Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Love Buddha
•
ติดตาม
16 พ.ย. 2021 เวลา 06:15 • ประวัติศาสตร์
มรรควิธีสู่สุขาวดี
“ประวัตินิกายสุขาวดี” (๑)
เรียบเรียงโดย คลังพุทธศาสนา
นิกายสุขาวดี หมายถึง นิกายที่เน้นการปฏิบัติเพื่อไปเกิดในสุขาวดีพุทธเกษตรแดนตะวันตก นอกจากนี้ยังเรียกว่านิกายพุทธานุสสติ เพราะเน้นปฏิบัติพุทธานุสสติ
ผู้เริ่มการปฏิบัติแบบสุขาวดีคนแรก ๆ ในแผ่นดินจีนคือพระเถระฮุ่ยหย่วน ท่านเป็นคนสมัยราชวงศ์ตงจิ้น
-----
เรื่อง “พระเถระฮุ่ยหย่วน”
พระเถระฮุ่ยหย่วน ท่านมีช่วงชีวิตระหว่างปี ค.ศ. ๓๓๔ - ๔๑๖ ในวัยเยาว์ท่านสนใจคำสอนของขงจื๊อและลัทธิเต๋า ต่อมาได้ฟังธรรมบรรยายของพระเถระต้าวอัน ผู้วางรากฐานสำคัญให้กับพุทธศาสนาในจีนยุคต้น จึงบังเกิดความเลื่อมใสออกบวชติดตามท่านเป็นศิษย์เพื่อศึกษาพุทธศาสนา เบื้องแรกนั้นท่านสอนมหาปรินิรวาณสูตรตามอาจารย์ ต่อมาในภายหลังจึงสนใจการปฏิบัติแบบสุขาวดี
ต่อมาพระเถระเดินทางลงใต้ไปยังภูเขาหลูซาน ในมณฑลเจียงซี เบื้องแรกพำนักที่จิงเส่อ ตำนานเล่าว่า เมื่อท่านมาถึงถิ่นที่จะตั้งวัดปรากฏว่าแหล่งน้ำยิ่งนัก ท่านจึงใช้ไม้เท้าขักขระปักลงบนพื้นแล้วกล่าวว่าหากจะลงหลักปักฐาน ณ ภูเขาแห่งนี้ได้ ขอให้ดินที่แห้งผากนี้จงบังเกิดน้ำพุไหลเย็นออกมาเถิด ในทันใดนั้นก็เกิดน้ำไหลออกมา แม้ในภายหลังจะเกิดภัยแล้งอีกพระเถระก็จะไปสวนนาคราชสูตรที่สระน้ำจนบังเกิดฝนห่าใหญ่ตกลงมา วัดแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดหลงเฉวียน” (วัดน้ำพุนาคราช)
เนื่องจากสถานที่คับแคบท่านจึงเดินทางขยับขยายไปพำนักอยู่ในป่าตงหลิน (ป่าตะวันออก) เป็นภูเขาหลูซาน ในปีที่ ๑๕ ของรัชสมัยไท่หยวนแห่งราชวงศ์จินตะวันออก (ค.ศ. ๓๙๐) โดยมีเจ้าป่าเจ้าเขามาเข้าฝันบอกกล่าวให้ท่านสำนักอยู่ที่นี่และยังมีตำนานเล่าว่าเจ้าป่าเจ้าเขาช่วยขนท่อนซุงมามากมาย เพื่อใช้สร้างอาราม กลายเป็นที่มาของวัดตงหลิน หลังจากสร้างวัดตรงนี้แล้วท่านก็คร่ำเคร่งปฏิบัติตามแนวทางสุขาวดี แปลตำรับตำรา ไม่ย่างกรายออกจากวัดนานหลาย ๑๐ ปี ทำให้วัดตรงนี้กลายเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาในภาคใต้ของประเทศจีน
พระเถระฮุ่ยหย่วนได้ตั้งสมาคมผู้ปฏิบัติสุขาวดีขึ้นมา เรียกว่า “สมาคมดอกบัว” หรือ “สมาคมบัวขาว” มีทั้งภิกษุคฤหัสถ์หลากหลายสาขาอาชีพแม้แต่บัณฑิตที่มีชื่อเสียงรวม ๑๒๓ คน มาร่วมกันสวด “นะโมอมิตาภพุทธ” ที่เบื้องหน้าพระพุทธรูป ตั้งปณิธานที่จะศึกษาการทำพุทธานุสสติสมาธิแล้วไปเกิดในสุขาวดีพุทธเกษตรร่วมกัน และได้ขอให้หลิวอี๋หมิน บัณฑิตผู้มีชื่อเสียงได้จารึกปณิธานของพวกเขาเอาไว้ในศเลาจารึก นี่คือจุดเริ่มต้นของสมาคมบัวขาวที่จะเป็นต้นแบบของสมาคมสวดภาวนาพุทธานุสสติที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้
จะขอกล่าวถึงหลิวอิ๋หมินหรือหลิวเฉิงจือผู้นี้สักเล็กน้อย ด้วยป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ๑๘ ผู้ทรงคุณธรรมสูงส่งแห่งตงหลิน เดิมรับราชการ แต่สนใจปรัชญาเต๋าของเหลาจื่อและจวงจื่อจึงไม่อนาทรต่อโลกเท่าไรนัก แม้จะมีผู้เสนอตำแหน่งดีๆให้เขาก็ไม่รับ ต่อมาไปกราบพระเถระฮุ่ยหย่วน ที่วัดตงหลิน เพื่อขอเรียนการปฎิบัติธรรม พระเถระจึงถามว่า “รับราชการเป็นใหญ่เป็นโต ทำไมจึงไม่เป็นเล่า?”
