Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 13:51 • ข่าวรอบโลก
ฟูเจี้ยน…ยักษ์กระดาษแห่งแปซิฟิก???(2)
ในตอนที่แล้ว เขียนถึงเกริ่นเรื่องความย้อนแย้งทางวิศวกรรม
ที่ทำให้เรือลำนี้ ถูกตั้งขอสังเกตถึงประสิทธิภาพกันไปบ้างแล้ว
สามารถอ่านตอนที่แล้วได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้นะครับ
…วันนี้มาว่ากันต่อให้จบ ว่าทำไมมันจึงดูเหมือนว่าฟูเจี้ยน
จะไม่ได้เจ๋งจริงๆ เหมือนที่สื่อไทยอวย….
ผมย้ำว่าสื่อไทยนะ จีนเองไม่ได้โม้ ความจริงพวกเขาเล่นข่าวน้อยมาก เหมือนจะยอมรับสภาพว่ามันไม่สมบูรณ์เสียด้วยซ้ำไป ซึ่งซินหัวก็บอกเอง ว่ายังไม่พร้อม ต้องปรับปรุงต่อไป
…ก็มีแต่กองอวย บ้านเรานี่แหละ ที่อวยกันหนักเกินเบอร์
ขนาดเอาไปเทียบชั้นกับเรือฟอร์ดโน่นเลย ….
…ซึ่งในความเป็น เรือสองลำนี้ ไม่สามารถวิจารณ์ร่วมกันได้…
…ไม่แรงไป ที่จะบอกว่า ที่จริง มันคนละชั้นกันเลยต่างหาก….
ปัญหาทางวิศวกรรมของฟูเจี้ยน ถ้าให้แยกตามหัวข้อหลักๆเลย
ตามที่เขาวิเคราะห์กันมา มันแบ่งได้สามด้าน
แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะไอ้ระบบปล่อยตัวด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า
หรือ electromagnetic aircraft launch system (EMALS)
ที่ผมเขียนไปในตอนก่อนนี่แหละ เป็นตัวการหลัก
ซึ่งระบบนี้ ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางวิศวกรรม
ของฟูเจี้ยนเองจนถึงขั้นย้อนแย้งเลยทีเดียว
สามหัวข้อที่สรุปมา คือ
1) ความเพียงพอหรือไม่ของพลังงาน
2) ความผิดพลาดในการออกแบบรันเวย์ขึ้นลง
3) สมรรถนะและขนาด ที่ไม่สัมพันธ์กันกัน
blockdit.com
[เรื่องเล่าเมาเมาแมน] ฟูเจี้ยน ยักษ์กระดาษแห่งแปซิฟิก ??? “เรือบรรทุกเครื่องบินจีนทั้งสามลำ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ดุลอำนาจในแปซิฟิกได้ ….”
“เรือบรรทุกเครื่องบินจีนทั้งสามลำ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ดุลอำนาจในแปซิฟิกได้ ….”
