Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Histoly - ประวัติศาสตร์แบบเบาๆ
•
ติดตาม
22 พ.ย. เวลา 10:30 • ประวัติศาสตร์
🛶 ความตายคือการเดินทางครั้งสุดท้าย: เปิดปริศนางานศพไวกิ้ง และ 'เกมกระดาน' แห่งชีวิตหลังความตาย
เมื่อพูดถึง “ไวกิ้ง” ภาพที่มักปรากฏในใจของผู้คนคือชายเคราดกถือขวานที่ชอบออกปล้น แต่ภายใต้ภาพลักษณ์แห่งเลือดและเกียรติยศนั้น ยังมีวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความลึกลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความตายและโลกหลังความตาย
สำหรับชาวนอร์ส โลกหลังความตายไม่ได้เป็นสถานที่เดียวที่ทุกคนต้องไป แต่ถูกแบ่งออกเป็นหลายมิติของโลกวิญญาณ
●
วัลฮัลลา (Valhalla หรือ Valhöll): “หอโถงแห่งผู้ถูกสังหาร” ที่นักรบผู้สิ้นชีพในสนามรบจะได้ต่อสู้และเฉลิมฉลองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อรอวันที่เทพเจ้าโอดินเรียกไปสู่มหาสงครามวันสิ้นโลก หรือ แร็กนาร็อก (Ragnarök)
●
โฟล์คแวงเกอร์ (Folkvangr): “ทุ่งแห่งกองทัพ” ภายใต้การปกครองของเทพีเฟรยา (Freyja) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปลายทางของนักรบผู้ล่วงลับ
●
เฮล (Hel): โลกใต้พิภพที่หนาวเย็นและเต็มไปด้วยหมอก ปกครองโดยเทพีเฮล สิ่งที่น่าสนใจคือ เฮลแตกต่างจาก “นรก” ในความเชื่อคริสต์ เพราะไม่ได้เป็นสถานที่แห่งการลงโทษ แต่เป็นสถานที่แห่งความนิ่งงันและการพักพิง
ความเชื่อของไวกิ้งยังหยั่งรากลึกในเรื่อง “Wyrd” หรือชะตากรรม ซึ่งถูกควบคุมโดย นอร์น (Norns) หญิงชราสามนางผู้ถักทอเส้นด้ายแห่งชีวิตของทั้งเทพเจ้าและมนุษย์
นอกจากนี้ ชาวไวกิ้งยังเชื่อว่าวิญญาณไม่ได้มีเพียงดวงเดียว แต่สามารถแตกออกเป็นหลายส่วนได้ บางส่วนอาจสิงสถิตอยู่ในเนินดินฝังศพ บางส่วนอาจไปรวมกับบรรพบุรุษ และบางส่วนอาจกลับมาเกิดใหม่ในร่างลูกหลาน ความเชื่อนี้สะท้อนให้เห็นว่าไวกิ้งให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเปลี่ยนผ่านระหว่างชีวิตและความตาย เพื่อให้การเดินทางของวิญญาณเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
⚱️ ความหลากหลายของพิธีกรรม
ชาวไวกิ้งได้พัฒนาระบบพิธีกรรมศพที่ซับซ้อนจากความเชื่อทางจิตวิญญาณและโลกหลังความตาย หลักฐานจากแหล่งโบราณคดีทั่วสแกนดิเนเวียและดินแดนที่พวกเขาเดินทางไปถึง เผยให้เห็นธรรมเนียมการฝังศพที่หลากหลาย แม้แต่นักวิจัยยังคงทำงานเพื่อประกอบจิ๊กซอว์ทางวัฒนธรรมนี้ให้สมบูรณ์
จุดเด่นที่สุดของพิธีกรรมศพไวกิ้งคือ “ความหลากหลาย”
●
ทั้งการฝังและการเผาศพถือเป็นเรื่องปกติ
●
นักวิจัยเชื่อว่าอาจมีวิธีอื่นที่ทิ้งร่องรอยน้อยกว่า เช่น การโปรยเถ้ากระดูก หรือการปล่อยร่างลงสู่สายน้ำ
องค์ประกอบสำคัญของการฝังศพไวกิ้งคือ “เนินดิน” (Mound)
●
เนินดินถูกสร้างทับสถานที่เผาศพ มีทั้งขนาดที่ใหญ่โตสำหรับราชวงศ์ และขนาดเล็กที่แทบสังเกตไม่เห็นสำหรับสามัญชน
●
บางเนินตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ขณะที่บางแห่งรวมกันเป็นกลุ่ม
●
มีการใช้หินตั้ง (Standing Stones) หรือวงกลมหินเป็นสัญลักษณ์ แต่บางแห่งก็ปล่อยโล่ง
สิ่งของที่ถูกฝังร่วมกับผู้ตายสะท้อนความเชื่อเรื่องการเดินทางหลังความตาย
●
เสื้อผ้า เครื่องมือ อาวุธ และเสบียงสำหรับการเดินทาง
●
สัตว์ที่ถูกบูชายัญ และในบางกรณี มนุษย์ที่ถูกบูชายัญ
●
สิ่งที่น่าสนใจคือ ไม่มีรูปแบบตายตัวในการจัดวาง บางครั้งวัตถุถูกวางไว้ที่ศีรษะ ปลายเท้า หรือด้านข้างของร่างกาย
ความแตกต่างเหล่านี้ขึ้นอยู่กับ ภูมิภาค ช่วงเวลา สถานะทางสังคม และเพศของผู้ตาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พิธีกรรมศพไวกิ้งไม่ใช่เพียงการส่งผู้ล่วงลับ แต่ยังเป็นการสื่อสารถึงความเชื่อและโครงสร้างสังคมในยุคนั้นด้วย
⛵ ล่องเรือสู่ปรโลก
การฝังศพในเรือ (Boat Burial) ถือเป็นหนึ่งในธรรมเนียมที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของชาวไวกิ้ง แม้จะไม่ใช่รูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุด แต่หลักฐานทางโบราณคดีเผยให้เห็นว่าพิธีกรรมนี้มีความซับซ้อนและอาจกินเวลาหลายวันหรือแม้กระทั่งหลายปี
พิธีกรรมดังกล่าวมักประกอบด้วยการเฉลิมฉลองแบบสุดๆ ทั้งการดื่มแอลกอฮอล์ ดนตรี การบูชายัญสัตว์ และบางครั้งรวมถึงการบูชายัญมนุษย์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการส่งผู้ตายสู่โลกหน้า ในบางกรณีมีการนำอาวุธมาแสดง ขับขานวีรกรรม และการเป่าเขาเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ล่วงลับ
ตามบันทึกของ Ahmad ibn Fadlan นักเดินทางและนักการทูตแห่งอาณาจักรอับบาสิยะฮ์ ผู้เคยเป็นพยานในงานศพของชาวไวกิ้งช่วงศตวรรษที่ 10 (พุทธศตวรรษที่ 15) เขาเล่าว่า ผู้ร่วมพิธีไว้อาลัย ดื่มและร้องกันอย่างสุดเหวี่ยงจนบางครั้งมีผู้เสียชีวิตพร้อมกับถ้วยไวน์ในมือ
ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดของการฝังศพในเรือคือ “เรือโอเซเบิร์ก” (Oseberg Ship Burial) ที่ถูกค้นพบในนอร์เวย์และมีอายุราวปี ค.ศ. 834 (พ.ศ. 1377) ภายในบรรจุร่างของสตรีสองคน พร้อมสิ่งของหรูหราและสัตว์ที่ถูกบูชายัญจำนวนมาก เช่น ม้าอย่างน้อย 15 ตัว สุนัขหัวขาด 6 ตัว และหัววัวที่วางอยู่บนเตียง รวมถึงสัตว์อื่นๆ ที่ถูกจัดวางรอบเรือ งานแกะสลักที่หัวและท้ายเรือเป็นรูปงูและสัตว์ในตำนานพันเกี่ยวกัน สื่อถึงการปกป้องผู้ตายในการเดินทางสู่ปรโลก
สิ่งของที่ถูกฝังร่วม เช่น อาวุธที่ประดับลวดลายอย่างประณีตและสินค้านำเข้าหรูหรา มักถูกจัดวางอย่างระมัดระวัง บางครั้งวางตามทิศทางเข็มทิศเพื่อสะท้อนสัญลักษณ์ทางจักรวาลวิทยา ขณะที่ท่าทางของศพ ไม่ว่าจะนั่งตัวตรง นอนเหยียดแขน หรือนั่งเหมือนกำลังกุมพังงาเรือ ล้วนสื่อถึงความพร้อมในการเดินทางหรือการสั่งการในโลกหน้า
รูปแบบของพาหนะในงานศพก็มีความหลากหลาย บางครั้งเรือถูกฝังทั้งลำใต้เนินดิน บางครั้งใช้เพียงชิ้นส่วนไม้เรือ หรือเรียงหินบนพื้นเพื่อจำลองรูปร่างเรือ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การฝังศพในเรือไม่ใช่เพียงการส่งผู้ตาย แต่คือการสร้างสัญลักษณ์ของการเดินทางสู่ปรโลกที่เต็มไปด้วยความหมายทางจิตวิญญาณ
📖 งานศพที่ถูกออกแบบเฉพาะบุคคล (Bespoke Burials)
ประเพณีการฝังศพของชาวไวกิ้งดึงดูดความสนใจจากนักโบราณคดีมาโดยตลอด เนื่องจากความยิ่งใหญ่ของเนินดินและเรือฝังศพที่น่าประทับใจ แต่การตีความความหมายที่แท้จริงของพิธีกรรมเหล่านี้ยังคงเป็นความท้าทาย
นักโบราณคดี นีล ไพรซ์ (Neil Price) ได้เสนอแนวคิดใหม่ โดยอ้างอิงจากการวิเคราะห์วรรณกรรมนอร์สโบราณ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ และหลักฐานทางโบราณคดีล่าสุด เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่ว่าทำไมแทบไม่มีหลุมศพไวกิ้งสองแห่งใดที่เหมือนกัน
ไพรซ์เสนอว่า งานศพของไวกิ้งคือ “การแสดง” (Personalized Performances) ที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อสะท้อนเรื่องราวชีวิตของผู้ตาย ในวัฒนธรรมที่อุดมไปด้วยมุขปาฐะ ไม่ว่าจะเป็นตำนาน (Sagas), บทกวีสคัลดิก (Skaldic Poetry) หรือ Poetic Edda งานศพจึงอาจทำหน้าที่เป็นบทสุดท้ายของการเล่าเรื่องชีวิต
สิ่งของที่ถูกฝังร่วมกับผู้ตายมักบอกใบ้ถึงเรื่องราวเหล่านี้
●
ในบางหลุมศพมีการพบหมากเกมคล้ายหมากรุก ซึ่งสะท้อนถึงความชาญฉลาดเชิงกลยุทธ์หรือทักษะการรบ
●
หลุมอื่นๆ มี ผ้าไหมนำเข้า เครื่องแก้วจากแฟรงก์ หรือเหรียญอาหรับ ที่บ่งชี้ถึงการเชื่อมต่อทางการค้าระยะไกล
●
นหลุมศพเรือกอกสตัด (Gokstad) ที่ค้นพบในนอร์เวย์ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 9 (พุทธศตวรรษที่ 14) มีการฝังโล่และแม้แต่เต็นท์ลงไปพร้อมกับผู้ตาย สื่อถึงทั้งความสามารถในการรบและความพร้อมสำหรับชีวิตหลังความตาย
ไพรซ์ชี้ว่า แม้จะมีรูปแบบทั่วไป แต่งานศพแต่ละครั้งคือเหตุการณ์พิเศษที่ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้จากไป และสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของสังคมไวกิ้งในการเล่าเรื่องชีวิตผ่านพิธีกรรมความตาย
⚔️ เรือแห่งซัลเม (The Salme Ships)
ระหว่างปี ค.ศ. 650–750 (พ.ศ. 1193-1293) กองกำลังนักรบจากภูมิภาคมาลาเรน (Mälaren) ในสวีเดนตะวันออก ได้เดินทางข้ามทะเลบอลติกและขึ้นฝั่งที่เกาะซาเรมา (Saaremaa) ซึ่งตั้งอยู่ริมช่องแคบสำคัญต่อเส้นทางเดินเรือ แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าการเดินทางครั้งนั้นเป็นภารกิจทางทหารหรือการทูต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบนชายฝั่งเอสโตเนียกลับเป็นโศกนาฏกรรม (นักรบไวกิ้งจำนวนมากเสียชีวิตที่นี่)
ผู้รอดชีวิตได้ลากเรือสองลำขึ้นบกไปยังพื้นที่ที่ปัจจุบันคือหมู่บ้านซัลเม (Salme) และทำการฝังเรือห่างกันราว 40 หลา โดยบรรจุร่างสหายผู้ล่วงลับกว่า 40 นายลงไปในนั้น
รายละเอียดจากการขุดค้นทางโบราณคดีเผยให้เห็นภาพที่น่าสะเทือนใจ:
●
ผู้ตายส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มร่างสูง เฉลี่ยสูงประมาณ 5 ฟุต 8 นิ้ว หลายคนมีร่องรอยบาดแผลจากอาวุธมีคม
●
การวิเคราะห์ DNA พบว่าผู้ตาย 4 คนเป็นพี่น้องกัน
●
ในเรือ Salme I มีชาย 7 คนที่ถูกจัดให้นั่งตัวตรง
●
ในเรือ Salme II มีชายอีก 34 คนถูกวางซ้อนกันเป็น 4 ชั้น โดยบางชั้นมีทรายกั้นกลาง
สิ่งที่โดดเด่นคือการฝังศพดำเนินไปอย่างเป็นทางการและเป็นระเบียบ ไม่มีร่องรอยการถูกปล้น ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้รอดชีวิตมีเวลาทำพิธีตามธรรมเนียมไวกิ้งโดยไม่ต้องหวาดกลัวการโจมตีซ้ำ
เรือซัลเมยังมีความสำคัญเชิงโบราณคดีอย่างยิ่ง:
●
เป็นหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของเรือใบสแกนดิเนเวียที่ใช้ในสงครามทะเลบอลติกตะวันออก
●
สร้างด้วยเทคนิค Clinker-built โดยใช้แผ่นไม้ซ้อนทับกันและยึดด้วยหมุดเหล็ก
●
นักโบราณคดีค้นพบหัวลูกธนูกว่าร้อยหัวรอบตัวเรือ หลายหัวปักคาอยู่ในไม้ของเรือ ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางกายภาพที่หายากของการรบทางเรือในยุคไวกิ้ง
🛡️ ดาบและเครื่องสังเวยแห่งซัลเม
ร่างของนักรบไวกิ้งถูกจัดวางอย่างระมัดระวังภายในเรือ พร้อมคลุมด้วยโล่กลมขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้และผ้า ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าอาจตัดมาจากใบเรือ ดาบของผู้ตายถูกวางไว้ข้างกาย โดยบางเล่มถูกดัดงอตามพิธีกรรมเพื่อสื่อถึงการสิ้นสุดบทบาทในโลกมนุษย์ ข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกฝังร่วมกันสะท้อนถึงวัฒนธรรมสแกนดิเนเวียน เช่น หวีจากเขากวางที่แกะลวดลาย แม่กุญแจ ลูกปัด จี้จากเขี้ยวหมี แผ่นโลหะบรอนซ์และเหล็ก รวมถึงหัวลูกธนู
นอกจากนี้ยังพบซากกระดูกสัตว์ที่ถูกบูชายัญ เช่น แกะ หมู วัว และสุนัขหลายตัว โดยมีหลักฐานว่าบางตัวถูกตัดหัวหรือฟันจนขาดครึ่งท่อน ซึ่งสะท้อนถึงพิธีกรรมที่เชื่อมโยงสัตว์กับการเดินทางของผู้ตายสู่โลกหน้า
จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือการค้นพบตัวหมากเกมกว่า 300 ชิ้นจากเกมฮเนฟาตาฟล (Hnefatafl) เกมกระดานเชิงกลยุทธ์ที่คล้ายหมากรุก ตัวหมากเหล่านี้ทำจากกระดูกวาฬและงาวอลรัส ซึ่งบ่งบอกถึงความสำคัญของการวางแผนและสติปัญญาในวัฒนธรรมไวกิ้ง
หนึ่งในหลักฐานที่โดดเด่นที่สุดคือ ตัวหมาก “กษัตริย์” (King) ที่ถูกพบในเรือ Salme II และถูกวางไว้ในหรือใกล้กับปากของโครงกระดูกที่ได้รับการประดับประดามากที่สุด นักวิจัยเชื่อว่านี่เป็นการจัดวางโดยเจตนา เพื่อเน้นย้ำสถานะสูงส่งของบุคคลนั้นเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในกลุ่ม
♟️ บทเรียนจากเกมกระดาน
เกมกระดานฮเนฟาตาฟล มีนัยทางทหารที่ชัดเจนโดยเล่นบนกระดานสี่เหลี่ยม ฝ่ายป้องกันที่มีจำนวนน้อยกว่าซึ่งนำโดยตัว “กษัตริย์” ที่อยู่ตรงกลาง ต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายผู้โจมตีที่มีจำนวนมากกว่า เป้าหมายของเกมคือการพากษัตริย์หนีไปยังขอบกระดานอย่างปลอดภัยโดยไม่ถูกจับ ซึ่งสะท้อนภาพการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในสนามรบของชาวไวกิ้ง
เกมนี้ไม่ได้แค่เพียงให้ความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือฝึกการคิดเชิงกลยุทธ์และการเป็นผู้นำ หลักฐานจากหลุมศพชนชั้นสูงที่พบกระดานและตัวหมากบ่งชี้ว่า ความเชี่ยวชาญในเกมนี้เชื่อมโยงกับสถานะ สติปัญญา และความสามารถในการรบ
หนึ่งในหลักฐานที่โดดเด่นคือ ตัวหมาก “กษัตริย์” ที่ถูกค้นพบในหลุมศพ Salme II ซึ่งถูกวางไว้ในหรือใกล้กับปากของโครงกระดูกที่ได้รับการประดับประดามากที่สุด นักวิจัยตีความว่านี่อาจเป็นสัญลักษณ์ของหายนะจากสงคราม (กษัตริย์ผู้ล่วงลับไม่สามารถ “หนีไปถึงขอบกระดาน” ได้)
ท่ามกลางหลุมศพไวกิ้งนับพันที่ถูกค้นพบ เรือซัลเมโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้เพียงบอกเล่าว่านักรบเหล่านี้เสียชีวิตอย่างไร แต่ยังเผยให้เห็นถึงวิธีการฝังศพและการให้เกียรติผู้ตาย นักโบราณคดียังคงศึกษาหลักฐานจากเรือซัลเมอย่างละเอียด พร้อมกับการค้นพบใหม่ๆ เช่น หลุมศพไวกิ้งกว่า 50 หลุมในหมู่บ้าน Åsum ประเทศเดนมาร์ก ที่ถูกขุดพบในปี 2024 ที่ผ่านมา
ด้วยการวิเคราะห์วัตถุโบราณ ซากโครงกระดูก บริบทของหลุมศพ และความทรงจำทางวัฒนธรรม นักวิจัยได้เปิดเผยภาพที่ซับซ้อนของสังคมไวกิ้ง สังคมที่ใช้พิธีกรรมและสัญลักษณ์เพื่อให้เกียรติและจดจำผู้ที่ล่วงลับ
🏡 ความตายในฐานะสัญลักษณ์ของสถานะและความหมายชีวิต
เรื่องราวพิธีศพของชาวไวกิ้งสะท้อนให้เห็นจุดร่วมที่น่าสนใจในบริบทของสังคมไทย โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “ความตายและสถานะทางสังคม” ทั้งสองวัฒนธรรมต่างให้ความสำคัญกับพิธีศพ ไม่เพียงในฐานะการจากลา แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงบารมี ความเชื่อ และเกียรติของผู้ล่วงลับและครอบครัว
ในสังคมไทยมีการใช้ โกศ หรือ เมรุลอย ที่วิจิตรบรรจงสำหรับชนชั้นสูง ซึ่งสะท้อนความคล้ายคลึงกับเรือฝังศพของไวกิ้ง ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ตาย ขณะเดียวกัน การทำบุญอุทิศส่วนกุศลหรือการเตรียม “เสบียง” เพื่อส่งผู้ล่วงลับไปสู่ภพภูมิที่ดี ก็มีความใกล้เคียงกับการที่ชาวไวกิ้งเตรียมอาหาร อาวุธ และสิ่งของสำหรับการเดินทางสู่ วัลฮัลลา (Valhalla)
นอกจากนี้ แนวคิดเรื่อง “การเตรียมตัวตาย” (มรณสติ) ในพุทธศาสนา ที่สอนให้ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ก็สะท้อนความคล้ายคลึงกับความเชื่อเรื่องชะตากรรม (Wyrd) ของไวกิ้ง ที่ยอมรับว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความแตกต่างคือ ไวกิ้งเตรียมตัวด้วยการรบและเกียรติยศ ขณะที่ชาวไทยเตรียมตัวด้วยสติและบุญกุศล
ดังนั้น การศึกษาประวัติศาสตร์ไวกิ้งจึงไม่ใช่เพียงการทำความเข้าใจชนเผ่านักรบ แต่ยังทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนความเป็นมนุษย์ ที่ทุกวัฒนธรรมต่างพยายามจัดการกับความตายอย่างมีความหมายที่สุดเท่าที่จะทำได้
💬 ชวนคิดชวนคุย
เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนไหมครับว่างานศพไวกิ้งมีความซับซ้อนและ "โรแมนติก" ในแบบของมันขนาดนี้ ไม่ใช่แค่การเผาเรือลอยทะเลอย่างในหนัง?
📚 แหล่งอ้างอิง
1. Ramsey-Brimberg, D. (2021). What do we know about Viking funerals?. HistoryExtra.
https://www.historyextra.com/period/viking/viking-funerals-burning-ships-grave-goods-oseberg-ship/
2. Wilkes, J. (2021). Gods, myths and rituals: what we know about Viking religious beliefs. HistoryExtra.
https://www.historyextra.com/period/viking/viking-religion-gods-myths-rituals-ship-burial-sacrifice-odin-thor-loki/
3. Walker, V. (2019). Viking ship's buried clues may reveal identities of mystery women. National Geographic History Magazine.
https://www.nationalgeographic.com/history/history-magazine/article/viking-oseberg-ship
4. Curry, A. (2018). Enormous, rare Viking ship burial discovered by radar. National Geographic.
https://www.nationalgeographic.com/culture/article/viking-ship-discovered-norway-archaeology
5. Pringle, H. (2022). An intact Viking ship burial held riches—and a surprising mystery. National Geographic History Magazine.
https://www.nationalgeographic.com/history/history-magazine/article/a-viking-ship-burial-held-riches-and-a-surprising-mystery
6. TheWarriorLodge. (2022). The Viking funeral.
https://thewarriorlodge.com/blogs/news/the-viking-funeral-and-its-description-by-the-x-century-ambassador-ahmad-ibn-fadlan
7. Price, T. D., et al. (2016). Isotopic provenancing of the Salme ship burials in Pre-Viking Age Estonia. Antiquity.
https://doi.org/10.15184/aqy.2016.106
8. World Archaeology. (2013). Estonia: Salme Ship Burials.
https://www.world-archaeology.com/features/estonia-salme-ship-burials/
9. Wikipedia contributors. (n.d.). Salme ships. In Wikipedia.
https://en.wikipedia.org/wiki/Salme_ships
🙏 สนับสนุนการสร้างสรรค์เนื้อหา
หากคุณชื่นชอบและอยากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างพื้นที่ความรู้ดีๆ แบบนี้ สามารถสนับสนุนผมได้ผ่านช่องทาง
[
https://ezdn.app/witlyofficial
]
ประวัติศาสตร์
โบราณคดี
ศาสนา
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย