9 พ.ย. เวลา 15:03 • หนังสือ

กลั่นอรรถ กรองอักษร (2)

เตรียมตัวแก่ไปกับ ‘เคล็ดลับวัยชรา’ (How To Grow Old) ของ มาร์คุส ตูลลีอุส ซิเซโร
ผู้ที่ไร้ซึ่งหนทางใช้ชีวิตเปี่ยมสุข ไม่ว่าอายุเท่าไรก็เจ็บปวด แต่สำหรับผู้แสวงหาสิ่งดีภายในตนเองนั้น สิ่งใดที่ธรรมชาตินำมาย่อมดูไม่เป็นปัญหา ความแก่ชราคือตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของเรื่องนี้ ทุกคนหวังจะอยู่ไปจนแก่เฒ่า แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราส่วนใหญ่กลับโอดครวญ คนเราโง่เง่าและโลเลกันได้ถึงปานนั้น
ซิเซโรถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับวัยชราผ่านบทสนทนาระหว่างคาโตกับสหายวัยหนุ่มสองคน ข้อความข้างต้นนี้คือคำกล่าวของคาโตที่สะท้อนความรังเกียจและความหวาดกลัวที่มนุษย์มีต่อวัยชราได้ดี ผิดกันตรงที่คนยุคปัจจุบันหลายคนอาจไม่ต้องการจะอยู่ไปจนแก่เฒ่า แต่ที่แน่ๆ คือคนวัยหนุ่มสาวส่วนใหญ่ไม่อยากเห็นตัวเองแก่
ผิวหนังที่เคยเต่งตึงจะหย่อนยาน มีริ้วรอย ผมที่เคยดกดำจะหงอกขาวและบางลง ร่างกายที่เคยเคลื่อนไหวได้กระฉับกระเฉงคล่องแคล่วจะติดขัดเชื่องช้า ลุกก็โอย นั่งก็โอย กำลังวังชาที่เคยมีจะถดถอย ความคิดที่เคยเฉียบคมจะทื่อลง ต้องโบกมือลาหน้าที่การงานหรือตำแหน่งสำคัญที่เคยถือครอง มีหนุ่มสาวคนไหนบ้างอยากเผชิญสภาพนี้
แต่หากเราไม่ตายไปเสียก่อน ย่อมไม่มีใครหลีกเลี่ยงความแก่ชราพ้น ‘เคล็ดลับวัยชรา’ ของซิเซโรคือหนังสือ How To ยุคดึกดำบรรพ์ตั้งแต่ 44 ปีก่อนคริสตกาล แม้ข้อใหญ่ใจความในหนังสือบางๆ เล่มนี้จะไม่แตกต่างจากความรู้สำหรับเตรียมตัวเข้าสู่วัยชราที่แพร่หลายในปัจจุบัน แต่ก็น่าทึ่งที่ปราชญ์สมัยโบราณตกตะกอนแง่คิดเหล่านี้ได้ถ่องแท้และเป็นวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ยุคนั้น
จงทำให้วัยชราของเราเป็นเหมือนฤดูใบไม้ร่วงที่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตที่เพาะปลูกไว้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนแห่งวัยหนุ่มสาว แล้วจัดเก็บผลผลิตเหล่านั้นไว้ใช้ในฤดูหนาวที่ชีวิตเดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย
นี่คือใจความสำคัญที่ซิเซโรถ่ายทอดมาในหนังสือ เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีและเป็นสุขในวัยชราหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราสะสมทรัพยากรไว้เป็นต้นทุนให้ตัวเองมากน้อยแค่ไหน ทั้งต้นทุนทางชีวภาพที่สร้างได้จากอาหารดีมีประโยชน์ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการออกกำลังที่เหมาะสม ตลอดจนต้นทุนทางความคิดและจิตวิญญาณจากการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต
สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องเริ่มสะสมไว้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เป็นเหมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์ให้เติบโตงอกงาม ผลิดอกออกผล รอวันที่เราจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นในวัยชรา สำหรับซิเซโร การเก็บเกี่ยวและแสวงหาภูมิปัญญาความรู้สำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะมันเปรียบได้ดังเชื้อเพลิงไว้เติมตะเกียงน้ำมันไม่ให้ราแสงลงตามกาลเวลา ช่วยให้เรารู้สึกเป็นสุข มีคุณค่าในตัวเอง และมีกิจกรรมที่เพลิดเพลินทำได้ แม้ในวัยที่สังขารไม่สมบูรณ์แข็งแรงเช่นเคย
หนังสือเล่มนี้บางนิดเดียว แถมหน้าเลขคู่ยังเป็นต้นฉบับภาษาละติน หน้าเลขคี่เป็นฉบับแปลไทย ซึ่งคุณฟิลิป ฟรีแมนเป็นผู้แปลจากต้นฉบับภาษาละตินเป็นภาษาอังกฤษและเขียนบทนำ ส่วนฉบับภาษาไทยที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ยิปซีนั้น เป็นฝีมือการแปลของคุณไอริสา ชั้นศิริ
