🔥 แค่รู้จักก็เสียเวลาชีวิตแล้ว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้คนคือสิ่งที่คุณหลีกหนีไม่พ้น คุณไม่สามารถผลิตข้าวของเครื่องใช้ขึ้นมาได้เอง ถึงเบื่อเพื่อนร่วมงาน เบื่อสังคมอยากจะหมกตัวอยู่แต่บ้าน ยังไงก็ต้องไปซื้อของที่ร้านค้า หรือตลาดอยู่ดี ยังไงก็ต้องเจอคนอื่นๆ อยู่ดีนั่นละ
ทางที่ดี ทำใจยอมรับเถอะ ว่าคุณต้องเจอผู้คนมากมายในชีวิตจนกว่าจะลาโลกนี้ไป ถ้าความน่ากลัวของเรื่องราวที่คุณได้ยิน เรื่องเศร้าของคนลวงโลกทั้งหลายที่คุณได้อ่านมันชวนสยอง
งั้นก็คงต้องมาติดอาวุธสมองให้ตัวเองกันดีกว่า น่าจะเป็นทางออกที่ง่ายกว่าการจะคาดหวังว่าคุณจะเจอคนดีๆ ได้ทุกคน
การสังเกตุคนอื่นว่า แต่ละคนน่าคบหา หรือควรจะคุยด้วยได้ในระดับไหน ควรใกล้ชิดสนิทสนมมากน้อยเท่าไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ท้าทายเราไม่ใช่น้อย
เพราะยิ่งโตขึ้นคนที่คุณพบก็มีความจัดจ้านในการใช้ชีวิตมามากแล้ว ไว้ใจได้ยากขึ้น แต่อีกนัยหนึ่งถ้าเราไม่เปิดใจไว้ใจใครเลย ชีวิตก็คงต้องคุยอยู่กับตัวเอง อนาคตอาจมีเฉาตายก็เป็นได้
งั้นมาลองดูกันดีกว่า คนแบบไหนที่เอาไว้เป็นตัวเลือกท้ายๆ ในการคุยใกล้ชิดสนิทใจได้ คนประเภทที่แค่รู้จักก็เสียเวลา เปลืองพื้นที่ว่างในสมองให้จดจำชื่อเขาเหล่านี้ รู้จักได้แต่ให้ระวังเอาไว้ด้วย ถ้าอยากรู้ มาคะ จะเล่าให้ฟัง
1. คนที่ไม่ให้เกียรติคนอื่น
เราทุกคนอยากได้รับการพูดคุยและปฏิบัติที่ดีด้วยกันทั้งนั้น อยากให้คนที่คุยด้วยใส่ใจเวลาที่สื่อสารพูดคุยกัน ดังนั้นคนที่ให้เกียรติคนอื่นน่าคบหาเสมอ
ไม่ว่าคนๆ นั้นจะอายุมากกว่า น้อยกว่า หน้าที่การงานดีกว่าหรือด้อยกว่า สิทธิความเป็นคนของทุกคนย่อมเท่าเทียมกันอย่างไม่ต้องสงสัย อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คุณอาจสังเกตุว่าคนไหนดี มีมารยาททางสังคมได้ง่ายๆ ด้วยการสังเกตุคำพูดหรือการกระทำที่เขาแสดงออกมา
คนที่มีทัศนคติแย่ๆ จะมีถ้อยคำที่ดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่าจนเป็นนิสัย สังเกตุได้ไม่ยากเพราะคำพูดที่ดูถูกคนอื่นมันสะท้อนตัวตนเขาอยู่แล้ว
2. คนที่ชอบบ่นกับทุกเรื่อง
เราชอบคนที่น่าอยู่ด้วย ไม่พูดจาน่ารำคาญ พร่ำบ่นสาระพัดเรื่องให้ฟัง บ่นมันทุกเรื่องตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านมา
คนแบบนี้ทำให้คุณเสียพลังชีวิตมากๆ เพราะคุณต้องมานั่งฟังเรื่องเหลวไหลเสียเวลาฟัง เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทุกอย่างในโลกนี้มันไม่มีอะไรถูกใจเราไปเสียหมดทุกอย่างหรอก ที่สำคัญเปลี่ยนคนอื่นน่ะมันยาก ต้องเปลี่ยนที่ใจเรานี่มันง่ายกว่า!
