บาคลาวา ขนมหวานเดือนรอมฎอนของราชองครักษ์ออตโตมัน
เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนเพิ่งได้มีโอกาสลิ้มรสสำรับของหวานตุรกีหรือตุรเคียเป็นครั้งแรก น่าแปลกดีที่ “เตอร์กิชดีไลท์” นั้นไม่หวานดังที่ลูกเพจคอมเมนต์มาอ่านในโพสต์เตอร์กิช ดีไลท์เลยสักนิด (หรือไม่ก็ผู้เขียนกินของหวานเสียจนด้านชา) แต่สิ่งที่ผู้เขียนได้กินแล้วรู้สึกว่าหวานของแท้ กลับเป็นเจ้าขนมที่มีชื่อว่า “บาคลาวา” แทน ซึ่งเรื่องราวของบาคลาวาก็ถือว่าน่าสนใจ และมีความข้องเกี่ยวกับเทศกาลทางศาสนาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
บาคลาวาแบบที่เรารู้จักกันนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยศตวรรษที่ 15 ในห้องเครื่องวิเสทพระราชวังโทพคาปีของสุลต่านเมห์เม็ดผู้พิชิต ซึ่งพัฒนามาจากขนมดั้งเดิมจากอาณาจักรอัสซีเรีย โดยจะมีลักษณะเป็นแป้งซ้อนกันเป็นชั้น ๆ และมีไส้ถั่วพิซตาชิโอและน้ำผึ้งฉ่ำ ๆ ข้างใน ก่อนที่จะมาบูมอย่างหนักในศตวรรษที่ 16 ภายใต้การปกครองของสุลต่านสุไลมานผู้เกรียงไกร ซึ่งได้นำขนมนี้มาเป็นส่วนสำคัญของเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิมอย่าง “รอมฎอน” จนเกิดเป็น “ขบวนแห่บาคลาวา”.
สุลต่านจะพระราชทานถาดบาคลาวาขนาดใหญ่ให้แก่ราชองค์รักษ์ “จานิสซารี่” เป็นจำนวน 1 ถาดต่อทหาร 10 นาย ซึ่งเมื่อได้รับพระราชทานบาคลาวาแล้ว ทหารก็จะแห่ริ้วขบวนเอาบาคลาวากลับไปยังค่ายของตนเพื่อเก็บไว้กินหลังพระอาทิตย์ตก และต้องส่งถาดและห่อผ้ากลับคืนมายังพระราชวังในเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งพิธีการนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสุลต่านกับราชองครักษ์ด้วย โดยพิธีขบวนแห่บาคลาวานี้ก็มาถึงจุดสิ้นสุดในรัชสมัยของพระเจ้่ามาห์มุดที่ 2 ที่ได้ยุบหน่วยราชองครักษ์จานิสซารี่ไป
แต่ถึงจานิสซารี่จะถูกยุบไป แต่บาคลาวาก็ไม่ได้หายไปพร้อมกับจานิสซารี่ หากแต่ยังมีกลุ่มชาวคริสต์ในออตโตมันที่ยังคงทำบาคลาวาไว้กินในช่วงเทศกาลมหาพรต รวมไปถึงชาวยิวเองก็มีการกินบาคลาวาในวันปีใหม่ยิวอย่าง รอช ฮาชานาห์ และเทศกาลปูริม ทำให้บาคลาวาไม่ใช้อาหารที่ถูกจำกัดเอาไว้แค่ในศาสนาอิสลามแต่ยังข้ามไปบูรณาการกับศาสนาคริสต์และยูดาห์ ซึ่งเป็นหลักฐานของวัฒนธรรมออตโตมันอันเคยได้ชื่อว่าเป็นจักรวรรดิที่มีความหลากหลายของศาสนามากที่สุดด้วย
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