หลิวเฉิงจือกล่าวตอบว่า
“ราชวงศ์จิ้นรากฐานไม่มั่นคงสรรพสัตว์นานาตกอยู่ในภยันตรายอันหมิ่นเหม่แล้วไยกระผมต้องรับราชการด้วยเล่าขอรับ?
นับแต่นั้นหลิวเฉิงจือจึงปฏิบัติธรรมที่วัดตงหลินแล้วยังมีบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงมากมายขึ้นเขามาปฏิบัติธรรมด้วย ความทรนงในธรรมะของหลิวเฉิงจือเลื่องลือไปถึงพระเนตรพระกรรณของพระเจ้าหลิวอวี้แห่งราชวงศ์ซ่งยุคหนานเฉาทรงเรียกเขาว่าเป็น "อี๋หมิน" หรือผู้ปลีกวิเวกผู้ไม่ไยดีในลาภยศสรรเสริญ แต่นั้นมาหลิวเฉิงจือจึงมีนามว่าหลิวอี๋หมิน
บุคคลที่เป็นฆราวาสแล้วละทางโลกร่วมวางรากฐานการปฏิบัติแนวทางสุขาวดีแห่งสำนักตงหลินยังมีมากมาย ล้วนแต่มีความสมถะและพากเพียรยิ่งสมควรที่ฆราวาสทั้งหลายจะปฏิบัติตามเป็นแบบอย่าง
กล่าวถึงพระเถระฮุ่ยหย่วน ตั้งแต่ท่านปรมาจารย์มาพำนักที่หลูซานในปี ค.ศ. ๓๘๑ ท่านก็อยู่นานกว่า ๓๐ ปีโดยไม่ยอมออกไปจากภูเขาเข้าไปคลุกคลีกับทางโลก ท่านมักจะเดินต้อนรับแขกและสหายทางธรรมไม่เกินลำธารพยัคฆ์ (หู่ซี) แม้ว่าองค์จักรพรรดิ์จิ้นอันตี้จะนิมนต์ไปพบ
ท่านก็จะขอตัวโดยกล่าวว่าล้มป่วยไม่อาจเดินทางออกจากวัดตงหลินได้ เล่ากันว่าหากท่านเดินล้ำลำธารพยัคฆ์พยัคฆ์ในป่าก็จะร้องครามออกมา
มีครั้งหนึ่งพระเถระฮุยหย่วนพร้อมด้วยเถาหยวนหมิง กวีเอกสมัยราชวงศ์จิ้น นักพรตเต๋าหลิวซีจิ้งพากันลงเขามาแต่เดินผ่านธารพยัคฆ์มาโดยไม่รู้ตัว ก็บังเกิดเสียงพยัคฆ์ร้องคำรามขึ้น พระเถระจึงรู้ตัว บุคคลทั้งสามมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ฉากการพบกันของปราชญ์พุทธ เต๋า ขงจื้อตอนนี้กลายเป็นเรื่องราวในภาพเขียนจีนมากมาย
ท่านยึดมั่นสุขาวดีพุทธเกษตร ท่านทำงานหนักเขียนหนังสือ เทศนาธรรม อุทิศร่างกายและจิตใจทั้งหมดให้กับพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังถือพระวินัยเคร่งครัดยิ่งนัก คราวที่ท่านอาพาธหนักศิษย์ปรุงยาถวาย แต่เครื่องยาผสมสุราที่หมักจากซีอิ้ว ท่านก็ไม่รับด้วยเห็นว่าเป็นสุราเมรัย ศิษย์ปรุงน้ำข้าวกับน้ำผึ้งให้ฉันท่านก็ไม่รับในทันทีด้วยเกรงว่าจะเป็นการละเมิดพระวินัย ยังให้ศิษย์รู้สึกกังวลในสุขภาพของท่านยิ่งนัก ท่านให้ศิษย์ไปตรวจทานพระวินัยก่อนว่าฉันได้หรือไม่ แต่ระหว่างไปตรวจอยู่นั้นท่านก็สิ้นใจเสียก่อนรวมอายุได้ 83 ปี สร้างคุณแก่พุทธศาสนาไว้เหลือคณานับ
พระเถระฮุ่ยหย่วนมรณภาพในปี ค.ศ. ๔๑๖ ในรัชสมัยของพระเจ้าจิ้นอันตี้ ถือกันว่าท่านเป็นปฐมบูรพาจารย์ของนิกายสุขาวดี
เรียบเรียงโดย พระวิศวภัทร
ภาพ
Aputi.com
พุทธศาสนา
จีน
ประวัติศาสตร์
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
มรรควิธีสู่สุขาวดี
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย