12 ส.ค. 2020 เวลา 03:11 • หนังสือ

💠สมุดภาพแห่งความทรงจำ💠

🔸 ไม่นับครั้ง เสด็จฯ ยุโรป & สหรัฐฯ ปี พ.ศ. 2503 และ สหรัฐฯ​ คานาดาและยุโรป ในปี พ.ศ. 2510 หลายท่าน คงลืมไปแล้วว่า การเสด็จฯ สปป.ลาว เพื่อเปิดสะพานมิตรภาพ ที่หนองคาย เมื่อปี พ.ศ. 2537 คือหนสุดท้าย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ "ในหลวงภูมิพล" เสด็จฯ ออกนอกพระราชอาณาจักร
▪️
🔸 ผมจำพระพักตร์ที่สดชื่น ของพระองค์ได้ดี ทรงมีปฎิสันถารกับ พณ.ฯ ท่านหนูฮัก พูมสะหวัน ประธานาธิบดี สปป.ลาว และนาย "Paul Keating" นายกฯ ออสเตรเลีย ชาติที่ออกทุนสำคัญ ในการสร้างสะพาน เชื่อมสองชาติ ที่มีเผ่าพันธุ์ ใกล้เคียงนี้​ เข้าหากัน
▪️
🔸 หลังพิธีการกลางสะพาน ในหลวงฯ เสด็จฯ ข้ามไปฝั่งลาว ที่มีพิธีการต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ และในวันเดียวกัน​ ก็เสด็จฯ กลับไทย และจากหนนั้น เราก็ไม่เคยเห็นพระองค์ เสด็จฯ ออกนอกพระราชอาณาจักร อีกเลย
▪️
🔸 อดคิดไปถึง คราวเสด็จฯ ขึ้นเป็นในหลวงรัชกาล ที่ 9 และกำลังเสด็จฯ กลับสวิสฯ ที่มีเสียงร้องดังขึ้นมา​ ท่ามกลางฝูงชน ระหว่างทางสู่สนามบิน ว่า "ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน" และคำๆนี้เอง ที่ดังก้องอยู่ในพระหฤทัย ไม่เคยลืม
▪️
🔸และเมื่อทรงตัดสินพระทัย จะเสด็จฯ​ กลับ มาประทับที่เมืองไทย บนแผ่นดินของพระองค์ ท่ามกลางประชาชนของพระองค์ เป็นการถาวรแล้ว​ ก็ทรงตั้งปณิธานว่า จะไม่เสด็จฯ ออกนอกพระราชอาณาจักร นอกเสียจาก มีเหตุอันจำเป็นจริง 🔸และการเสด็จฯกลับ​ สู่สยามหนนั้น พระองค์ทรงมี "สมเด็จราชินีฯ" เสด็จฯกลับมาด้วย เพื่อมาสถิตเป็นมิ่งขวัญ เป็นพลังแผ่นดิน ให้ได้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข
🔸12​ สิงหาคม​ วันนี้ ผมหยิบสมุดภาพเล่มหวง คราวเสด็จสหรัฐฯ และคานาดา เมื่อปี 2510 ของแม่ ผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์นั้น ออกมาดูอีกหน และแม้จะเคยเห็น ภาพด้านในสมุดเล่มนี้ มาแล้วตั้งแต่เด็ก แต่ก็อดไม่ได้ ที่จะหยิบมาเปิดดู และอ่านทุกบันทัด อีกหน อย่างตั้งใจ
▪️ ในหลวง-สมเด็จฯ @ Washington DC ▪️
🔸 ผมตัดสินใจ​ ถ่ายภาพซ้ำ ด้านในของหนังสือนี้ ออกมาอย่างไม่กังวลลิขสิทธิ์ และนำมา post ลงไว้ พร้อมคัดลอกข้อความ​ ที่บรรยาย ในหนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้ ประกอบไว้ แบ่งปันกัน เผื่อจะได้ข้อคิด ได้มุมรู้ และได้ปลาบปลื้ม ภาคภูมิใจ กับการเกิดมาบนแผ่นดิน ที่มีพระราชา และพระราชินี ผู้เป็นสง่าแห่งแคว้น อันแท้จริง ...
