5 พ.ย. เวลา 05:38 • ปรัชญา
เทศบาลนครยะลา
โลกนี้ ใช่ว่ามีแต่รูปมนุษย์ อย่างเดียวนี่นะ โลกนี้ มีพระแม่พระธรณี เหมือนลอยในอวกาศ ลองรับ ธาตุไฟ ธาตุน้ำ ธาตุลม ให้เกาะเกี่ยว อยู่ได้ ที่เค้าเรียกว่า เป็นเหมือนมหาธาตุใหญ่ แล้วก็มีอนุธาตุ น้อยๆ รวมตัวกัน ปั้นเป็นรูป นก หนู จิ้งจก มดปลวก แมงวัน กิ้งก่า ไส้เดือน กุ้งหอยปูปลา สัตว์บก สัตว์น้ำทะเล รุ่ปที่ดี หน่อย เค้าว่าประเสริฐ ก็ปั้นมาเป็นรูปคน ให้สติปัญญา สามารถรับรู้ รู้จักดีชั่วได้ ดีกว่า รูปปั้นอื่น .ที่เคลื่อนไหวได้
แล้วก็ยังมี เรื่องราวต้นไม่ ปั้นรูปขึ้นมา ที่ว่า รูปมีชีวิตได้ ..ก็ต้องอาศัยธาตเสริม ธาตุนอกมาเสริมธาตใน ต้นไม้ก็ไปชอนไช ให้ร่กไปดูดกลืนเข้ามา ให้ต้นใหญ่
..รูปอื่น ก็มีทั้งกินต้นไม้ใบหญ้า สัตว์กินเนื้อก็ไปกินสัตว์กินพืชเอา ธาตุนอกมาเสริมธาตุใน ในรูปที่เคลื่อนไหสไปมาได้ ก็มีจิตผู้ที่มีกรรมไปอาศัย ตั้งขึ้นมาให่จิตมีกรรมอาศัยชั่วระยะเวลาหนึ่ง วนเวียนในรูป สลับผลัดเปลือนกัน เดี๋ยวไปอยู่ในรูปสัตว์ รูปคน ..ไม่เที่ยงเลย โลกก็ยังลอยอยู่ในอวกาศ ยาวนาน นับเวลาไม่ได้เลย เหมือนสัตว์ที่วนเวียนเกิดตายๆ ในโลกนี้
แล้วในโลกที่ลอยในอวกาศ ก็ยังมีมิติต่างๆ ในโลกนี้ โลกผื โลกวิญญาณ เปรตอสุรกาย ที่สายตามนุษย์ มองยังไงก็ไม่เห็น เอาอุปกรณ์ในโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นมช่วย สายตา ช่วยสัมผัส วัดตรวจสอบ เครื่องมือนั้น ก็รับรู้ไม่ได้เลย เหมือนจิตที่อาศัยในกายมนุษย์ รับรู้ไม่ได้เลย
โฆษณา