ด้วยความที่หนังสือค่อนข้างบาง ใช้เวลาอ่านไม่นานก็จบ แม้จะมึนเล็กน้อยกับชื่อสารพัด ‘อุส’ ที่ปรากฏในหนังสือ เพราะคาโตยกตัวอย่างบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ที่ใช้ชีวิตในวัยชราอย่างน่าชื่นชม (ชื่อเฉพาะเหล่านี้ทางสำนักพิมพ์ทำเป็นรายการอ้างอิงท้ายเล่มไว้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม) แต่เราค่อนข้างประทับใจกับการใช้โวหารภาพพจน์ของผู้เขียน ที่มักเปรียบเปรยได้อย่างคมคาย
เช่น เปรียบอารมณ์ฉุนเฉียวหรือความตระหนี่ถี่เหนียวของคนแก่เป็นสัมภาระที่มีแต่จะเพิ่มน้ำหนักในช่วงสุดท้ายของการเดินทาง เปรียบตัวตนความสำคัญที่ลดลงเพราะวัยเป็นบทบาทบนเวที ว่านักแสดงไม่จำเป็นต้องอยู่บนเวทีตลอดเรื่อง แค่ได้ปรากฏตัวในองก์ที่เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว
ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้นักแปลทั้งสองท่านด้วยเช่นกัน สำหรับคนอ่านที่ให้คะแนนกับสำนวนภาษาค่อนข้างมากอย่างเรา การได้อ่านหนังสือดีๆ ที่เขียน/แปลผ่านสำนวนดีๆ ถือเป็นโชคสองชั้นเลยทีเดียว โดยเฉพาะฉบับภาษาไทยที่เราอ่าน คุณไอริสาใช้ภาษาถ่ายทอดออกมาได้อย่างประณีต เลือกใช้ศัพท์ได้เหมาะสมกับต้นฉบับซึ่งเป็นงานเขียนของปราชญ์ยุคก่อนคริสตกาล แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่หรูหรารุงรังเกินกว่าที่คนยุคปัจจุบันจะอ่านรู้เรื่อง
ขอยกข้อความที่ประทับใจในเล่มมาให้ดูสักสามตัวอย่าง
‘เราทั้งคู่ต่างหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ยาวนานจนถึงวัยชราสักวันหนึ่ง จึงจะนับว่าเป็นบุญคุณนักหากท่านสอนเราเสียตั้งแต่ตอนนี้ว่าเราจะแบกรับน้ำหนักของขวบปีที่กำลังกรายใกล้เข้ามาด้วยเหตุและผลอย่างไร’
‘สิ่งที่ทำให้ข้าสุขใจไม่ใช่แค่ผลผลิตจากผืนดินแต่เป็นพลังและธรรมชาติของดินเองด้วย มันรับเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านอย่างกระจัดกระจายลงสู่มดลูกอันอ่อนนุ่มและพรั่งพร้อมของมัน เมล็ดพันธุ์ถูกซ่อนเร้นไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ภาษาละตินเรียกช่วงนี้ว่าออกคีคาตุม ดังนั้น จึงกลายเป็นคำว่าอ็อกคาติโอ
‘จากนั้นเมื่อได้รับความอบอุ่นจากความร้อนอันอิ่มน้ำจากการโอบอุ้มของดิน เมล็ดพันธุ์ก็จะพองออกและแทงใบเรียวสีเขียวงอกงามขึ้นมา เมื่อมีรากฝอยคอยเจือจุน มันจึงเจริญเติบโตจนกระทั่งยืนลำต้นขึ้นได้ในที่สุด บัดนี้ภายใต้เปลือกล่วงเข้าสู่วัยหนุ่มสาวแล้ว ซึ่งในที่สุดก็จะแตกยอด ช่องรวงจะปรากฏให้เห็นภายในแถวที่เป็นระเบียบ มีรั้วไม้ปลายแหลมเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้นกตัวน้อยมาจิกกิน’
‘ริ้วรอยและเรือนผมสีเทาไม่อาจกระตุ้นให้เกิดความเคารพนับถือขึ้นมาในทันที คนวัยชราจะเก็บเกี่ยวผลแห่งความเคารพนับถือได้ก็ต่อเมื่อใช้ชีวิตก่อนหน้ามาอย่างดีแล้วเท่านั้น’
หนังสือเล่มนี้เป็นภารกิจ 2/5 ของชาเลนจ์พิชิตกองดองที่เราตั้งไว้ให้ตัวเอง แอบโกงเล็กน้อยที่เลือกหนังสือเล่มบาง แต่เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาเราเฉื่อยๆ อึนๆ เกือบเข็นตัวเองให้อ่านและเขียนรีวิวไม่ได้อยู่แล้ว เลยเลือกหนังสือบางๆ มาอ่านแบบรวดเดียวจบแล้วเขียนเลย ยังเหลืออีก 3 เรื่องสำหรับเดือนนี้ ตั้งใจไว้ว่าถ้าทำชาเลนจ์นี้ครบหมด และอ่านอีก 4 เรื่องได้ก่อนสิ้นปี เราจะอนุญาตให้ตัวเองซื้อหนังสือเพิ่ม เพราะมีหนังสือจัดชุดที่อยากได้อยู่ แต่เห็นกองดองแล้วไม่กล้าซื้อ
รอดูกันต่อไปว่าคนไร้วินัยอย่างเราจะชาเลนจ์ตัวเองสำเร็จหรือไม่ ^_^
โฆษณา