27 พ.ย. เวลา 15:50 • ปรัชญา

การรับฟังคำวิจารณ์ กับ การเปิดใจรับฟัง

คุณเคยสับสนไหมคะว่าเราควรจะ คิดยังไงกับคำพูดว่าต้องฟังคำวิจารณ์คนอื่น
บางทีคนอื่นก็รู้ไม่เท่าเราหรือโง่กว่าเราด้วยซ้ำ ทำไมเราต้องฟัง บางเรื่องเค้าก็รู้ไม่สู้เราทำไมเราต้องฟัง
แต่สังคมบอก ให้เราฟัง ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นคนที่ไม่พัฒนาหรือปิดใจ เคยไหมคะที่เรางง ก็เรารู้ดีกว่าคนนั้นจริงๆ แต่คนที่พูดก็จะโต้กลับมาว่า
“ ทำไมคิดว่ารู้ดีกว่าเค้า ”
เค้าอาจจะรู้ดีกว่าเราก็ได้ ทำไมเราคิดว่าเราถึงรู้ดีหรือเก่งกว่าเขาล่ะ
สรุปง่ายง่ายเลยนะคะคือ
• ความจริงในชีวิต: บางเรื่องคุณรู้ดีกว่าเขาจริง ๆ
• แต่คำสอนของสังคม: ต้องฟังทุกคน ไม่งั้นจะกลายเป็นคนปิดใจ
• พอคุณไม่ฟัง → เขาหาว่าคุณหยิ่ง รู้ดี
• พอคุณรู้ว่าคุณรู้ดีกว่า → คุณก็ยิ่งงงว่า “แล้วเราผิดตรงไหน?”
ชอบพูดสั้นสั้น ว่า
ต้องฟังคนอื่น
แต่ความหมายที่ถูกต้องจริง ๆ คือ
ต้อง “เปิดโอกาส” ให้ข้อมูลใหม่เข้ามา ไม่ใช่ต้อง “ยกสถานะทุกคำพูดให้เท่ากัน”
หลังจากนั้นคุณยังมีสิทธิเต็มที่ที่จะตัดสินว่า
• อันนี้โง่ → ทิ้ง
• อันนี้มั่ว → ทิ้ง
• อันนี้ไม่มีประสบการณ์รองรับ → ทิ้ง
• อันนี้มีเหตุผล → เก็บ
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีความคิดเห็น “มีคุณค่าเท่ากัน”
นี่คือความจริงตามโลก ไม่ใช่ความหยิ่ง
ตัวอย่างชัด ๆ:
• หมอ vs คนไม่เรียนแพทย์ → ใครรู้เรื่องโรคดีกว่า?
• ช่าง vs คนไม่เคยซ่อม → ใครรู้เรื่องเครื่องดีกว่า?
• คนที่ผ่านเรื่องนั้นจริง กับคนที่เดา → ใครเข้าใจลึกกว่า?
ดังนั้นการที่คุณรู้ว่า
“เรื่องนี้ฉันรู้มากกว่าเขาจริง”
มันไม่ใช่ความหยิ่ง
มันคือ การประเมินจากข้อมูลและประสบการณ์
การรู้ว่าคนอื่นรู้ไม่เท่าเรา
ไม่เท่ากับการดูถูกเขา
ถ้าเราไม่ได้เอาการรู้นั้นไปเหยียบคนอื่น
คุณไม่ได้ผิดที่ “รู้”
คุณจะผิดก็ต่อเมื่อ:
• เอาความรู้ไปกดเขา
• เอาความรู้ไปทำให้เขาเป็นศูนย์
ที่เราทำก็แค่ ไม่อยากเอาความเห็นที่ไม่มีคุณภาพเข้าหัว เพราะเขาเขา เอาอีโก้มาปนกับเหตุผล
ซึ่งนี่ไม่ใช่ความหยิ่ง
นี่คือ การคัดกรอง
เพราะฉะนั้น
1. ฟัง = มารยาทพื้นฐาน
2. วิเคราะห์ = หน้าที่ของสติปัญญา
3. เลือกเชื่อเฉพาะที่มีเหตุผล = หน้าที่ของการดูแลชีวิตตัวเอง
4. ❌ เชื่อทุกอย่าง = ไม่ใช่การเปิดใจ แต่คือการไม่ใช้สมอง
การฟังคือท่าทีทางสังคม
การเลือกคือทักษะทางปัญญา
โฆษณา