▪️
🔺 6 มิย. พ.ศ. 2510 สนามบินดอนเมือง เสด็จฯ สหรัฐฯ และคานาดา อย่างเป็นทางการ ด้วยเครื่องบินพิเศษ Boeing 707 สู่มลรัฐ Hawaii สหรัฐอเมริกา
▪️
🔺 หลังพิธีแถวทหารต้อนรับ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เขตแปซิฟิก Admiral U.S.G Sharp รับเสด็จฯ มีการถวายพวงมาลัย แบบพื้นเมือง และเต้น Hula Hula ต้อนรับ ที่สนามบิน
▪️
🔺 มีพระราชดำรัสฯ ที่ Hawaii University ตอนหนึ่งว่า "ความคิดดั้งเดิมของบรรพบุรุษไทย เมื่อหลายศตวรรษที่แล้วนั้น นิยมสร้างศาลา ตามที่สาธารณะต่างๆ เช่นวัด และที่ริมทางเดินในป่า▪️ ซึ่งเป็นความคิด​ ที่มีเมตตา ความรัก และความห่วงใยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ที่ต้องสัญจรไปมา ตามที่ไกลๆ จะได้ใช้ที่นั้นพัก หลบแดดหลบฝน ตามศาลาจะมีโอ่งน้ำ และอาหารแห้งต่างๆ เช่นข้าวสาร สำหรับผู้ที่ขาดแคลนเหลือด้วย"
▪️
🔺 พระราชดำรัสว่า "คนไทยทุกคน ที่อยู่ในต่างประเทศ นับว่าเป็นผู้แทนของคนไทยทั้งชาติ จึงมีข้อควรระลึก ควรระวังอยู่หลายแง่"... การที่คนไทยไม่ว่าอยู่ใกล้ไกล จากที่ประทับเท่าไร ต่างพยายามขวนขวาย มาเข้าเฝ้าจนแน่นขนัด ทำให้ช่าวต่างชาติ ที่ได้เห็น ได้ทึ่ง ในความสามัคคี ปรองดอง ของคนไทย
▪️
🔺 ทั้ง 2 พระองค์เสด็จฯ จาก Hawaii สู่ New York เสด็จฯ ลงจากเครื่องบิน และต่อด้วย เฮลิคอปเตอร์ ของ New York Airway's
▪️
🔺 John D Rockefeller และภริยาเข้าเฝ้า @ New York
▪️
🔺 ท่านทูต พณฯ สุกิจ นิมานเหมินทร์​ เอกอัคราชทูตไทย นำคนไทยเข้าเฝ้า ที่ห้องรับรอง ของโรงแรมที่ประทับ ซึ่งไม่ใช่เพียงคนไทยใน New York เท่านั้น ที่มาเข้าเฝ้า รับเสด็จฯ คนไทยจากรัฐใกล้ไกล อีกมายมาย ก็มาด้วยเช่นกัน
▪️
🔺 ในหลวง - สมเด็จพระราชินีฯ มีพระบรมราโชวาท
▪️
🔺เสด็จพิพิธภัณฑ์ Metro Politan Museum of Art ซึ่งนาย James A Linnin 3rd. ผู้อำนวยการ พิพิธภัณฑ์ จัดถวายพระกระยาหารค่ำ
▪️
🔺 ในหลวงพระราชทาน พระแสงดาบไทยโบราณ ฝักทองคำอย่างดี ช่างสมัยรัชกาลที่ 3 แก่ ผอ.พิพิธภัณฑ์ และมีพระราชดำรัส ใจความหนึ่ง "ผู้มีหน้าที่สื่อข่าวก็ดี หรือมีหน้าที่ประสาน ความเข้าใจ ระหว่างคนหลายชาติ หลายชั้นก็ดี ควรสำนึกอยู่เสมอว่า งานของเขามีความสำคัญ และมีเกียรติสูง เพราะหมายถึง ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ในการร่วมกันสร้างสันติสุข ให้แก่โลก"
"การแพร่ข่าว โดยการขาดความระมัดระวัง หรือแม้แต่คำพูดพล่อยๆ เพียงนิดเดียว ก็สามารถทำลายงาน ที่ผู้มีความปารถนาดีทั้งหลาย พยายามสร้างขึ้น ด้วยความยากลำบาก เป็นเวลาแรมปี
