2 พ.ย. เวลา 06:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

👓 ไม่ใช่แค่นิยายไซไฟ! “ชิปในตา” PRIMA คืนการมองเห็นให้ผู้ป่วยจอประสาทตาเสื่อมได้สำเร็จ

ลองจินตนาการว่าวันหนึ่ง การมองเห็นของคุณเริ่มเลือนราง... ตรงกลางภาพที่คุณมองเห็นกลายเป็นจุดดำมืด คุณไม่สามารถจดจำใบหน้าของคนที่คุณรัก หรืออ่านหนังสือเล่มโปรดได้อีกต่อไป นี่คือชะตากรรมที่ผู้ป่วยนับล้านทั่วโลกต้องเผชิญจากโรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย (Age-related macular degeneration หรือ AMD)
แต่วันนี้ เรื่องราวที่เคยเป็นเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ กำลังจะมอบความหวังครั้งใหม่ให้กับพวกเขา ด้วยเทคโนโลยี “ดวงตาไบโอนิค” ที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาอ่านหนังสือได้อีกครั้ง
⏳ เมื่อการรักษาทำได้แค่ “ชะลอ”
AMD เป็นภาวะที่เซลล์รับแสงและเซลล์ประสาทในส่วนกลางของจอประสาทตาถูกทำลาย ทำให้สูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพไป และที่น่ากลัวคือการรักษาที่ได้รับอนุมัติในปัจจุบันทำได้เพียงแค่ “ชะลอ” การลุกลามของโรคเท่านั้น ไม่สามารถ “ย้อนคืน” การมองเห็นที่เสียไปแล้วได้
โดยเฉพาะในผู้ป่วยระยะลุกลามที่เรียกว่า Geographic atrophy พวกเขามักจะยังพอมีเซลล์รับแสงที่ช่วยในการมองเห็นรอบนอก (Peripheral vision) เหลืออยู่ และมีเซลล์ประสาทจอตาเพียงพอที่จะส่งข้อมูลไปยังสมอง... และนี่คือ “ช่องทาง” ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้เป็นความหวัง
👁️ PRIMA: เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแสงอินฟราเรดเป็นภาพ
PRIMA คืออุปกรณ์เทียมจอประสาทตาชนิดแรกที่จะฟื้นฟูการมองเห็น ไม่ใช่แค่เพียงความไวต่อแสงเท่านั้น
ทีมวิจัยนำโดย แดเนียล พาลันเกอร์ (Daniel Palanker) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่ชื่อว่า PRIMA ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก
  • 1.
    แว่นตาไฮเทค: ที่มีกล้องขนาดเล็กติดอยู่ ทำหน้าที่จับภาพโลกตรงหน้า
  • 2.
    ชิปไร้สายพลังงานแสงอาทิตย์: ขนาดจิ๋วเพียง 2x2 มิลลิเมตร ที่จะถูก “ปลูกถ่าย” เข้าไปที่ด้านหลังของดวงตา
กระบวนการทำงานของมันน่าทึ่งมาก... เมื่อกล้องบนแว่นตาจับภาพ มันจะฉายภาพนั้นผ่านแสงอินฟราเรด (ซึ่งเรามองไม่เห็น) ไปยังชิปในดวงตา จากนั้นชิปจะแปลงข้อมูลภาพนั้นเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่เซลล์ประสาทจอตาที่ยังเหลืออยู่สามารถส่งต่อไปยังสมองเพื่อประมวลผลเป็นภาพได้!
การใช้แสงอินฟราเรดคือหัวใจสำคัญ เพราะมันไม่รบกวนการมองเห็นรอบนอกที่ผู้ป่วยยังหลงเหลืออยู่ “นี่หมายความว่าผู้ป่วยสามารถใช้ทั้งการมองเห็นจากอวัยวะเทียมและการมองเห็นรอบนอกของตัวเองไปได้พร้อมๆ กัน” พาลันเกอร์กล่าว
⚫ “ผมคิดว่าตาของผมมันตายไปแล้ว”
ทีมวิจัยได้ทดลองปลูกถ่ายชิปนี้ให้กับผู้ป่วยสูงอายุ 32 คน ที่มีการมองเห็นแย่มากในระดับ 20/320 (หมายถึง สิ่งที่คนสายตาปกติเห็นชัดที่ระยะ 97.5 เมตร พวกเขาต้องเข้ามาใกล้ถึง 6 เมตรจึงจะเห็น)
หลังจากผ่านไป 1 ปี ผลลัพธ์ที่ได้ก็สร้างความประทับใจอย่างมาก...
  • ผู้เข้าร่วม 27 คน สามารถกลับมาอ่านหนังสือได้อีกครั้ง
  • โดยเฉลี่ย พวกเขาสามารถมองเห็นตัวอักษรบนแผ่นทดสอบสายตามาตรฐานได้เพิ่มขึ้นถึง 5 แถว
  • และบางคนสามารถอ่านหนังสือได้ด้วยการมองเห็นที่เทียบเท่ากับ 20/42 (ใกล้เคียงคนปกติมาก)
“เมื่อคุณเห็นพวกเขาเริ่มอ่านตัวอักษรได้ แล้วเริ่มอ่านเป็นคำ มันคือความปิติยินดีที่เพิ่มขึ้นจากทั้งสองฝ่าย” โฮเซ-อแลง ซาเฮล (Jose-Alain Sahel) หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว “ผมจำได้ว่ามีผู้ป่วยคนหนึ่งบอกผมว่า: ‘ผมคิดว่าตาของผมมันตายไปแล้ว และตอนนี้พวกมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง’”
🎭 ก้าวต่อไป: จากขาว-ดำสู่การจดจำใบหน้า
แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้นับเป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ แต่มันยังมีข้อจำกัด การมองเห็นที่ได้คืนมายังเป็นภาพขาวดำ และผู้เข้าร่วมประมาณสองในสามก็พบผลข้างเคียงในระยะสั้น (แต่ก็ไม่ขัดขวางการพัฒนาการมองเห็น)
“เป้าหมายต่อไปของเราคือการเพิ่มซอฟต์แวร์ที่จะช่วยในการแยกแยะระดับสีเทา และปรับปรุงมันเพื่อการจดจำใบหน้า” พาลันเกอร์กล่าว
🏡 มองเทคโนโลยีโลก ย้อนดูสังคมผู้สูงวัยในไทย
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ (Super-aged society) และหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขที่น่ากังวลมากที่สุดคือ โรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย (Age-related Macular Degeneration: AMD) โรคนี้กำลังถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุไทยในอนาคตอันใกล้
สำหรับคนไทยทั่วไป การค้นพบและการตระหนักรู้เกี่ยวกับ AMD ถือเป็นเครื่องย้ำเตือนที่ทรงพลัง ว่าการดูแลสุขภาพดวงตาไม่ควรถูกละเลย
1. สำหรับคนรุ่นใหม่: แม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะก้าวหน้า แต่การป้องกันยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด การสวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันรังสี UV การพักสายตาจากหน้าจอเป็นระยะ และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา เช่น ผักใบเขียวและปลาที่มีโอเมก้า-3 ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทันทีในชีวิตประจำวัน
2. สำหรับผู้ที่มีพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่: สัญญาณเตือนเล็กๆ น้อยๆ เช่น การมองเห็นไม่ชัด หรือการเห็นภาพตรงกลางบิดเบี้ยว ไม่ควรถูกมองข้าม การพาผู้สูงอายุไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจจอประสาทตาอย่างน้อยปีละครั้งเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการรักษาในปัจจุบันสามารถทำได้เพียง “ชะลอ” การดำเนินของโรค การตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาคุณภาพชีวิต
โรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย (AMD) จึงไม่ใช่เพียงปัญหาของผู้สูงอายุ แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญตั้งแต่วันนี้ เพื่อปกป้องการมองเห็นในอนาคต
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ คืนการมองเห็น: อุปกรณ์ PRIMA ซึ่งเป็นชิปจิ๋วในตาทำงานร่วมกับแว่นตาไฮเทค สามารถฟื้นฟู “การมองเห็นเชิงฟังก์ชัน” (เช่น การอ่าน) ให้กับผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะลุกลามได้สำเร็จ
✅ กลไกอินฟราเรด: แว่นตาจะส่งภาพเป็นแสงอินฟราเรดไปยังชิป เพื่อไม่ให้รบกวนการมองเห็นรอบนอกที่ผู้ป่วยยังเหลืออยู่
✅ ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง: ผู้ป่วย 27 จาก 32 คน กลับมาอ่านหนังสือได้ และบางคนมีการมองเห็นที่ดีขึ้นจนเกือบเทียบเท่าคนปกติ
✅ ก้าวต่อไป: การมองเห็นยังเป็นภาพขาวดำ และเป้าหมายต่อไปคือการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยในการแยกแยะใบหน้า
✅ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ: นี่คือการค้นพบที่น่าตื่นเต้นและให้ความหวังอย่างมาก แต่ยังคงต้องมีการพัฒนาและวิจัยต่อไป
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
“ผมคิดว่าตาของผมมันตายไปแล้ว และตอนนี้พวกมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”... คำพูดนี้จากผู้ป่วย ทำให้คุณรู้สึกอย่างไรกับพลังของวิทยาศาสตร์ในการคืนสิ่งที่คิดว่าสูญเสียไปแล้วกลับคืนมาครับ?
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Holz, F. G., et al. (2025). Subretinal Photovoltaic Implant to Restore Vision in Geographic Atrophy Due to AMD. The New England journal of Medicine. https://doi.org/g97d24
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [https://ezdn.app/witlyofficial]

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา