20 ธ.ค. เวลา 10:08 • ธุรกิจ

⚖️ เมื่อฤดูกาลแห่งการ “ตัดสิน” มาถึง

ความยุติธรรมของการประเมินผล… ที่ตัวเลขไม่มีวันเล่าความจริงได้ครบ?
* ปลายปีของหลายองค์กร ไม่ได้มาพร้อมแค่ลมหนาวหรือบรรยากาศเฉลิมฉลองตามปฏิทิน แต่กลับพาเอาความเงียบ ความตึง และความระแวงบางอย่างเข้ามาแทนที่อย่างช้าๆ
* บทสนทนาในออฟฟิศเริ่มเปลี่ยนจากเรื่องงานประจำวัน เป็นคำถามแฝงนัยอย่าง “ปีนี้ได้เกรดอะไรนะ” หรือ “ได้ขึ้นเงินเดือนกี่เปอร์เซ็นต์”
* นี่คือช่วงเวลาเดียวกันทุกปีที่คนทำงานจำนวนมากรับรู้ตรงกันว่า “ฤดูกาลประเมินผล” กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
* ในฝั่งพนักงาน บางคนเร่งปิด KPI อย่างไม่ลืมหูลืมตา บางคนย้อนเปิดไฟล์ผลงานเก่า เรียงลำดับโปรเจกต์ตลอดทั้งปี เพื่อรวบรวมหลักฐานว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา “ฉันทำอะไรไปบ้าง และมันสำคัญพอไหม”
* ในฝั่งหัวหน้า หลายคนกำลังเผชิญแรงกดดันสองด้านพร้อมกัน ด้านหนึ่งคือการรักษามาตรฐานผลงานและความยุติธรรมในทีม อีกด้านคือข้อจำกัดของโควตา งบประมาณ และแรงกดดันเชิงโครงสร้างที่ตนเองไม่ได้ออกแบบ
* และในห้องประชุมระดับบน ตัวเลขในตาราง Excel กำลังถูกใช้เป็นฐานในการตัดสิน “อนาคต” ของคนทำงานจำนวนมาก

ทั้งการเลื่อนตำแหน่ง การขึ้นเงินเดือน หรือแม้แต่การตัดสินว่าใครควรถูกเก็บไว้ในระบบต่อไป
* สำหรับองค์กร นี่อาจเป็นเพียงกระบวนการปกติที่ทำซ้ำทุกปี แต่สำหรับคนทำงานจำนวนมาก นี่คือช่วงเวลาที่คำถามเดียวกันดังขึ้นพร้อมกันในใจ
“ความยุติธรรม… มีอยู่จริงไหม?”
====
📉 ตัวเลขที่วัดผลงานได้… แต่ไม่เคยวัดหัวใจครบ
ปัญหาของการประเมินผล ไม่ได้อยู่ที่การใช้ตัวเลข แต่อยู่ที่การ ใช้ตัวเลขเป็นคำตอบสุดท้าย โดยไม่ตั้งคำถามกับมันเลย
ในแทบทุกองค์กร เราจะพบคนทำงานประเภทเดียวกันเสมอ
* คนที่รับผิดชอบงานยาก งานที่ไม่มีใครอยากทำ
* คนที่ช่วยเพื่อนร่วมทีมเสมอ แม้จะไม่ใช่หน้าที่ตรงของตน
* คนที่เป็นตัวกลางคลี่คลายความขัดแย้ง
และคนที่แก้ปัญหาหน้างานได้ดี จนหัวหน้าแทบไม่ต้องเข้ามาแทรกแซง
แต่เมื่อถึงวันประเมิน ผลงานเหล่านี้กลับถูกสรุปด้วยประโยคสั้นๆ ว่า

“ผลงานตามมาตรฐาน” หรือ “ทำได้ดีตามที่คาดหวัง”
ไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่ง แต่เพราะสิ่งที่เขาทำ ไม่ถูกออกแบบให้แปลงเป็น KPI ตั้งแต่ต้น
ในทางกลับกัน
* บางคนอาจทำตัวเลขได้ครบ แต่ทิ้งภาระไว้ให้ทีม สร้างความตึงเครียดให้คนรอบข้าง
หรือทำลายบรรยากาศการทำงานในระยะยาวโดยที่ตัวชี้วัดไม่เคยสะท้อนสิ่งเหล่านี้
* ระบบประเมินผลที่มองเห็นเฉพาะ “ผลลัพธ์เชิงปริมาณ” จึงมักมองไม่เห็น คุณค่าที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นความเป็นผู้นำ ความเสียสละ ความไว้วางใจ หรือพลังทางอารมณ์ที่หล่อเลี้ยงทีม
และเมื่อองค์กรให้รางวัลกับตัวเลขเพียงอย่างเดียว เรากำลังสื่อสารอย่างเงียบๆ ว่า
“สิ่งที่วัดไม่ได้… ไม่มีค่าในระบบนี้”
====
🗣️ คำว่า “แต่…” ที่ค่อยๆ บั่นทอนคนเก่ง
ในหลายห้องประชุมผู้บริหาร มีประโยคหนึ่งที่ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เขาทำงานดีนะ… แต่ …”
* แต่โควตาเต็มแล้ว
* แต่งบประมาณจำกัด
* แต่ยังไม่ถึงรอบ
* แต่ยังไม่เหมาะในเชิงโครงสร้าง
คำว่า “แต่” เหล่านี้ ไม่ได้ผิดในเชิงเหตุผล
เพราะข้อจำกัดของระบบมีอยู่จริง แต่เมื่อมันเกิดขึ้นซ้ำๆ กับคนเดิม กับความพยายามเดิม
ความรู้สึกของคนทำงานจะค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
“จากความมุ่งมั่น → เป็นความเหนื่อย
จากความหวัง → เป็นความเฉยชา
จากความผูกพัน → เป็นเพียงการทำหน้าที่ให้จบวัน”
ในเชิงจิตวิทยา นี่คือจุดเริ่มต้นของ Learned Helplessness
* ภาวะที่คนเก่งเลิกพยายาม ไม่ใช่เพราะไม่รักงาน แต่เพราะเรียนรู้แล้วว่า “พยายามไปก็ไม่เปลี่ยนอะไร”
* องค์กรที่ปล่อยให้ภาวะนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ อาจไม่สูญเสียคนในทันที แต่กำลังสูญเสียความคิดสร้างสรรค์ ความทุ่มเท และหัวใจของคนเก่งไปอย่างเงียบงัน
====
🛡️ เมื่อการประเมินผล กลายเป็นศาล มากกว่าเวทีพัฒนา?
เจตนารมณ์ดั้งเดิมของการประเมินผล คือการพัฒนาและสะท้อนศักยภาพ
แต่ในหลายองค์กร มันค่อยๆ กลายเป็นเครื่องมือ “ตัดสิน” โดยไม่รู้ตัว
เมื่อพนักงานรู้สึกว่า การประเมินคือการจับผิด คือการต่อรองผลประโยชน์ หรือคือกระบวนการคัดคนออกทางอ้อม
สิ่งที่พังลงก่อนผลงาน คือ
* ความไว้วางใจ
* คนจะไม่กล้าเสี่ยง
* ไม่กล้าลองสิ่งใหม่
* ไม่กล้าคิดนอกกรอบ
แต่จะเลือกทำสิ่งที่ปลอดภัย ทำสิ่งที่ “ดูดีบนกระดาษ” และเก็บแรงไว้เพื่อปกป้องตัวเองจากระบบ
ในระยะยาว องค์กรอาจดูมีโครงสร้าง มี KPI ชัดเจน แต่กลับขาดพลังชีวิต และนวัตกรรมก็จะค่อยๆ หายไปจากวัฒนธรรมการทำงาน
====
✨ ความยุติธรรม… ที่มากกว่าคะแนนเฉลี่ย
”การประเมินผลที่ดี ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบทางเทคนิค แต่ต้อง ยุติธรรมทางความรู้สึกและความเป็นมนุษย์“
คนทำงานไม่ได้ต้องการเกรด A จากทุกคน
แต่ต้องการรู้ว่า
* สิ่งที่เขาทำ ถูกมองเห็นอย่างแท้จริง
* ความพยายามของเขา ไม่สูญเปล่าในระบบ
* และการเติบโตของเขา มีคนใส่ใจและพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา
ผู้นำที่ดีในฤดูกาลประเมินผล จึงไม่ใช่คนที่ให้คะแนนเก่งที่สุด แต่คือคนที่ กล้าคุยความจริงอย่างมีมนุษยธรรม และ กล้ายอมรับว่า ตัวเลขเล่าเรื่องได้ไม่หมด
เพราะท้ายที่สุดแล้ว องค์กรไม่ได้ขับเคลื่อนด้วย KPI ในตาราง แต่ขับเคลื่อนด้วยหัวใจของคนทำงาน ที่ยังเชื่อว่า ที่แห่งนี้ “ยุติธรรมพอให้เขาทุ่มเทต่อไปได้”
“ความยุติธรรมที่แท้จริง ไม่ได้ทำให้ทุกคนได้เท่ากัน แต่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า สิ่งที่เขาให้ไป… ไม่สูญเปล่า”
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#PerformanceReview
#Leadership
#OrganizationalCulture
#EmpathyAtWork
#HumanCenteredManagement
โฆษณา