช้จ่ายในหมวดบริการและสินค้าไม่คงทนขยายตัวจากโครงการกระตุ้นท่องเที่ยว เช่น เที่ยวไทยคนละครึ่ง ขณะที่หมวดสินค้าคงทนและกึ่งคงทนลดลง โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์และสิ่งทอ เนื่องจากผู้บริโภครอโปรโมชั่นและรุ่นใหม่ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ปัจจัยกดดันการบริโภคยังมาจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่องจากปัญหาค่าครองชีพสูง ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา
อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนโดยรวมทรงตัว แม้หมวดก่อสร้างขยายตัวจากโรงงานและอาคารพาณิชย์ ขณะที่การลงทุนในเครื่องจักรและยานพาหนะลดลง การนำเข้าสินค้าทุนก็ปรับลดลงต่อเนื่อง ยกเว้นบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขยายเส้นทางบินและ Data Center ส่วนรายจ่ายภาครัฐลดลงเล็กน้อยจากการลงทุนของรัฐบาลกลางและรัฐวิสาหกิจ แต่รายจ่ายประจำยังขยายตัวตามงบบุคลากรและสวัสดิการ
ส่วนตลาดแรงงานยังทรงตัว สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อัตราผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานปรับลดลงในเกือบทุกสาขา ยกเว้นบางอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาวะ “China flooding” เช่น สิ่งทอและผลิตภัณฑ์แร่
ด้านเงินเฟ้อทั่วไป เดือนสิงหาคมอยู่ที่ -0.79% ลดลงจาก -0.7% ในเดือนก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาผักและผลไม้ที่ลดลงตามผลผลิต และราคาพลังงานที่ยังหดตัวต่อเนื่อง แม้ชะลอลงจากราคาน้ำมันที่ทรงตัว ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวกเล็กน้อย สะท้อนต้นทุนที่ลดลงจากอาหารสดและการยกเลิกโปรโมชั่นอาหารดิลิเวอรี
สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัด เดือนสิงหาคมพลิกเป็นขาดดุล 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมเกินดุล 2.4 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก่อน สาเหตุจากดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่ขาดดุลเพิ่มขึ้นจากการส่งกลับกำไรของบริษัทต่างชาติ และดุลการค้าลดลงตามการส่งออกที่ทรงตัว
ย้ำ"เงิน NEO" ไม่ได้หมายถึงเงินผิดกฎหมายหรือ เงินสีเทาเสมอไป
นอกจากนี้ โฆษก ธปท. ยังได้อธิบายกรณี Net Error and Omission (NEO) ว่าเป็น “ค่าความคลาดเคลื่อนทางสถิติ” ในการบันทึกธุรกรรมระหว่างประเทศ ไม่ได้หมายถึงเงินผิดกฎหมายหรือ เงินสีเทาเสมอไป โดยข้อมูลเบื้องต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนจากข้อมูลที่ล่าช้าหรือไม่ครบถ้วน
ซึ่งจะมีการปรับแก้เมื่อข้อมูลสมบูรณ์ ทั้งนี้ ไตรมาสแรกปี 2568 อยู่ที่ 2.4 พันล้านดอลลาร์ และไตรมาสสองเพิ่มขึ้นเป็น 3.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยในปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีความผิดปกติรุนแรง แต่เป็นไปตามธรรมชาติของการบันทึกข้อมูลที่ต้องใช้เวลาเก็บรายละเอียดให้ครบถ้วน
ภาษีทรัมป์พ่นพิษ กระทบส่งออกในบางเดือนข้างหน้า
ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินที่หลายฝ่ายจับตามอง โฆษก ธปท.ระบุว่า การส่งออกไทยมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ที่อาจทำให้ยอดส่งออกบางเดือนข้างหน้าติดลบ แม้ว่าในภาพรวมการส่งออกยังมีแรงหนุนจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตได้ดี แต่ก็ต้องเฝ้าระวังผลจากมาตรการกีดกันทางการค้า (tariff) และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการทั้งในไทยและต่างประเทศ
ด้านการนำเข้า แม้ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่ ธปท. ยอมรับว่าจับตาใกล้ชิดต่อความเสี่ยง transshipment หรือการนำสินค้าบางประเทศที่ถูกกีดกันจากตลาดสหรัฐฯ ไหลเข้ามาท่วมตลาดไทย
มองแบงก์ไทย โดนปรับ Outlook เป็นไปตาม Outlook ประเทศ
ส่วนประเด็นที่หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating Agency) ปรับ Outlook ของประเทศไทยและสถาบันการเงินบางแห่ง โฆษก ธปท. อธิบายว่า ส่วนใหญ่เป็นการปรับตาม Outlook ของประเทศ
โดยธนาคารพาณิชย์ที่มีความเชื่อมโยงกับภาครัฐมากก็จะได้รับผลกระทบในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ธนาคารสาขาต่างชาติยังถูกจำกัดด้วย ceiling rating ของประเทศ ทั้งนี้ ธปท. ยืนยันว่าฐานะและความสามารถดำเนินงานของสถาบันการเงินไทยยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ พร้อมหารือกระทรวงการคลังเพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้ Outlook ถูกปรับลบต่อเนื่องในอนาคต
พร้อมออกมาตรการดูแลค่าเงิน-ตลาดทองคำ
ในส่วนค่าเงินบาทและตลาดทองคำ ขณะนี้กำลังติดตามการเก็งกำไรและกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด โดยจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเชื่อมโยงและเพิ่มประสิทธิภาพการรายงานข้อมูล รวมถึงการสนับสนุนให้มีการซื้อขายทองคำเป็นดอลลาร์มากขึ้น เพื่อช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท พร้อมย้ำว่ามาตรการทุกอย่างจะต้องออกแบบอย่างรอบคอบ เพื่อลดผลข้างเคียงให้น้อยที่สุด
"กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ" ต้องศึกษาโครงสร้างและธรรมาภิบาล
สำหรับข้อเสนอการนำทุนสำรองระหว่างประเทศบางส่วนไปตั้งเป็น กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund: SWF) ธปท. เห็นว่าต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน เนื่องจากทุนสำรองไทยมีทั้งส่วนที่มาจากดุลการค้าและบริการ และส่วนที่มาจากเงินทุนต่างชาติ ซึ่งมีภาระผูกพัน
หากนำออกไปใช้อย่างไม่ระมัดระวังอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเครดิตประเทศ แม้การจัดตั้ง SWF จะไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ แต่ต้องศึกษาเรื่อง ขนาดที่เหมาะสม และธรรมาภิบาลอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกัน ธปท. ยังย้ำว่าทุนสำรองที่สูงในปัจจุบันถือเป็น buffer สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่งและรองรับความเสี่ยงภายนอกได้ดี
ชี้! คนละครึ่งพลัส–บัตรสวัสดิการ สร้างความเชื่อมั่นแม้เศรษฐกิจชะลอ
นอกจากนี้ ในประเด็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “คนละครึ่งพลัส” และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณรวมราว 66,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นราว 0.4% ของ Nominal GDP ธปท. มองว่ามาตรการลักษณะนี้แม้ไม่ได้สร้างการจ้างงานหรือรายได้ใหม่โดยตรง แต่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจได้ อย่างไรก็ตาม ผลดีที่แท้จริงต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน และอาจมีการรั่วไหลไปยังสินค้าประเภทอื่นๆได้
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา