Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Letter From History
•
ติดตาม
26 พ.ย. เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
เวียดนาม
เวียดนาม ตอนที่ 5 พี่น้องทะเลาะกัน
ในปี 1954(2497) หลังสิ้นสุดสงครามครั้งสุดท้ายในสมรภูมิเดียนเบียนฟูแล้ว แต่การยอมรับสถานภาพของเวียดนามในสายตาประชาคมโลกกลับกลายเป็นอีกมิติหนึ่งที่เวียดนามต้องฝ่าฟัน และถึงแม้เวียดมินห์จะพิชิตฝรั่งเศสได้ครอบครองพื้นที่เวียดนามตั้งแต่เหนือจรดใต้แล้วก็ตาม แต่เรื่องก็ยังไม่จบ เพราะมีการประชุมสันติภาพ ที่กรุงเจนีวา เพื่อกำหนดอนาคตของคาบสมุทรเกาหลีและเวียดนาม
ผลการประชุมมีมติให้แบ่งเวียดนามออกเป็นสองส่วน คือ:
เวียดนามเหนือ: สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม
เวียดนามใต้: สาธารณรัฐเวียดนาม
โดยใช้เส้นขนานที่ 17 เป็นเส้นแบ่ง และกำหนดให้มีการเลือกตั้งร่วมกันในปี 1956(2499) แม้เวียดนามจะขับไล่ฝรั่งเศสได้สำเร็จ แต่ก็ยังต้องเผชิญกับการแบ่งแยกประเทศ ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของโฮจิมินห์ ที่ต้องการให้เวียดนามเป็นรัฐเดียว มีเอกภาพและเอกราชโดยสมบูรณ์ เวียดนามเหนือจึงปฏิเสธการลงนามในท้ายสนธิสัญญา
เส้นขนานที่ 17 เป็นเส้นแบ่งเวียดนาม
ซึ่งชนชั้นนำในเวียดนามเองก็มีความเห็นต่างกัน โดยกลุ่มที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ไม่ต้องการรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว โดยเฉพาะชาวเวียดนามทางใต้ที่ต้องการรัฐเอกราชแต่ไม่ต้องการระบอบคอมมิวนิสต์
ช่วงปี 1954~1963(2497~2506) เป็นช่วงที่สหรัฐฯ ยกระดับความขัดแย้งกับเวียดนามเหนือและเวียดกง โดยส่งกำลังทหารจากหลักร้อยเป็นหลักหมื่น ไม่นานก็เป็นหลักแสน และกลายเป็นหลักล้านในเวลาต่อมา จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นสมรภูมิของสงครามเย็นที่โหดร้ายและยืดเยื้อยาวนานถึง 12 ปี
1
เราจะไล่เรียงเรื่องราวตั้งแต่การประชุมสันติภาพ ที่กรุงเจนีวา การแบ่งเวียดนามออกเป็นสองส่วน สถานการณ์ในเวียดนามใต้ภายใต้ประธานาธิบดีโง ดิ่น เสี่ยม ที่มีนโยบายเปลี่ยนเวียดนามจากรัฐพุทธศาสนาเป็นรัฐคาทอลิก ซึ่งนำไปสู่วิกฤตพุทธศาสนา และเหตุการณ์พระภิกษุเผาตัวเองสร้างความสะเทือนใจที่สุดภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
สมรภูมิเดียนเบียนฟู
ขอย้อนกลับไปยังวันแห่งชัยชนะที่สมรภูมิเดียนเบียนฟู บริเวณชายแดนตอนเหนือของเวียดนามติดกับ สปป.ลาว ในปี 1954(2497) ที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้และไม่กลับมาอีก กองกำลังเวียดมินห์จึงกลายเป็นกองกำลังของรัฐบาลเวียดนามเหนือที่มีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่ฮานอย
คำว่า "เวียดมินห์" จึงไม่ถูกใช้อีก เพราะพวกเขากลายเป็นกองกำลังของรัฐบาลเวียดนามเหนือไปแล้ว แม้ว่าอิทธิพลของคอมมิวนิสต์ในเวียดนามใต้จะน้อยกว่า แต่ผู้สนับสนุนลัทธิคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ใต้เส้นขนานที่ 17 ก็มีจำนวนไม่น้อย และพวกเขาต้องการยึดครองเวียดนามทั้งประเทศ
เส้นขนานที่ 17 เป็นเส้นแบ่งเวียดนามเหนือและใต้ โดยขนานกับแม่น้ำเบนฮาย หากดูจากแผนที่ปัจจุบัน เวียดนามเหนือ เริ่มจากพื้นที่ทางเหนือของแม่น้ำเบนฮายขึ้นไป รวมถึงจังหวัด กว๋างบิ่งห์ ขึ้นไปจนถึงภาคเหนือทั้งหมด เช่น ฮานอย ฮายฟอง และซาปา
เขตปลอดทหาร (DMZ – Demilitarized Zone)
เวียดนามใต้ เริ่มจากพื้นที่ใต้ของแม่น้ำเบนฮายในจังหวัด กว๋างตรี ลงมาจนสุดปลายประเทศ ครอบคลุมจังหวัด เทือเทียน-เว้ ซึ่งเมืองหลวงเก่า “เว้” เองก็อยู่ทางฝั่งเวียดนามใต้ในยุคดังกล่าว ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ที่ฝรั่งเศสเรียกว่า "อันนัม" และ "โคชินชิน" ต่อมาเรียกรวมกันว่า "อาโอวี" หรือ "สาธารณรัฐเวียดนาม" (เวียดนามใต้)
พื้นที่บริเวณเส้นขนานที่ 17 ขึ้นไปทางเหนือ 10 กิโลเมตร และลงใต้ 10 กิโลเมตร ถูกกำหนดให้เป็นเขตปลอดทหาร (DMZ – Demilitarized Zone) ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่สามารถส่งกำลังทหารเข้าไปได้
คำถามคือ ทำไม???ถึงต้องแบ่งเวียดนามออกเป็นสองส่วนในช่วงทศวรรษที่ 1950(2493)กันด้วยล่ะ!!!
คำตอบคือ ช่วงเวลานั้นเป็นยุคที่สงครามเย็นทวีความเข้มข้น มหาอำนาจทั้งสองฝ่ายคือ สหรัฐอเมริกา (โลกเสรี) และสหภาพโซเวียต (โลกคอมมิวนิสต์) ต่างขัดแย้งกันอย่างต่อเนื่อง หากเวียดนามทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การนำของโฮจิมินห์ (ฝ่ายคอมมิวนิสต์) ก็เท่ากับว่าอินโดจีนจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์ ซึ่งสหรัฐฯ กังวลว่า "ทฤษฎีโดมิโน" จะส่งผลให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว กัมพูชา และอาจรวมถึงประเทศไทย ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกัน
1
ภาพถ่ายนี้ถ่ายจากทางเหนือของเขตปลอดทหาร (DMZ) บริเวณทางข้ามถนนหมายเลข 1
บทบาทของสหรัฐอเมริกา
สหรัฐฯ เข้าไปมีบทบาทในเวียดนามในฐานะผู้สนับสนุนเวียดนามใต้ โดยมองว่าเวียดนามเหนือภายใต้โฮจิมินห์เป็นภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์
จีนในขณะนั้น
แม้ว่าจีนภายใต้เหมา เจ๋อตงจะสนับสนุนเวียดมินห์จนสามารถเอาชนะฝรั่งเศสได้ แต่จีนก็ไม่ต้องการให้เวียดนามรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ เพราะเกรงว่าหากเวียดนามแข็งแกร่งก็อาจกลายเป็นคู่แข่งของจีนในอนาคต ดังนั้นการแบ่งเวียดนามออกเป็นสองส่วนจึงเป็นผลดีต่อจีนมากกว่า
การประชุมเจนีวา เพื่อไม่ให้ดูเหมือนเป็นการแบ่งประเทศอย่างดื้อๆ ที่ประชุมเจนีวาจึงกำหนดว่า..ในปี 1956(2499)ให้เวียดนามเหนือและใต้จัดทำประชามติร่วมกัน เพื่อพิจารณาว่าจะรวมประเทศเป็นหนึ่งหรือไม่ และเลือกผู้นำประเทศร่วมกัน