อย่ามองทุกอย่างคือ สิ่งที่มาคอยซ้ำเติมชีวิต แต่จงปรับความคิดให้มันไปในทางกุศลมากกว่าอกุศล มองให้มันเป็นเรื่องบวกเสียบ้าง เลือกมองความผิดหวังให้มันเป็นแค่บทเรียน มันเกิดขึ้นเพื่อมาสอนเราให้โตขึ้น ดีกว่าหมกมุ่นเอาแต่เสียใจไปให้เปล่าประโยชน์
3. คนที่ชอบตัดสินคนอื่นด้วยอคติ
บางครั้งการตัดสินคนอื่นเพียงผิวเผินอาจทำให้คุณพลาดอะไรดีๆ ไปได้อย่างไม่รู้ตัว ช่องทางทำกินที่คุณอาจไม่เคยคาดคิด
เช่น เทคนิคทำเงินดีๆ ที่คุณอาจได้จากเด็กใส่แว่นตาหนาเตอะที่บังเอิญได้เจอที่ร้านกาแฟ เขาที่อาจดูเป็นเด็กคงแก่เรียนที่คุณอาจคิดว่าเขาคงไม่เก่งเรื่องหาเงิน แต่มันกลับตรงกันข้าม
และอะไรต่อมิอะไรมากมายที่คุณคิดไปเอง โดยตัดสินคนจากเพียงภายนอก อย่าเป็นคนแบบนี้และควรออกห่างจากคนที่มีความคิดแบบนี้ด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ดีกว่า คือ การพยายามมองคนให้ลึกซึ้งขึ้น คนดีอาจจะทำสิ่งดีๆ อย่างเงียบๆ ด้วยใจจริง โดยไม่ได้ป่าวประกาศให้โลกได้รับรู้
หรือคนบางคนที่เป็นคนดีมีน้ำใจ เขาแค่อาจเปิดประตูค้างรอคุณ ใช่มันอาจเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ก็ไม่มีคนทำถูกไหมละ ลองมองผู้คนด้วยใจอย่ามองเพียงแค่ตา แล้วคุณจะรู้ว่าใครคนไหนเป็นคนยังไง
4. คนที่ทำดีหวังผล
พวกเราคงเคยชินคำที่ว่า ให้ไปเถอะ ให้แล้วสบายใจดี หรือว่า ทำบุญไปเถอะ จะได้ไปเกิดเป็นเทวดา อันนี้ขอบอกก่อนว่า อย่าไปยึดติดกับเรื่องอะไรแบบนี้เลย สิ่งที่ดีที่สุดคือการไม่หวังผล ทำแล้ว ให้แล้วก็จบ ฝึกการเสียสละ ไม่ต้องไปนึกถึงมันว่าจะได้อะไรจากสิ่งเหล่านี้ ทำแล้วก็แล้วกันไปเป็นดีที่สุด
เพราะเมื่อไหร่ที่คุณคาดหวังสิ่งตอบแทนกลับมา คุณกำลังฝึกตัวเองให้เป็นคนที่ทำอะไรแล้วหวังผลตอบแทน คุณจะไม่ต่างกับคนพวกที่ทำอะไรไป แล้วก็เอามาทวงบุญคุณ แค่คุณไม่ได้เอ่ยออกมา แค่คุณคิดว่าคุณต้องได้สิ่งใดคืนมามันก็คล้ายกันแล้วนั่น ทำดีไม่ต้องหวังผล สร้างเหตุดีผลย่อมดีตามมาเป็นธรรมดา
5. คนที่มองทุกปัญหาคือ ปัญหา
บางคนเกิดมาเพื่อมาสร้างบรรยากาศเศร้าหมองให้คนรอบข้าง จิตตกตลอดเวลา คุยด้วยก็จะเครียดตาม ปัญหาอะไรนักก็ไม่รู้มากมาย คิดวนไปวนมาจนน่ารำคาญ เพื่อนฝูงก็เบื่อหน่าย
ใครบ้างชอบอยู่กับคนอมทุกข์ อมตั้งแต่เช้ายันเข้านอน วันๆ ก็พูดถึงแต่ปัญหา เรื่องปัญหานี่น่ะ มันก็มีกันทั้งนั้นนั่นละ จะเล็กจะใหญ่ก็มีต่างกันไป
ทางออกที่ดีที่สุดที่ช่วยให้มีแรงผลักดันให้สู้ต่อคือ มองปัญหาคือสิ่งท้าทายใหม่ๆ สิ่งที่ต้องสนุกไปกับมัน อันนี้น่าจะเหมาะกว่า
และนี่ละ คนไม่กี่แบบที่คุณจะต้องออกห่าง หรือควรรู้ทันพวกเขาหากจำเป็นต้องติดต่อด้วย อย่าไปหลงคารม ไปใส่ใจหรือไปอินกับเขาให้มากเข้าละ รู้จักได้ พูดคุยได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างให้ดี
อย่าเอากระแสพลังงานลบๆ จากคนกลุ่มนี้มาใส่ตัวเองโดยเด็ดขาด เพราะกว่าเราจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนคิดบวกได้ก็แทบแย่ อย่าเสพคบ อย่าใกล้ชิดเป็นพอ แล้วคุณจะปลอดภัย
🦙 ชอบก็กดไลค์ ใช่ก็กดแชร์
ถ้าจะให้รู้ว่าแคร์ ก็คอมเม้นท์มานะคะ
• ติดตามและรับฟังผ่านแอป blockdit
• ติดตามและรับฟังผ่านช่องยูทูป
- 35
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