"หากจะแก้ตัวด้วยการพูดพล่อยๆ เพียง 2-3 คำนี้ เป็นเรื่องเล็ก ไม่น่าจะถือ มาเก็บเป็นเรื่องใหญ่โตเลยก็ไม่ถูก เหมือนฟองอากาศนิดเดียว ถ้าเข้าไปอยู่ในเส้นเลือด ก็สามารถจะปลิด ชีวิตคนได้ทั้งคน และถ้าน้ำตาลหวาน เพียงก้อนเดียว ถ้านำไปใส่ลงในน้ำมันรถ ก็จะทำให้เครื่องจักรดีๆ ของรถเสียได้ โดยสิ้นเชิง"
▪️
🔺 10 มิย. พ.ศ. 2510 เสด็จฯ โดยเครื่องบินเล็ก สู่ Massachusetts
▪️
🔺 ก่อนแจกปริญญากิตติมศักดิ์ ทางมหาวิทยาลัย ได้เลือกผู้ได้รับปริญญา กิตติมศักดิ์ 2 ท่าน เป็นผู้แทน ในการกล่าวแทนผู้รับปริญญา กิตติมศักดิ์ทั้งหมด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นองค์สุดท้าย ที่ได้ขึ้นกล่าว ซึ่งเป็นการถวายพระเกียรติ และหลังคำกล่าว ได้มีการลุกขึ้นยืน และตบมือ อย่างยาวนาน
🔺 ... "โลกเราปัจจุบัน เต็มไปด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ฉะนั้น ก่อนที่คนเรา จะปักใจเชื่ออะไรลงไป ควรพิจารณาดูเหตุผล ให้ถ่องแท้เสียก่อน แม้แต่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงแนะนำ ให้มนุษย์ใช้สติ และปัญญา ศึกษาค้นคว้า และไตร่ตรองให้ทราบแน่ว่า คำสั่งสอนนั้นเป็นจริง ที่เชื่อได้หรือไม่ ไม่ใช่สักแต่จะเชื่อ เพราะมีผู้บัญญัติไว้"
▪️
🔺 นักเรียนทุนอนันทมหิดล เข้าเฝ้า ณ ที่ประทับ Mount Hope Farm
▪️
🔺 ทรงฉายร่วมกับ นักเรียนไทยที่เข้าเฝ้าฯในสวน : วันที่ทรงรับปริญญากิตติมศักดิ์
▪️
🔺 เสด็จฯจาก New York สู่ Los Angeles เพื่อร่วมงาน WAIF Ball องค์การช่วยเหลือเด็กกำพร้าโลก ที่สนามบิน LA. นายกเทศมนตรีเมือง และกรรมการ WAIF และ Mr. Kerns อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพานิชฯ สหรัฐฯ รอรับเสด็จฯ
▪️
▪️
🔺 ทรงมีพระราชดำรัส ตอบนายกเทศมนตรี เมือง
▪️
🔺 ทรงมีพระราชดำรัส แก่นักเรียนไทยว่า ..."การที่ได้มีโอกาส มาศึกษาในต่างประเทศ นับว่าโชคดียิ่ง เมื่อศึกษาสำเร็จแล้ว ขอให้นึกถึงประเทศชาติบ้าง ประเทศไทย กำลังต้องการ ความช่วยเหลือ จากคนไทยทุกคน ขอให้กลับไปทำงาน ให้แก่ชาติบ้านเมือง"
🔺 มีนักเรียนหญิงไทยทุนส่วนตัว กราบบังคมทูลว่า เดิมตั้งใจจะทำงานอยู่ในต่างประเทศ แต่เมื่อได้ฟังพระราชดำรัส แล้วก็เปลี่ยนใจ รู้สึกตัวว่าควรกลับไปทำงาน รับใช้ประเทศชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบดังนั้น ก็ทรงปลื้มปิติมาก ที่พระราชดำรัสนั้น ได้ผลสมพระราชหฤทัย
▪️
🔺 เสด็จฯ ทอดพระเนตร ดาวเทียม Mariner Satellite
▪️
🔺 ทั้ง 2 พระองค์ เสด็จฯเสวยพระกระยาหารค่ำ ที่นายกเทศมฯตรีเมืองจัดถวาย จากนั้นเสด็จฯ ในงานรื่นเริง ที่สมาคมคนไทยใน LA. จัดถวาย ที่โรงแรม Statler โดยรายได้ของงานนี้ สมาคมฯน้อมเกล้าฯ ถวายเข้ามูลนิธิอนันทมหิดล