อันแรกความเพียงพอหรือไม่ของพลังงาน
นี่คือโจทย์ใหญ่ที่สุดด้วยซ้ำ ที่มีต่อฟูเจี้ยน
เนื่องจากเรือฟูเจี้ยน ไม่ใช่เรือพลังงานนิวเคลียร์
ซึ่งจะสร้างไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว และไม่จำกัดไปอีก 25 ปี
เหมือนเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ
มันใช้เครื่องยนต์ระบบกังหันไอน้ำธรรมดา Steam turbine
และกำเนิดไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเท่านั้น
ลักษณะนี้ วิศวกรและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก จึงคาดกันว่า
มันคงไม่สามารถ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากพอสำหรับ
การใช้งานทั้งเรือค่อนข้างแน่
หรือถึงใช้ได้ ก็อาจทำให้ระบบปล่อยตัว EMALS ทำงานต่อเนื่องไม่ได้อย่างเต็มที่นัก เมื่ิอต้องรอเวลาเพื่อการประจุไฟ
เข้าระบบcapacity ก่อนปล่อยแต่ละครั้ง
เนื่องจากตามปกติแล้ว เรือบรรทุกเครื่องบิน จะใช้พลังงาน
มหาศาล ในระดับพอใช้กับทั้งเมืองได้อยู่แล้ว
ยิ่งเมื่อเพิ่มระบบปล่อย EMALS ซึ่งกินไฟฟ้าอย่างมาก
เข้าไปอีก ก็จะยิ่งใช้ไฟฟ้ามากขึ้นอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์
ซึ่งนั่น จะเกินกำลังของขนาดเครื่องปั่นไฟดีเซลที่สามารถ
ติดตั้งบนเรือจะทำได้
การแก้ปัญหาทางทฤษฎี จีนอาจใช้วิธีเก็บประจุไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงสุดด้านแบตเตอรี่ แต่นั่นก็จะไปติดขัดเรื่อง
ของขนาด น้ำหนักของระบบ capacity ของเรือมากเกินไป
จนไม่อาจทำได้
หากมีการรบจริง ๆแล้วกำลังไฟฟ้าไม่พอ
เนื่องจากถูกระบบปล่อยตัวดึงไปตลอดเวลา
ผลที่จะตามมา คือ ความสามารถของการทำสงคราม
อิเล็กทรอนิกส์ และระบบเรดาร์ ระบบเชื่อมต่อข้อมูลต่างๆ
มันจะขาดช่วง ขาดตอน จนเป็นช่องว่างให้ถูกโจมตีได้ง่ายมาก
มันก็คล้ายกับการที่ไฟตกตามบ้าน แล้วโทรทัศน์
หรือไวไฟใช้ไม่ได้นั่นเอง เราสามารถเปรียบเทียบ
ในลักษณะนี้ได้ง่ายๆ
และด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้าของระบบดีเซลธรรมดา
มันไม่มีทางเลย ที่ฟูเจี้ยนจะสามารถประจุไฟให้ระบบ
EMALS ได้อย่างต่อเนื่อง ยาวนาน
การนำเครื่องบินขึ้นติดต่อกัน แบบที่เรือฟอร์ดทำ
จึงเป็นไปไม่ได้ไปด้วย
เนื่องจากเรือฟอร์ดนั้นเป็นเรือนิวเคลียร์ ที่ปกติต้อง
จำกัดการผลิตไฟฟ้า หลายกรณีต้องทิ้งไฟฟ้า
ให้ลูกเรือผลาญให้มากที่สุด เพื่อปกป้องระบบแบตเตอรี่
ของเรือ ปัญหาของเรือนิวเคลียร์สหรัฐทุกลำ
จึงมีปัญหาด้านไฟฟ้าเกิน ไม่ใช่ขาดแบบฟูเจี้ยน
และเมื่อใช้ระบบ EMALS ในเรือฟอร์ด ระบบจะรับไฟฟ้า
โดยตรงจากเตาปฏิกรณ์ ร่วมกับแบตเตอรี่เป็นส่วนน้อย
มันจึงไม่มีทางที่จะเจอปัญหาไฟฟ้าไม่พอ
เหมือนกรณีเครื่องปั่นดีเซลแบบในฟูเจี้ยน
…กำลังการผลิตไฟฟ้า ที่จะป้อนระบบทั้งหมดของเรือนี่แหละ
ที่หลายฝ่ายเห็นตรงกัน ว่ามันจะจำกัดประสิทธิภาพของฟูเจี้ยน
ได้มากที่สุด ในฐานะของเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ ….
( EMALS ของจีนใช้ไฟกถรแสตรง มันอาจประหยัดกว่า
กรณีกระแสสลับของสหรัฐ แต่ก็ไม่มากนัก จุดนี้จึงช่วยไม่ได้)
2) การออกแบบรันเวย์ดาดฟ้า มีการทับซ้อนกัน
เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เห็นชัดเจนด้วยตาผ่านคลิป
ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดจากการขาดประสบการณ์ เนื่องจากเป็นลำแรกของจีนเอง ที่ไม่ได้ใช้ระบบ Ski jump
แต่การที่มันพลาดนั้น ก็มีความเกี่ยวข้องกับระบบ
EMALS เช่นกัน
เนื่องจากระบบนี้ แม้ทันสมัยกว่าระบบ
ไอน้ำ แต่มันกลับให้กำลังฉุดกระชากน้อยกว่า
ต้องเข้าใจว่า ปัญหาของระบบไอน้ำ ไม่ใช่ว่ามันแรง เร็วไม่พอ
แต่ปัญหาคือระบบนี้ มันกระชากมากจนเกินไป
และควบคุมได้ยาก จนอาจทำให้เครื่องบินเสียหายมากกว่า
ดังนั้น เมื่อจีนเลือกใช้ระบบ EMALS ที่กำลังน้อยกว่า
ก็เลยกลายเป็นเรื่องขึ้นมา
โดยพวกเขาต้องเพิ่มระยะรันเวย์ทางขึ้นมาอีกมากพอสมควร
จากแปลนที่คาดการณ์ไว้แต่แรก
จนไปทับกับรันเวย์ทางลง ซึ่งนั่นจะทำให้ เครื่องบิน
ขึ้นและลงพร้อมกัน แบบที่ควรจะเป็นไม่ได้
เรื่องนี้ชัดเจนมาก และเชื่อว่าจีนกำลังพยายามแก้ไขอยู่
เนื่องจาก คลิปและภาพต่างๆ ที่จีนปล่อยออกมาเอง
มันแสดงชัด ถึงแนวแบริเออร์กันไอพ่น ในรันเวย์ทางขึ้น
ที่ไปขวางรันเวย์ทางลงอย่างชัดเจน
…ทางจีนไม่เคยปฏิเสธเรื่องนี้ และเชื่อว่าพวกเขารู้อยู่แล้ว
ถึงปัญหาใหญ่ที่สุด ที่สังเกตได้ชัดแบบนี้ การเปิดตัวต่างๆ
มันจึงเงียบเชียบอย่างที่เห็น และไม่มีการโชว์ของใดๆ
ให้ฟ้องตัวเองมากไปกว่านี้….
เรื่องนี้ แม้ดูเผินๆเหมือนแก้ไม่ยาก แต่จริงๆ ก็ยากมาก
จนแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ…
…ซึ่งเหตุผลก็คือข้อสังเกตสุดท้าย คือ ขนาดของมัน…
3) ขนาด กำลังเครื่องยนต์ ไม่สัมพันธ์กับขีดความสามารถ
ที่จีนต้องการ และสเปกที่เคลมมา
เรื่องนี้ อยู่บนความจริงพื้นฐานทางวิศวกรรมและ
สถาปัตยกรรมนาวี ที่ค่อนข้างชัดเจนอีกเหมือนกัน
ในแง่วิศวกรรม ก็คือ กำลังของเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเทอร์ไบน์
ที่มันเป็นไปได้ยาก สำหรับเรือรบขนาดระวาง 80,000 ตัน
และยังต้องแบกน้ำหนักเครื่องบินอีกมหาศาล
ในแง่สถาปัตย์นาวี มันก็คือการจัดวางพื้นที่ต่างๆ
ที่ทำไม่ได้ ตามประโยชน์ใช้สอย ซึ่งถูกตีกรอบด้วย
ความต้องการทางวิศวกรรมอีกชั้น
พูดแบบบ้านๆเลย ก็คือ เรือรบลำขนาดนี้ มันไม่ควร
ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนอื่นใด นอกจากนิวเคลียร์
ในกรณีเครื่อง steam turbine ของฟูเจี้ยนนั้น
น่าจะให้กำลัง ที่ไม่สามารถทำให้มีความคล่องตัวนักได้
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก สำหรับเรือรบ
และอย่างที่บอก มันมีผลถึงการผลิตไฟฟ้า
ที่จะต้องมากพอใช้งานอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาใช้ระบบ EMALS ในการปล่อยตัว
ในทางเทคนิคแล้ว ถ้านับเพียงระบบหลักของเรือแล้ว
ฟูเจี้ยน จำเป็นต้องมีของถึงสี่อย่าง ถึงจะพอใช้งานได้
ห้าอย่างที่ว่าคือ
-เครื่องยนต์ขับเคลื่อนขนาดใหญ่มาก เพื่อขับเคลื่อนเรือ
ซึ่งยังต้องมีระบบเกียร์เครื่องยนต์อีกต่างหาก
- เครื่องปั่นไฟ ขนาดใหญ่มากเช่นกัน จึงจะพอใช้งาน
- ระบบสำรองไฟฟ้าขนาดใหญ่ เนื่องจากกำลังที่จำกัด
ของการผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องดีเซล
- ที่จัดเก็บเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ เพื่อปัอนทั้งระบบขับเคลื่อน
ระบบไฟฟ้าของเรือ และน้ำมันสำหรับเติมอากาศยาน
ซึ่งจากความต้องการพื้นที่ทางวิศวกรรมทั้งหมด
มันต้องใช้พื้นที่ท้องเรือที่เยอะมาก จนไม่น่าจะเหลือพื้นที่
ให้กับสิ่งจำเป็นอื่น เช่น ห้องอับเฉากันน้ำ ที่อาจน้อยเกินไป
ซึ่งมันจะมีผลมาก กรณีหากถูกโจมตีจนเรือเป็นรูจากเรือดำน้ำ
หรือตอร์ปิโดผิวน้ำบริเวณใต้เรือ
และการใช้พื้นที่ขนาดนี้ จนเต็มไปหมด ย่อมส่งผลแน่
กับขนาดห้องเก็บอาวุธต่างๆและโรงเก็บเครื่องบิน
ที่อาจจะ ไม่มีพื้นที่ให้เก็บเครื่องบิน และอาวุธต่างๆ
ได้มากเท่าที่จีนเคลมสเปกเอาไว้
เราต้องไม่ลืมความจริงว่า เครื่องบินจีนนั้น
ออกแบบคล้ายรัสเซีย มีเครื่องยนต์คู่ ซึ่งมีขนาดใหญ่
กว่าเครื่องบินค่ายนาโต้อยู่แล้วอีกต่างหาก
การที่อาจโหลดเครื่องบินได้น้อย หรือเอาไปไว้บนดาดฟ้า
มันก็ย่อมไม่ใช่เรื่องดีเลย สำหรับเรือฟูเจี้ยน
และจากที่บอกไปแล้ว ด้วยความที่ทุกอย่างมันเต็มพื้นที่
จนหมดแล้ว และเครื่องยนต์ก็สุดกำลังของมันแล้ว
การขยายดาดฟ้า เพื่อแก้ปัญหาการทับซ้อนของรันเวย์
จึงแทบทำไม่ได้
หรือ ถึงทำได้ เรือก็ต้องแบกน้ำหนักมากเกินไป
จนกลายเป็นอืดอาดนั่นเอง
ทีนี้ ลองกลับมาดูต้นฉบับ คือเรือฟอร์ด ซึ่งเป็นเรือนิวเคลียร์
ลำนั้นไม่ต้องพูดถึงกำลังขับเคลื่อน เพราะแม้มันจะใหญ่โต
ระวางขับน้ำกว่า แสนตัน แต่มันกลับทำความเร็วแบบ
โหลดอาวุธจัดเต็มได้มากกว่า 45 น็อต เมื่อเต็มฝีจักร
เรือนิวเคลียร์ ก็เหมือนรถไฟฟ้า มันตัดชิ้นส่วนไม่จำเป็น
ออกไปเยอะมาก มันไม่ต้องมีถังเชื้อเพลิงสำรอง ไม่ต้องมีเครื่องปั่นไฟ ไม่ต้องมีระบบคาปาซิเตอร์ขนาดใหญ่นัก
เนื่ิองจากเตาปฏิกรณ์ของสหรัฐที่แม้จะเล็ก แต่ก็แก้ปัญหาพวกนี้
ไปได้แบบหมดจดจนน่าทึ่ง
นั่นทำให้มันมีพื้นที่เหลือ มากพอ ที่จะทำอย่างอื่น
อย่างการสำรองอาวุธ และน้ำมันอากาศยาน ที่มากกว่า
ฟูเจี้ยนหลายเท่าตัว (เพราะจริงๆมันก็ใหญ่กว่าอยู่แล้ว)
ซึ่งนี่แหละ คือสิ่งที่จะบอกว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำนั้น
มีอำนาจในการรบมากแค่ไหน
ไหนจะเรื่องความเงียบในการทำงานของเครื่องยนต์อีก
อันนี้สำคัญมาก ในการต่อต้านเรือดำน้ำในน่านน้ำเปิด
เครื่องปั่นไฟดีเซลก็ดัง เครื่อง steam turbine ก็ดัง
แถมความร้อนสูง แบบนี้คือขนมหวานของเรือดำน้ำเลย
หาเจอง่ายมากแต่ไกล
เทียบกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่้เงียบกริบ
จากเตาปฏิกรณ์ของฟอร์ด มันจึงกลายเป็นคนละชั้น
แบบไม่สามารถนำมาวิจารณ์ร่วมกันได้เลย
…แล้วนี่ ยังไม่นับเรื่องพิสัยทำการอีกนะ ….
ด้วยข้อจำกัดการเก็บเชื้อเพลิง และกำลังบำรุงของฝูเจี้ยน
ในกรณีรบจริงๆ มันยากมาก ที่มันจะอยู่ในแนวหน้าได้นาน
จนสามารถเป็นตัวหลักของกองเรือได้
แต่เรือฟอร์ด เตาปฏิกรณ์ให้พวกเขาได้ทุกอย่าง ไปจนถึง
น้ำจืดไว้ใช้ สิ่งที่พวกเขาต้องการ ก็แค่อาหาร และเชื้อเพลิง
เครื่องบิน ซึ่งมันสามารถเติมได้ง่ายกว่า เมื่ออยู่แนวหน้า
โดยไม่ต้องกลับเข้าฐาน
สำหรับฟอร์ด สิ่งที่ทำให้มันต้องเติมของในท่า
มีเพียงสองอย่าง คือ ระบบอาวุธขนาดใหญ่ จำพวกขีปนาวุธ
ระดับพิสัยกลางขึ้นไป
(ซึ่งปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว เป็นเรือฟริเกตยิงให้มากกว่า)
และอีกอย่าง คือความอ่อนล้าของลูกเรือ ที่ต้องพักบ้าง
…ลำพังตัวเรือฟอร์ด มันสามสรถแล่นได้ตลอดอายุเชื้อเพลิง
25 ปีของมัน ราวกับเรือผีสิง Flying Ducthman ก็ไม่ปาน…
แล้วจะเอาฟูเจี้ยน ที่วิ่งได้ไม่เกินสามเดือนมาเทียบได้อย่างไร ?
ตอนนี้ อธิบายข้อจำกัดทางวิศวกรรม จากข้อสังเกต
ของผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
ตอนสุดท้าย จะมาสรุปทั้งหมดกันนะครับ
น่าจะวันสองวันนี้แหละ….
…มั้งนะ ช่วงนี้งานผมเยอะมาก แค่ตอนสองนี่ก็เลทละ….
…แต่มาชัวร์แหละ ฝากติดตามด้วยครับ 😅….
อ้างอิง
https://www.theamericanconservative.com/the-three-carrier-problem/
https://www.twz.com/sea/china-commissions-newest-aircraft-carrier-with-its-electromagnetic-catapults-front-and-center
https://en-wikipedia-org.translate.goog/wiki/Chinese_aircraft_carrier_Fujian?_x_tr_sl=en&_x_tr_tl=th&_x_tr_hl=th&_x_tr_pto=tc
เทคโนโลยี
จีน
สหรัฐอเมริกา
บันทึก
11
2
1
11
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย