16 พ.ย. เวลา 22:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
นครนิวยอร์ก

📈 บทที่ 15: Indicator Hack (Part 1): ใช้ Moving Average (MA) เป็น 'เข็มทิศ' ยืนยันทิศทางเทรด

🔥 เปิดฉาก: Indicator ไม่ใช่ 'เทพเจ้า'... แต่มันคือตัวช่วยยืนยัน!
*เราต้องเรียนรู้ไว้ เพราะเม่าใช้สิ่งเหล่านี้ในการเทรด แต่พวกเราเรียนเพื่อ..."ล่าเม่า"✅
เราได้วางรากฐานการวิเคราะห์ที่แข็งแกร่งแล้ว ทั้ง Market Structure (บทที่ 11) และ Fundamental Bias (บทที่ 14)
แต่บางครั้ง การตัดสินใจก็ต้องการ 'การยืนยันครั้งที่สอง' เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเข้าทำกำไร! นี่คือบทบาทที่แท้จริงของ Indicator (ตัวชี้วัดทางเทคนิค)
มือใหม่มักเข้าใจผิดว่า Indicator คือ 'สูตรสำเร็จ' ที่จะบอกให้ซื้อ-ขายตรง ๆ แต่สำหรับเทรดเดอร์ 1% Indicator คือ 'เข็มทิศ' ที่ช่วยกรองสัญญาณรบกวนและยืนยันว่าเรากำลังไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์หลักหรือไม่
วันนี้เรามาเริ่มกันที่ Indicator ที่ง่ายและทรงพลังที่สุด: Moving Average (MA) หรือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
1️⃣ MA คืออะไร? (Smoothing the Noise)
MA = ค่าเฉลี่ยของราคาปิดย้อนหลัง
* ความหมาย: MA คือเส้นที่คำนวณจากราคาปิดเฉลี่ยของแท่งเทียนจำนวนหนึ่ง (เช่น MA 20 คือค่าเฉลี่ยของราคาปิด 20 แท่งเทียนย้อนหลัง)
* บทบาท: ช่วย 'กรองความผันผวน' ในระยะสั้นออกไป ทำให้คุณเห็นทิศทาง 'เทรนด์ที่แท้จริง' ได้ง่ายขึ้น
2 ประเภทหลักของ MA ที่ต้องใช้:
* SMA (Simple Moving Average): คำนวณแบบง่าย ๆ โดยให้น้ำหนักทุกแท่งเทียนเท่ากัน
* EMA (Exponential Moving Average): ให้น้ำหนักกับราคาแท่งเทียนที่อยู่ใกล้ปัจจุบัน มากกว่า ทำให้ EMA ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้เร็วกว่า SMA (เทรดเดอร์ 1% มักใช้ EMA มากกว่า)
2️⃣ การใช้ MA เป็น 'เข็มทิศ' (The Direction Finder)
✅ 1. ยืนยันเทรนด์ (Trend Confirmation)
* หลักการง่าย ๆ: ถ้าเส้น MA ชี้ขึ้น และราคาวิ่งอยู่ เหนือเส้น MA แปลว่า Uptrend (ขาขึ้น) กำลังดำเนินอยู่
* หลักการง่าย ๆ: ถ้าเส้น MA ชี้ลง และราคาวิ่งอยู่ ใต้เส้น MA แปลว่า Downtrend (ขาลง) กำลังดำเนินอยู่
✅ 2. MA เป็นแนวรับ-แนวต้านแบบ Dynamic
* ในช่วงที่ตลาดมีเทรนด์ที่แข็งแกร่ง (Trend Market) เส้น MA มักจะทำหน้าที่เป็น แนวรับ/แนวต้านที่เคลื่อนที่ได้ (Dynamic S&R)
* กลยุทธ์ 1%: ในขาขึ้น ให้รอ 'ซื้อ' เมื่อราคาย่อตัวลงมาแตะที่เส้น MA (เช่น EMA 20, 50 หรือ 200) แล้วเกิด สัญญาณแท่งเทียนกลับตัว (ทบทวนบทที่ 13) ก่อนจะเด้งกลับขึ้นไปตามเทรนด์
3️⃣ The GhostAlpha Setup: MA ตัวไหนที่ควรใช้?
ไม่มีตัวเลข MA ใดที่ดีที่สุด แต่เทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้ชุดตัวเลขต่อไปนี้เพื่อดูภาพรวมของตลาด:
* MA 20 หรือ 21 (Short-Term): ใช้สำหรับ Day Trade หรือ Scalping เพื่อดูเทรนด์ระยะสั้น
* MA 50 (Mid-Term): ใช้ดูเทรนด์หลักของสัปดาห์ หรือใช้เป็นแนวรับ/แนวต้านในการเข้าทำกำไร
* MA 200 (Long-Term): สำคัญที่สุด! ใช้เป็นตัวกรองสัญญาณหลัก หากราคาอยู่เหนือ MA 200 เราจะ โฟกัสแค่การ Buy เท่านั้น หากราคาอยู่ใต้ MA 200 เราจะ โฟกัสแค่การ Sell เท่านั้น
💀🔥❌ ข้อห้าม! อย่าใช้ MA เยอะเกินไป:
การใส่ MA เข้าไปหลายสิบเส้นจะทำให้กราฟของคุณดูรกและสับสน เลือกใช้เพียง 2-3 เส้นที่ตอบโจทย์การวิเคราะห์ของคุณก็พอครับ!
🎯 Next Step: 'ความเร็ว' ในการซื้อขาย
คุณมีเข็มทิศในการตามเทรนด์แล้ว แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าตลาด 'ซื้อมากเกินไป' หรือ 'ขายมากเกินไป' จนใกล้ถึงจุดกลับตัว?
ในบทความหน้า เราจะมาทำความรู้จักกับ Indicator ที่บอก 'กำลังซื้อ-กำลังขาย' (Momentum) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการจับจังหวะเข้าก่อนใคร นั่นคือ RSI และ Stochastic!
➡️ กดติดตาม GhostAlpha Institute! บทที่ 16 กำลังจะมา: Indicator Hack (Part 2): RSI, Stochastic... อ่าน 'กำลังซื้อ-ขาย' จับจังหวะเข้าก่อนใคร!
#GhostAlpha Institute
โฆษณา