คำถามคือ ใครจะเป็นผู้นำเวียดนามใต้? ต้องเป็นผู้ที่ไม่ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ และเป็นมิตรกับโลกตะวันตก ซึ่งก็คืออดีตจักรพรรดิ "เบ๋าว์ดั๋ย" (Bảo Đại) ที่ยังมีอิทธิพลในเวียดนามตอนกลาง (ตั้งแต่จังหวัดกว๋างตรี เถื่อเทียนเว้ ลงมา)
1
ภาพการประชุมเจนีวา
โง ดิ่น เสี่ยม(Ngô Đình Diệm) เขาเป็นบุคคลที่ต่างชาติไว้วางใจ เป็นผู้นำขบวนการชาตินิยมฝ่ายขวา ต่อต้านคอมมิวนิสต์มาตลอด และเคยลี้ภัยไปต่างประเทศตั้งแต่ปี 1950(2493) เพราะไม่ยอมรับที่จักรพรรดิเบ๋าว์ดั๋ย กลายเป็นหุ่นเชิดของฝรั่งเศส
ภายใต้สนธิสัญญาเจนีวา เวียดนามใต้จึงถือกำเนิดขึ้น โดยจักรพรรดิเบ๋าว์ดั๋ย เชิญโง ดิ่น เสี่ยม มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเขาก็ยอมรับตำแหน่ง เพราะไม่มีอิทธิพลของฝรั่งเศสอีกต่อไป และเขามีแผนในใจที่จะสร้างเวียดนามใต้ให้เป็นรัฐที่มีเอกราชและมีเอกภาพ
แต่ในความเป็นจริง การรวมประเทศตามสนธิสัญญาเจนีวานั้น.. ไม่ได้เกิดขึ้นจริง กลับกลายเป็นความขัดแย้งที่นำไปสู่การอพยพของชาวเวียดนามจำนวนมาก เช่นที่เพลง "เรฟูจี" ของคาราบาวกล่าวไว้ว่า “เกลือจิ้มเกลือ เหลือเพียงเรือล่องมา”
โง ดิ่น เสี่ยม (Ngô Đình Diệm)
สถานการณ์การเมือง ฝ่ายเหนือมีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ชัดเจน มีรัฐบาลที่มั่นคงและกองกำลังเวียดมินห์ ส่วนฝ่ายใต้มีรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
เวียดกง (Viet Cong) ในเวียดนามใต้ มีการจัดตั้งกองกำลังปลดปล่อยโดยเหวียน ฮิว ท็อค (Nguyễn Hữu Thọ) ซึ่งเรียกกันว่า "เวียดกง" (Viet Cong) เพื่อเตรียมการปลดปล่อยเวียดนามใต้ และกลายเป็นคู่ต่อสู้สำคัญของสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา
1
การอพยพหลังการแบ่งประเทศ หลังปี 1954(2497) มีชาวเวียดนามที่มีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ประมาณ 52,000 คน ได้อพยพขึ้นเหนือไปอยู่กับรัฐบาลโฮจิมินห์ ในขณะเดียวกันก็มีชาวเวียดนามอีกกลุ่มที่ไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองคอมมิวนิสต์ประมาณ 450,000 คนได้อพยพลงใต้มา
ซึ่งการอพยพประชาชนจากฝั่งเหนือไปยังฝั่งใต้ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านปฏิบัติการทางทหารที่มีชื่อว่า Operation Passage to Freedom
ภาพการอพยพหลังการแบ่งประเทศ หลังปี 1954
พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เมื่อมีรัฐอธิปไตยทางตอนเหนือแล้ว ก็ต้องตัดสินใจว่าจะโฟกัสที่ “พัฒนาทางเหนือก่อน” หรือ “รวมประเทศทางใต้ก่อน” ถ้าเลือก “ทางเหนือก่อน” หมายถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและประเทศของตัวเองก่อน แล้วค่อยขยายอิทธิพลทางทหารไปยังเวียดนามใต้ แต่ถ้าเลือก “ทางใต้ก่อน” ก็หมายถึงการรวมประเทศให้ได้ก่อน แล้วค่อยพัฒนาเศรษฐกิจพร้อมกันในภายหลัง และเวียดนามเหนือเลือกนโยบาย “ทางใต้ก่อน” เสียงส่วนใหญ่ของแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น ได้แก่:
1.
เล ดวน (Lê Duẩn) – ต่อมาเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์
2.
โต ฮิว (Tô Hữu)
3.
จึง จิ้น (Trường Chinh)
4.
ฟาม วัน ดง (Phạm Văn Đồng) – นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหนือ
1
ทั้ง 4 คนเห็นพ้องกันในการใช้นโยบาย “ทางใต้ก่อน” โดยตระหนักว่า ฝั่งใต้ใกล้ชิดกับมหาอำนาจตะวันตก การลำเลียงกำลังพลผ่านตอนกลางของเวียดนามซึ่งแคบที่สุดเพียง 18 กิโลเมตรจึงเป็นเรื่องยาก
เล ดวน (Lê Duẩn) , โต ฮิว (Tô Hữu) , จึง จิ้น (Trường Chinh) และ ฟาม วัน ดง (Phạm Văn Đồng) ตามลำดับ
ดังนั้นต้องขยายเส้นทางลำเลียงผ่านประเทศเพื่อนบ้าน เวียดนามเหนือจึงขยายเส้นทางผ่าน ลาว ทางตอนเหนือ กัมพูชา ทางตอนใต้ เส้นทางนี้ต่อมาสหรัฐฯ เรียกว่า เส้นทางโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Trail)
ท่าทีของกัมพูชา แม้จะดูเหมือนหวาดกลัวต่อคอมมิวนิสต์ แต่ภายใต้การนำของกษัตริย์นโรดม สีหนุ กัมพูชาเลือกให้การสนับสนุนเวียดนามเหนือ และไม่ปฏิเสธการใช้พื้นที่ของตนในการขยายเส้นทางโฮจิมินห์
การปฏิบัติการทางทหารของเวียดนามเหนือไม่ได้ส่งทหารลงไปโดยตรง แต่ใช้กองกำลังคอมมิวนิสต์ในเวียดนามใต้ที่เรียกว่า เวียดกง (Viet Cong) หรือที่คนอเมริกันเรียกว่า VC ซึ่งเป็นกองกำลังนอกรูปแบบที่ปฏิบัติการในพื้นที่ชนบทและห่างไกล โดยประสานงานกับเวียดนามเหนืออย่างต่อเนื่อง
นโยบายเศรษฐกิจของเวียดนามเหนือ นโยบายสำคัญคือ การปฏิรูปที่ดิน ตามอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ โดยรัฐบาลเวียดนามเหนือกวาดล้างชนชั้นเจ้าของที่ดินและมอบที่ดินให้ประชาชนทั่วไป
ภาพของการ การปฏิรูปที่ดิน ตามอุดมการณ์คอมมิวนิสต์
ตัวเลขจากเวียดนามเหนือระบุว่ามีผู้ถูกประหารประมาณแสนต้นๆ แต่จากมุมมองโลกตะวันตก คาดว่ามีผู้ถูกประหารหลายแสนคน ต่อมาโฮจิมินห์ยอมรับว่า การปฏิรูปที่ดินนั้นรุนแรงเกินไป สำหรับท่าทีของสหรัฐฯ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีรูสเวลต์ประกาศว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเวียดนาม และไม่ให้ฝรั่งเศสกลับเข้าไป แต่รูสเวลต์ถึงแก่อสัญกรรมก่อนสงครามแปซิฟิกจะจบ
ประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน ให้ความสำคัญกับสงครามเกาหลี และตัดสินใจสนับสนุนฝรั่งเศสในการรบกับเวียดนาม โดยส่งอาวุธ เช่น เครื่องบินลำเลียง 12 ลำตามคำขอของพลเอกอองรี นาวาร์ ใช้ในสงครามอินโดจีน โดยเฉพาะที่สมรภูมิเดียนเบียนฟู
ยุคของนายพลไอเซนฮาวร์ เริ่มตระหนักถึงภัยคอมมิวนิสต์และทฤษฎีโดมิโนที่อาจส่งผลต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ลาว กัมพูชา และไทย
วันที่ 1 พฤศจิกายน 1955(2498) สหรัฐฯ ได้ส่งคณะทหารไปฝึกกองทัพเวียดนามใต้ (ARVN – Army of the Republic of Vietnam) ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าไปมีบทบาทในสงครามเวียดนามอย่างเป็นทางการ
ภาพการฝึกอบรบของ ARVN – Army of the Republic of Vietnam
ยุคของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) เริ่มต้นด้วยการส่งกำลังพล 900 นายในปี 1961(2504) และเพิ่มเป็น 16,000 นายในปี 1963(2506) หลังจากการแบ่งแยกประเทศแล้ว จักรพรรดิเบ๋าว์ดั๋ย ได้แต่งตั้ง โง ดิ่ญ เสี่ยม (Ngô Đình Diệm) เป็นนายกรัฐมนตรีของเวียดนามใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้กล่าวไปแล้วว่า โง ดิ่ญ เสี่ยม เป็นหนึ่งในแกนนำผู้เรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส แต่เขาปฏิเสธการร่วมมือกับลัทธิคอมมิวนิสต์ ระหว่างลี้ภัยทางการเมืองเป็นเวลา 4 ปี
เขาเดินทางไปพำนักในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา จนได้รับการสนับสนุนจากประชาคมนานาชาติ รวมถึงนักการเมืองสหรัฐฯ หลายคน โดยเฉพาะ จอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครตในขณะนั้น
ฐานอำนาจในเวียดนาม พี่ชายของเขา โง ดิ่น ถุก เป็นนักบวชคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มศาสนาในเวียดนาม ขณะที่น้องชายของเขา โง ดิ่ญ ญู เดินเกมขยายอิทธิพลให้กับตระกูลโง โดยร่วมมือกับกลุ่มต่อต้านคอมมิวนิสต์ เช่น กลุ่มฟ้าหาว และ ทิกาวด่าย ตั้งพรรคการเมืองชื่อว่า เกิ่นลาว ซึ่งมีแนวทางคล้ายกับพรรคฟาสซิสต์ของมุสโสลินี คือกำจัดฝ่ายตรงข้ามนอกระบบควบคู่กับการวางเส้นทางการเมืองในระบบ
โง ดิ่ญ ญู
เมื่อโอกาสมาถึง โง ดิ่ญ เสี่ยม ผู้มีบารมีมากที่สุดในบรรดาผู้นำเวียดนามที่ไม่ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของเวียดนามใต้ ถึงแม้จะได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิเบ๋าว์ดั๋ย แต่เขาก็เลือกที่จะจัดการกับจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนาม โดยจัดทำประชามติในวันที่ 23 ตุลาคม 1955(2498) เพื่อถามประชาชนว่า ยังต้องการให้เวียดนามใต้เป็นราชอาณาจักร โดยมีองค์จักรพรรดิเป็นพระประมุข หรือต้องการให้เป็นสาธารณรัฐ เพื่อเป็นประชาธิปไตย
ผลประชามติ 98.2% ของผู้ลงคะแนนต้องการให้เวียดนามใต้เป็นสาธารณรัฐ แต่ผลการลงคะแนนกลับมีจำนวนมากกว่า.. ผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิสูงถึงกว่า 400,000 คน จึงเป็นข้อสงสัยถึงความโปร่งใสของการลงคะแนน แต่อย่างไรก็ตาม ผลของประชามติในครั้งนี้ก็ถือเป็นการปิดตำนานจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนาม ซึ่งในเวลาต่อมาได้เสด็จลี้ภัยไปต่างประเทศ เวียดนามใต้กลายเป็นสาธารณรัฐตั้งแต่ปี 1955(2498)เป็นต้นมา
ในบริบทสงครามเย็น สหรัฐฯ ต้องการให้โง ดิ่ญ เสี่ยม เป็นผู้นำหลักในการต่อสู้กับกองกำลังคอมมิวนิสต์ทั้งจากเวียดนามเหนือและเวียดกง ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ไม่เลว จนกระทั่งได้รับคำชมจากประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐเวียดนามในปี 1957(2500) ว่า “โง ดิ่ญ เสี่ยม เป็นมนุษย์มหัศจรรย์”
ประธานาธิบดีสหรัฐ ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์และรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น ฟอสเตอร์ ดัลเลสต้อนรับประธานาธิบดีเวียดนามใต้ โง ดิ่ญ เซียมที่ท่าอากาศยานแห่งชาติวอชิงตัน
คำถามสำคัญ แล้วประชามติรวมประเทศตามสนธิสัญญาเจนีวาในปี 1956(2499)ได้เกิดขึ้นจริงหรือไม่???.. คำตอบคือ ไม่เกิดขึ้นเลย เพราะทั้งเวียดนามเหนือและใต้ไม่ต้องการรวมประเทศในเวลานั้น ทำให้ประชามติกลายเป็นเพียงภาพลวงตา
กองกำลังเวียดกง กองกำลังคอมมิวนิสต์ที่แฝงตัวอยู่ในเวียดนามใต้ยังคงเดินหน้าทำสงครามกับกองทัพเวียดนามใต้ (ARVN) ที่มีสหรัฐฯ คอยหนุนหลังอยู่อย่างต่อเนื่อง
การเมืองในยุคเอกราชของเวียดนามใต้ แม้จะเป็นการปกครองกันเองโดยคนเวียดนามก็ตาม แต่ไม่ได้เป็นไปตามที่ฝันไว้ เนื่องจากตระกูลโง ดิ่ญ เสี่ยม คือรวมศูนย์อำนาจไว้ทั้งหมด โดยน้องชายของเขา โง ดิ่ญ ญู ควบคุมกิจการค้าสินค้าเกษตร รวมถึงการแต่งตั้งบุคคลในระดับสูง และภรรยาของเขา มาดาม นู ก็มีบทบาทสูง ใช้อิทธิพลสร้างอำนาจในทางที่ไม่เหมาะสม
ความขัดแย้งทางศาสนา โง ดิ่ญ เสี่ยม เป็นคริสต์ศาสนิกชนที่ศรัทธาแรงกล้า ขณะที่ประชาชนเวียดนามใต้ส่วนใหญ่กว่า 80% นับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน เขามีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเวียดนามใต้ให้กลายเป็นรัฐคาทอลิก จึงนำไปสู่ความขัดแย้งทางศาสนาอย่างรุนแรง
เหตุการณ์สำคัญ การเผาตัวเองของพระภิกษุ ทิก กวาง ดึ๊ก ส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จึงทำให้ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ตัดสินใจเพิ่มบทบาทของสหรัฐอเมริกาในเวียดนามใต้ให้มากยิ่งขึ้น โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference ตอนที่ 5
https://shorturl.asia/MJ7jv
https://shorturl.asia/0Eznr
https://shorturl.asia/1jNKE
https://shorturl.asia/Yr5Bj
https://shorturl.asia/d4bj1
https://shorturl.asia/KL93S
https://shorturl.asia/1PYME
https://shorturl.asia/lk9Oz
https://shorturl.asia/5zkWn
https://shorturl.asia/v2Udl
https://shorturl.asia/KjCPc
https://shorturl.asia/itpS0
https://shorturl.asia/BAb0C
ความรู้รอบตัว
ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่า
21 บันทึก
15
2
41
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เวียดนาม ประเทศเล็กที่ล้มมหาอำนาจ
21
15
2
41
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย