ชอบเก็บตัวอยู่เงียบๆ คนเดียว จะมีผลเสียอะไรตามมาหรือไม่ ?

คนในปัจจุบันมักจะชอบเก็บตัวอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมกันมากนัก เพราะเรามีสื่อมากมาย สะดวกใช้งานโซเชียลมีเดียได้ง่ายๆ ในสมาร์ทโฟน ทั้งไลน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ติ๊กต็อก ยูทูป ช่องทางสื่อออนไลน์มีมากมายเต็มไปหมด นั่งดูนั่นนี่เผลอแป๊บเดียวเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง แล้ว นั่งๆ นอนๆ ดูได้ตลอดทั้งวัน พวกเราอยู่ในโลกเสมือนจริงจนกระทั่งละเลยการเข้าสังคมจริงๆ ไปแล้ว
บางทีพ่อแม่ลูกอยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ พอกินเสร็จเรียบร้อยแทนที่จะนั่งพูดคุยกัน กลายเป็นว่าแต่ละคนมีสมาร์ทโฟนเป็นของตนเอง ก็นั่งก้มหน้าดูแต่ในสมาร์ทโฟนไป สายสัมพันธ์ในชีวิตจึงจืดจางลง ไม่เฉพาะกับคนในครอบครัวเท่านั้น เพื่อนฝูงก็ห่างหายกันไปด้วย
โลกเสมือนจริงทำให้เราเข้าสังคมน้อยลง มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างน้อยลง ทำให้เวลาที่เราจะต้องพบปะคนแปลกหน้าก็จะเกิดความรู้สึกไม่คุ้นชิน พาลให้ไม่ชอบใจ และหลีกหนีไปในที่สุด
เพราะเราคุ้นเคยกับชีวิตในโลกเสมือนมากกว่า เราให้เวลากับสิ่งใดมาก เราก็จะคุ้นเคยกับสิ่งนั้น ทุกอย่างมีคุณอนันต์และมีโทษมหันต์เสมอ
สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทำให้เราสะดวกสบาย สามารถพกพาติดตัวไปได้ทุกที่ทุกเวลา อำนวยความสะดวกให้เราได้มากมาย ทั้งหาข้อมูลความรู้ต่างๆ หรือจองตั๋วรถทัวร์ ตั๋วเครื่องบิน หรือโหลดเอกสารต่างๆ ค้นหาอะไรก็ได้ทั่วทุกมุมโลก มีคุณอนันต์ แต่ถ้าเราใช้มากเกินไปโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เวลาของเราก็หมดลงไปอย่างศูนย์เปล่า ทักษะในการเข้าสังคมจริงก็จะหย่อนลงไปด้วย
เพราะฉะนั้น ต้องแก้ด้วยการสร้างวินัยในตนเองให้มากขึ้น ทำกิจวัตรประจำวันให้สำเร็จตรงตามเวลาที่วางไว้ เช่น ทำการบ้าน ออกกำลังกาย ร่วมโต๊ะกินอาหารเย็นกับครอบครัว เวลาที่เราอยู่กันใครก็ให้ตัดใจวางสมาร์ทโฟนลงโดยไม่หยิบขึ้นมาดูเลย เพื่อไม่ให้เสียสมาธิ หรือเลือกที่จะปิดเสียงโทรศัพท์ไปเลยก็ได้
แล้วเราจะพบว่า ความจริงแล้วชีวิตเราปลอดจากโทรศัพท์มือถือ ปลอดจากโลกโซเชียลมีเดียได้ไม่ยากเลย ในหนึ่งวันนั้นยาวนานพอสมควร เราจะมีความสุขสนุกสนานกับสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากกว่าเวลาที่เราอยู่ในโลกเสมือนจริงเสียอีก
แล้วชีวิตของเราจะค่อยๆ ดีขึ้น สดใสเบิกบานใจขึ้น แล้วทักษะในการเข้าสังคมของเราก็จะถูกฟื้นฟูขึ้นอย่างต่อเนื่องหากเรามีวินัย ส่งผลให้ชีวิตดีขึ้นตลอดไป
เจริญพร.
โฆษณา