พระเจ้าตามหาผู้หลงหาย
ลูกา 19:1-10 TH1971
[1] ฝ่ายพระเยซูจึงเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำลังจะทรงผ่านไป [2] ดูเถิด มีชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นนายด่านภาษีและเป็นคนมั่งมี [3] ศักเคียสพยายามจะดูให้เห็นพระเยซูว่า พระองค์เป็นผู้ใดแต่ดูไม่เห็นเพราะคนแน่น ด้วยเขาเป็นคนเตี้ย [4] เขาจึงวิ่งไปข้างหน้าขึ้นต้นมะเดื่อ เพื่อจะได้เห็นพระองค์เพราะว่าพระองค์จะเสด็จไปทางนั้น
[5] เมื่อพระเยซูเสด็จมาถึงที่นั่น พระองค์ทรงแหงนพระพักตร์ดูศักเคียสแล้วตรัสแก่เขาว่า <<ศักเคียสเอ๋ย จงรีบลงมา เพราะว่าเราจะต้องพักอยู่ในตึกของท่านวันนี้>> [6] แล้วเขาก็รีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความปรีดี
[7] เมื่อคนทั้งหลายเห็นแล้วเขาก็พากันบ่นว่า <<พระองค์เข้าไปพักอยู่กับคนบาป>> [8] ฝ่ายศักเคียสยืนทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า <<ดูเถิด พระเจ้าข้า ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนอนาถากึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์ได้ฉ้อโกงของของผู้ใด ข้าพระองค์ยอมคืนให้เขาสี่เท่า>>
[9] พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<วันนี้ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นลูกของอับราฮัมด้วย [10] เพราะว่าบุตรมนุษย์ได้มาเพื่อจะเที่ยวหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด>>
ความบาปทำให้มนุษย์หยากจะเป็นพระเจ้าเสียเอง จึงไม่หยากจะอยู่ใต้ใคร หยากจะทำอะไรได้ตามใจ หยากให้ทุกคนยอมรับ หยากเก่งเด่นดังกว่าคนอื่น
หลายคนแม้ได้รู้จักกับคริสตจักรมานานแต่ก็ไม่สามารถจะใช้ชีวิตมีความสงบสุขได้ เพราะมันไม่สามารถจะปล่อยวางชีวิตไว้กับพระเจ้าพระเยซูได้ครับ
ก็ยังเสพติดกับอาหารเนื้อหนังเหมือนแร้งที่ชอบหากินกับทรากศพ คือยังหมกมุ่นสนใจแต่กับเรื่องของโลกวัตถุเนื้อหนังนี้ครับ ตัวเองจะสุขสบายดีเด่นเก่งดังกว่าคนอื่นได้ยังไง เห็นใครได้อะไรดีกว่ามากกว่าก็จะทุกข์เพราะอิจฉาเขา สนใจคนอื่นจึงไม่ใช่เพราะอยากให้เขาได้ดีมีสุข แต่หยากจะได้จิตใจของเขามาเป็นพวกเสริมบารมีให้ตัวเอง แต่พอคนตีจากเพราะผลประโยชน์ให้ไม่พอแยกตัวตีจากก็เกลียดโกรธเขา ชีวิตจึงมีแต่ความร้อนรุ่มเหมือนหอบไฟไว้กับอกแบบนี้ครับ
พวกเขาอยู่คริสตจักรแต่ด้วยจิตใจเดิม มันจึงได้แต่ทุกข์ทรมาน เหมือนถุงหนังเก่าแต่อยากจะได้น้ำองุ่นใหม่ ใส่เข้าไปก็แตกรั่วเสียหายไปหมดด้วยกัน มันไปด้วยกันไม่ได้กับจิตใจเดิมกับพระเยซูหรือพระคำความจริงครับ
มาคริสตจักรก็ควรคาดหวังที่จะได้รับจิตใจใหม่ของพระเจ้าและรังเกียจกับจิตใจเดิมของตัวเอง อยากทิ้งกับมัน เหมือนศักเคียสคนนี้ครับ
กับการที่ตอนจบเขาสามารถจะพูดออกมาแบบนั้นได้มาจากการที่เขาได้พบพระเยซูแล้ว เงินจึงไม่ใช่เจ้าชีวิตของเขาอีกต่อไป จะหมดไปก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว เพราะชีวิตขึ้นกับพระเยซูแล้ว
ตลอดมามันก็ฝากชีวิตไว้กับเงิน ทำให้คนอื่นเดือดร้อนทุกข์ทรมานยังไงก็ต้องทำ ขูดรีดภาษีผู้คนเอาไปให้กับโรมและกินอยู่กับส่วนต่างที่บวกเพิ่ม ใครไม่มีก็ข่มขู่ให้ไปหามา เลี้ยงนักเลงไว้เป็นลูกน้องคอยตามทวงตามเก็บหรือทำร้ายก็ได้ถ้าไม่ยอมไปหามาให้แบบนี้ครับ
หลายคนความจริงก็ทำแบบนี้กับพ่อแม่หพี่น้องทำกับสามีหรือภรรยาเพื่อนบ้านที่อ่อนแอกว่ามาโดยตลอด แค่อาจใช้วิธีข่มขู่รูปแบบอื่น เช่นใช้เล่ห์เพทุบายหลอกล่อให้อีกฝ่ายทำตามที่ตนต้องการ ชั่วร้ายยิ่งกว่าศักเคียสอีก เพราะศักเคียสปรากฏออกมาตรงๆ
แต่เคยทุกข์กับการใช้ชีวิตมาแบบนั้นไหม? เคยอยากที่จะออกมาพึ่งพาเพียงพระเจ้าไหม เคยเชื่อไหมว่ากับชีวิตที่มันชอบใช้หัวใช้สติปัญญาของตัวเองมันฆ่าทำร้ายคนอื่นยังไง? ชีวิตที่ไม่มอบไว้กับพระเจ้าก็เป็นได้แค่เครื่องมือฆ่าทำลายผู้คนเท่านั้นครับ ถ้าทุกข์อยากหลุดพ้นออกจากมันจริงๆ ทำไมพระเจ้าจะไม่ให้พระเยซู
เรามาไล่เรียงดูพระคำตอนนี้ไปด้วยกันครับ
ลูกา 19:1-10 TH1971
[1] ฝ่ายพระเยซูจึงเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำลังจะทรงผ่านไป
พระเยซูมาเยรีโคเพื่อคนแบบศักเคียสครับ ถึงแม้จะมีคนมากมายที่มาคอยดูพระองค์ มากขนาดไม่มีช่องให้ศักเคียสแทรกเข้าได้ต้องปีนขึ้นต้นมะเดื่อเพื่อจะได้เห็น แต่วันนั้นกลับมีเพียงศักเคียสคนเดียวที่ได้ต้อนรับพระองค์? ศักเคียสมีใจที่แตกต่างจากคนอื่นยังไง
[2] ดูเถิด มีชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นนายด่านภาษีและเป็นคนมั่งมี
ก็เป็นงานที่น่ารังเกียจมากสำหรับชาวยิวตอนนั้น เพราะเป็นช่วงที่พวกเขาตกเป็นเมืองขึ้นของโรม ต้องจ่ายภาษีให้กับโรม และศักเคียสก็เป็นชาวยิวที่ยอมรับงานนี้คือตามเก็บภาษีจากชาวยิวด้วยกันไปส่งให้กับทางโรม ก็กินเปอร์เซนต์เก็บมากได้มาก ก็ต้องมีใจที่ชั่วร้ายใจดำอำมหิตมากนะจึงจะทำงานนี้ได้ ต้องข่มขู่หรือทำร้ายทำลายข้าวของเพื่อจะให้จ่ายภาษีให้ได้ตามเป้าทางโรมด้วย คนยิวจึงรังเกียจมากกับคนทำอาชีพนี้ ศักเคียสก็ร่ำรวยขึ้นมาจากอาชีพนี้ครับ
[3] ศักเคียสพยายามจะดูให้เห็นพระเยซูว่า พระองค์เป็นผู้ใดแต่ดูไม่เห็นเพราะคนแน่น ด้วยเขาเป็นคนเตี้ย [4] เขาจึงวิ่งไปข้างหน้าขึ้นต้นมะเดื่อ เพื่อจะได้เห็นพระองค์เพราะว่าพระองค์จะเสด็จไปทางนั้น
แต่ศักเคียสเขาดิ้นรนเพื่อจะเห็นพระเยซูทำไม? เพราะเขาเชื่อว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าส่งลงมาเพื่อช่วยมนุษย์ให้ได้หลุดพ้นจากความบาปครับ เขาจึงพยายามปรารถนาที่จะได้พบกับพระองค์ เพราะเขาอยากจะออกจากชีวิตในบาปแบบนี้ เขาไม่ได้อยากจะมีชีวิตแบบนี้ตลอดไป ชีวิตที่อยู่รอดด้วยเลือดและน้ำตาคนอื่นแบบนี้ครับ เขาต้องทำเพราะเขาไม่มีทางเลือกเขาไม่มีกำลังที่จะเอาชนะ ความบาปมันได้แต่พาผู้คนให้ไปแต่ทิศทางนั้นครับ
อิสยาห์ 9:5-7 TH1971
[5] เพราะรองเท้าทุกคู่ที่กระทืบไปอย่างสั่นสะเทือน และเสื้อคลุมทุกตัวที่เกลือกอยู่ในโลหิต จะถูกเผาเป็นเชื้อเพลิงใส่ไฟ [6] ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน และท่านจะเรียกนามของท่านว่า <<ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช>>
[7] เพื่อการปกครองของท่านจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น และสันติภาพจะไม่มีที่สิ้นสุด เหนือพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ ที่จะสถาปนาไว้ และเชิดชูไว้ ด้วยความยุติธรรมและด้วยความชอบธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดร์กาล ความกระตือรือร้นของพระเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้
ด้วยพระสัญญานี้ทำให้เขาเกิดความหวังที่จะหลุดพ้นออกจากความบาปได้ครับ เขาจึงพยายามที่จะได้พบกับพระเยซูแบบนี้ครับ
แต่คนมากมายไม่ได้อยากมาหาพระเยซูเพื่อจะได้หลุดพ้นจากความบาปครับ พวกเขามาขอแต่ให้พระองค์ช่วยตอบสนองเนื้อหนังความต้องการของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ทุกข์ทรมานกับการเป็นทาสเนื้อหนังที่อยู่ใต้บาปแบบศักเคียสครับ
[5] เมื่อพระเยซูเสด็จมาถึงที่นั่น พระองค์ทรงแหงนพระพักตร์ดูศักเคียสแล้วตรัสแก่เขาว่า <<ศักเคียสเอ๋ย จงรีบลงมา เพราะว่าเราจะต้องพักอยู่ในตึกของท่านวันนี้>> [6] แล้วเขาก็รีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความปรีดี
พระเจ้าส่งพระเยซูลงมาให้กับคนที่มีใจแบบศักเคียสครับ
อิสยาห์ 59:10-11 TH1971
[10] เราทั้งหลายคลำหากำแพงเหมือนคนตาบอด เออ เราคลำหาเหมือนคนไม่มีลูกตา เราสะดุดในเวลาเที่ยงเหมือนในเวลาโพล้เพล้ ท่ามกลางคนที่มีกำลังเต็มที่เราเหมือนคนตาย [11] เราทุกคนครางเหมือนหมี เราพิลาป และพิลาปเหมือนนกพิราบ และมองหาความยุติธรรม แต่ไม่มีเลย หาความรอด แต่ก็อยู่ไกลจากเรา
คือคนที่มีใจยอมรับว่าตัวเองกำลังจมอยู่ในความมืดมิด หาทางออกไม่เจอกับชีวิตไม่ได้มีความสุขเลยกับสภาพที่เป็นอยู่แบบนี้ อยู่ด้วยกำลังความสามารถหรือเงินทองวัตถุทางโลกนี้ครับ
อิสยาห์ 59:13 TH1971
[13] คือการทรยศ การปฏิเสธพระเจ้า การหันไปจากการติดตามพระเจ้าของเรา การพูดที่เป็นการบีบบังคับและการกบฏ การก่อและการกล่าวคำเท็จจากใจ
อิสยาห์ 59:20 TH1971
[20] พระเจ้าตรัสว่า <<และพระองค์จะเสด็จมายังศิโยนเป็นพระผู้ไถ่ มายังบรรดาผู้อยู่ในยาโคบผู้หันจากการทรยศ>>
เพราะสำหรับพระเจ้าแล้วมันคือการบีบบังคับกบฏการโกหกทรยศต่อพระเจ้ากับการที่มนุษย์เชื่อวางใจกับสิ่งอื่นนอกเหนือพระองค์นี้ครับ
[7] เมื่อคนทั้งหลายเห็นแล้วเขาก็พากันบ่นว่า <<พระองค์เข้าไปพักอยู่กับคนบาป>>
คนพวกนี้ตัดสินคนแค่ภายนอก ใช้ชีวิตอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ สนใจเอาใจแต่สายตามนุษย์คนหมู่มากคิดเห็นอย่างไร ไม่ได้สนใจจิตใจแท้จริงพระเจ้าคิดเห็นอย่างไร ทำไมพระเยซูจึงเลือกเข้าไปหาคนแบบศักเคียส? มาหามาดูพระเยซูก็แค่ตามๆชาวบ้าน กลัวคนอื่นจะว่า กลัวแต่มนุษย์ แต่พระเจ้าที่ควรกลัวจริงๆถ้าไม่เชื่อไม่ยำเกรงกลับไม่กลัว?
อิสยาห์ 59:16 TH1971
[16] พระองค์ทรงเห็นว่าไม่มีคนใดเลย ทรงประหลาดพระทัยว่าไม่มีใครอ้อนวอนเผื่อ แล้วพระกรของพระองค์เองก็นำความรอดมา และความชอบธรรมของพระองค์ชูพระองค์ไว้
หลายคนก็รู้จักกับคริสตจักรมาหลายปี ได้ฟังพระคำมาก็มาก แต่ก็มีแต่ร่างกายที่มาโบสถ์ แต่ใจไม่เคยอยากจะทิ้งใจเดิมของตัวเองเลย ยังชอบยังสนุกสุขอยู่กับมัน ไม่เคยเป็นหนึ่งเดียวกับที่โบสถ์เลย ใช้ชีวิตก็ยังสนใจอยู่แต่กับเรื่องของตัวเองกับเรื่องของโลกนี้ครับ
[8] ฝ่ายศักเคียสยืนทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า <<ดูเถิด พระเจ้าข้า ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนอนาถากึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์ได้ฉ้อโกงของของผู้ใด ข้าพระองค์ยอมคืนให้เขาสี่เท่า>> [9] พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<วันนี้ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นลูกของอับราฮัมด้วย [10] เพราะว่าบุตรมนุษย์ได้มาเพื่อจะเที่ยวหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด>>
ตอนที่คนได้พบกับพระเยซูมันก็ไม่มีอะไรที่จะต้องหวงไว้เพื่อตัวเองอีกต่อไปแล้วครับ เพราะมีพระเยซูเข้ามาคอยดูแลรับผิดชอบให้แล้วกับชีวิต มันเทียบกันไม่ได้ครับระหว่างพระเยซูกับทรัพย์สมบัติของโลกนี้
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