▪️
🔺 ทำเนียบขาว White House ประธานาธิบดี Lindon Johnson และภริยา เลี้ยงถวายพระกระยาหารค่ำ
▪️
▪️
▪️
🔺เสด็จฯ วางมาลา ณ สุสานประธานาธิบดี JFK Arlington National Cemetery
▪️ทำเนียบขาว White House ▪️
▪️
▪️
🔺 ในหลวงฯ กับประธานาธิบดี L. D. Johnson และคณะ (ไม่แน่ใจ ด้านขวาของพระองค์ คือคุณถนัด คอมันต์ หรือไม่ : ผู้เขียน)
▪️
▪️
🔺 Ottawa, Canada รับการถวายความเคารพ ปืนใหญ่ยิงสลุตถวาย บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
▪️
▪️
🔺 Ottawa, Canada🔻
▪️
🔺ทรงมีพระราชปฎิสันถาร กับคนไทยใน Ottawa ที่มารอรับเสด็จฯ
▪️
🔺 ในคืนเสวยพระกระยาหาร และที่โต๊ะเสวย ภริยาเอกอัคราชทูตเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทูตในคานาดา กราบบังคมทูลถาม สมเด็จฯ ว่า เราสนใจเมืองไทย แต่ไม่รู้จักประเทศ แถบเมืองไทยเลย และสงสัยว่า ทำไมประเทศไทย ถึงรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ จนมีเอกราชมากว่า 700 ปี
และเท่าที่สังเกตดู คนไทยที่ตามเสด็จฯ ก็ไม่ได้มีหน้าตาที่น่ากลัว ดุดันเป็นนักรบเลย ผู้สำเร็จราชการฯ ช่วยตอบแทนว่า การที่คนไทยดูอ่อนโยน ไม่ได้หมายความว่า เป็นคนปวกเปียก แต่อาจจะอดทน เข้มแข็งที่สุดก็ได้
▪️ และเมื่อถูกถามว่า ทำไมถึงรักษาเอกราชของชาติเอาไว้ได้ พระราชินีทรงตอบว่า เหตุที่คนไทย รักษาชาติเอาไว้ได้ ท่ามกลางมหาอำนาจ ที่แสวงหาเมืองขึ้น โดยที่ยังไม่มีสหประชาชาติ คอยช่วยเหลือ ประเทศเล็กๆนั้น อาจะเป็นเพราะ ความสามัคคี หรืออาจจะเพราะโชคด้วย อีกประการ
▪️ ท่านทูตคานาดา ทรงตอบมาว่า "การมีโชคอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้ ไทย รอดพ้นจากการแสงวงหา เมืองขึ้นได้ แต่คงเป็นเพราะ ปัญญาสมอง อันเฉียบแหลม​ ของผู้นำประเทศ รวมถึงนโยบายต่างประเทศ อันยอดเยี่ยม"
▪️ สมเด็จฯ จึงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งไปว่า คนไทยทุกวันนี้ ก็ยังระลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ อยู่เสมอ ที่ทรงช่วยให้เราคนไทย เป็นไทยได้ทั้งกายใจ จนทุกวันนี้ ... ภริยาเอกอัคราชทูตฯ กราบบังคมทูลมาว่า ถ้าเช่นนั้นต่อไป ก็เป็นหน้าที่​ ของคนไทยในปัจจุบัน ที่จะรักษาเอกราชต่อไป ไม่ให้เสียประวัติอันดีงามเสียแล้ว
▪️
🔺 นักเรียนไทยเข้าเฝ้าฯ ในสวนที่สถานทูตไทยกรุง Ottawa เอกอัคราชทูตไทยขณะนั้น ท่านทูตอนันต์ ปันยารชุน รับเสด็จฯ ▪️
🔺 สุภาพสตรีไทย รอรับเสด็จฯ ณ ศาลาไทย ในงาน World Expo 67 น.ส.อาภัสรา หงษ์สกุล ร่วมรับเสด็จฯ
▪️
▪️
🔺 คุณอาภัสรา หงษ์สกุล เดินแสดงแบบ เสื้อคลุมขนมิ๊งค์ ถวายหน้าพระที่นั่ง - คุณอาภัสสรา หงษ์สกุล น่าจะมีอายุราว 20 ปี และเพิ่งได้นางงามจักรวาล มา 3 ปี จากการประกวดที่ Miami Florida, งาน Expo ที่ Ottawa Canada เป็นอีกหน ที่ศาลาไทย ไปสร้างชื่อเสียงไว้ เป็นอย่างมาก
▪️
🔺 เสด็จฯ ศาลาเทศบาลเมือง Ottawa นายกเทศมนตรีเมือง นาย Drapeau และภริยา รับเสด็จฯ - ทรงลงพระปรมาภิไธยในสมุดเยี่ยม
▪️
▪️
🔺 เส้นทางกลับสู่ประเทศไทย ทรงแวะเยี่ยม สมเด็จพระบรมฯ ที่ London ทรงประทับที่ Bristal โดยสมเด็จพระบรมฯ เสด็จฯมาประทับด้วย 1 คืน
▪️
🔺 คนไทยมาส่งเสด็จฯ ที่สนามบิน London Heathrow เป็นจำนวนมาก เพื่อ เสด็จฯ นิวัติ กรุงเทพฯ
▪️
🔺 สมเด็จฯ พระพี่นาง เจ้าฟ้ากัลยาฯ เสด็จฯ มาส่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผู้เป็นพระอนุชา
▪️
🔺 "ความรักของพี่น้อง" ... สมเด็จพระพี่นาง ทรงร่ำลา พระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัวฯ @ สนามบิน Heathrow London
▪️
🔺 ภาพประวัติศาสตร์นี้ คือกลุ่มคนไทย ที่ได้เข้าเฝ้าฯ ทั้งสองพระองค์ที่ บ้านท่านทูตสุกิต นิมานเหมินทร์ ใน Washington DC อย่างใกล้ชิด ... หลังจากในหลวง ทรงมีพระราชดำรัสแล้ว ประชาชนขอให้สมเด็จพระราชินี ทรงมีพระราชดำรัสบ้าง สมเด็จฯ มีดำรัส ใจความว่า ...
"เดินทางมาไม่เหนื่อยเลย เพราะในหลวงเป็นหัวหน้าคณะ และทรงเป็นธุระเกือบทั้งหมด แต่ก็มีบ้าง เวลาที่ต้อง มีกล่าวสุนทรพจน์สดๆ แต่การเห็นคนไทยมากมาย ในต่างแดนที่สามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และมารับเสด็จฯ มากมายหลายที่ ความเหนื่อยนั้นก็หายไป"
▪️
🔺 ภาพนี้​ มีรายละเอียดเบื้องหลัง​ อยู่มาก ผมเคยให้แม่ (ที่อยู่ในภาพนี้ด้วย - ชุดไหมสีเหลือง ยืนด้านหลัง สมเด็จฯ) เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลัง ของเหตุการณ์วันนั้น และจดจำมาทุกวันนี้ ไม่เคยลืม. (ภาพถ่ายจริง ระบุ วดป)
▪️
▪️
📸 ถ่ายซ้ำจากหนังสือ เล่มสะสมของแม่​ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ "สมุดภาพครั้งเสด็จสหรัฐฯ และคานาดา ปี พ.ศ.2510 และแหล่งอื่นตาม ที่ระบุ
⭕ ทำเนียบขาวถึงสนามหลวง
⭕ ศาลาไทย
⭕ ในหลวงไทย บนรถไฟต่างแดน (อังกฤษ)
⭕ 5-6-7-8-9 & 10 (เสด็จฯ อังกฤษ)
🌸 เขียนทุกเรื่องด้วยความสนุก เพื่อความสุขของผู้เขียน ไว้สะสมเรื่องเขียน ตรงนี้ 🌸
▪️ มีโอกาส จะนำภาพ และเรื่องราวการเสด็จฯ ในเส้นทางอื่น ทั้งเอเชีย และโอเชเนีย มารวบรวมไว้ อีกตอน ▪️ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2563 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ▪️
▪️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา