7 ก.พ. 2022 เวลา 09:14 • ธุรกิจ
Part time job(3)
หลังจากผมทำงานพาร์ททาร์มระหว่างเรียนมหาลัยมาได้เป็นเวลาเกือบๆเดือน มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ผมนึกถึงเนื้อหาในหนังสือที่มีชื่อว่า How to win friends & influence people เขียนโดยอาจารย์ Dale Carnegie
หนังสือ how to win friend & influence people
ในบทความนี้ ผมอยากสรุปเนื้อหาจากในหนังสือ ที่อ้างอิงจากประสบการณ์การทำงานของตัวกระผมเอง ในการเป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านอาหารเกาหลีร้านหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องพบปะกับผู้คนอยู่ตลอดเวลา โดยผมจะสรุปออกมาเป็น 5 หัวข้อในการสร้างความประทับใจแรกพบเจอ ถ้าพร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลย
Reference from How to win friends & influence people by Dale Carnegie
สรุปย่อจากในหนังสือ
1. ยิ้ม
ถ้าให้พูดถึงวิธีที่ง่ายที่สุด ในการทำให้อีกฝ่ายประทับใจเรา สิ่งๆนั้นก็คงหนี้ไม่พ้นการยิ้มเป็นแน่ ตอนทำงานอยู่ในร้านอาหาร ผมต้องเจอกับบุคคลหลายๆอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเชฟ แคชเชียร์ นักศึกษา หมอ พยาบาลหรือแม้กระทั่ง ทนาย มันคงยากเหลือเกินในการเป็นพนักงานที่ดี ถ้าคุณไม่ยิ้มให้กับลูกค้าเลย ผู้จัดการร้านเคยดุผมและเพื่อนๆที่ทำงานด้วยกันว่า “เวลาเราจะบริการใครก็ตาม ให้คิดง่ายๆแค่ว่า ถ้าเราเป็นลูกค้า เราอยากให้พนักงานบริการเราอย่างไร อยากให้เขาทำอะไรให้เราเป็นพิเศษ ลองฝึกนึกภาพให้ออก แล้วเราจะเป็นพนักงานที่ดีเอง”
2. จำไว้ว่า ชื่อของแต่ละคน สำหรับคนๆนั้นแล้ว เป็นคำที่อ่อนหวานและสำคัญที่สุด ไม่ว่าภาษาใด
เป้าหมายของผมในสัปดาห์แรก ไม่ใช่การทำงานให้คล่องมากขึ้นแบบพนักงานที่เคยทำงานมาเป็นปีๆ หรือสามารถรับมือกับลูกค้ามากๆได้ โดยไม่เกิดความผิดพลาดใดๆเลย (สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผม แต่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด) แต่เป็นการจำชื่อพนักงานทุกคนในร้านให้ได้ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินเข้าร้านมา ผมจะสวัสดีและเรียกชื่อพี่ๆเขาทุกคน เช่น “สวัสดีครับ พี่แคท”, “พี่น้ำ สวัสดีครับผม” เป็นต้น ในความเชื่อของผมชื่อเป็นเหมือนใบเบิกทางในการจะเข้าไปทำความรู้จักกับใครสักคน
3. จงเป็นนักฟังที่ดี (และเป็นผู้ถามที่ดีด้วย)
ในหนังสือได้กล่าวถึงการเป็นผู้ฟังที่ดีโดยการเอาใจใส่คำพูดของผู้พูดเสมอ แต่ผมอยากเสริมนิดนึงจากที่ผมคุยกับพนักงานหลายๆคนมา ระดับแบะภาษาของการคุยของแต่ละคนจะต่างกัน ส่งผลให้คำถามที่ถามแตกต่างกันออกไปด้วย เช่น เวลาคุยกับพนักงานที่เรียนพยาบาล กับพรักงานที่เรียนนิติ เพียงแค่นี้ก็มองเห็นถึงความแตกต่างทางความคิดและทัศนคติต่อการดำเนินชีวิตแล้ว โดยสรุปง่ายๆคือ เป็นผู้ฟังที่ดีและหัดเลือกคำถามในแต่ละสถานการณ์ ผมแนะนำหนังสือเล่มที่มีชื่อว่า “อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เป็น” เขื่อว่าคุณจะเป็นคนที่พูดคุยกับคนได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน
4. จงเอาใจใส่อย่างแท้จริง
ถ้าให้ผมพูดง่ายๆในหัวข้อนี้ คือ การไม่เมินคนฟังนั้นเอง ครั้งหนึ่งตอนกำลังวุ่นวายกับการรับออร์เดอร์จากทาง food delivery ตัวผมเองไม่สามารถไปเก็บโต๊ะได้ เพราะต้องจัดเมนูอาหารที่ออกมาจากครัว เพื่อส่งให้พี่ grab, lineman, robinhood และ food panda พี่ที่กำลังเสิร์ฟอาหารเรียกผมให้มาช่วยยกโต๊ะและเก็บโต๊ะให้ลูกค้าหน่อย ผมไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ แถมยังหงุดหงิดจากการจัดออร์เดอร์ผิดให้ลูกค้าอีก ทำให้ผมเลือกที่จะเมินพี่เขา ไม่ฟังในสิ่งที่พี่เขาขอความช่วยเหลือ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้พี่เขาไม่ค่อยอยากเข้ามาคุนกับผมอีกเลย ผมพยายามอธิบายให้พี่เขาฟังว่าตอนนั้นผมยุ่งจริงๆ ตัดออร์เดอร์ก็แทบจะไม่ทันแล้ว ถ้าช่วยพี่อีกผมคงแยกร่างได้อะไรทำนองนี้ ส่วนพี่เขาไม่ได้มองในมุมของเรา ทำให้เขาไม่อยากคุยกับผมอีก ส่วนตัวอยากมองว่าพี่เขานั้นละที่ผิด ลองมายืนที่ผมดู พี่จะเข้าใจ (คิดในใจ)
แต่มองกลับกัน พี่เขาก็เหนื่อยเช่นกัน อย่างน้อยเราน่าจะหันไปบอกพี่เขาว่า ขอจัดออร์เดอร์นี้เสร็จ เดี๋ยวไปหานะพี่ แต่กลับเลือกการเมินเฉย ไม่สนใจใยดีต่อพี่เขาเลย เรื่องราวครั้งนี้จึงเป็นประสบการณ์สอนใจผมอีกหนึ่งครั้งเลยทีเดียว
5. พูดในเรื่องที่อีกฝ่ายสนใจ (เสริมจากข้อ 3)
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินหัวข้อนี้มาก่อนอย่างแน่นอน ผมจึงอยากโฟกัสเพียงแค่เรื่องของการหาสิ่งที่คนที่เราจะสนทนาด้วยสนใจ หลักการที่ผมใช้กรวยแยกแยะความชอบ (Favorable factors funnel) อันนี้ผมคิดขึ้นมาใช้เอง โดยวิธีง่ายๆคือ การถามจากคำถามกว้างๆเจาะลึกไปเรื่อยๆโดยดูจากอารมณ์ ณ ขณะคุย สิ่งสำคัญของกรวยนี้คือ การตั้งคำถาม ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเป็นคำถามปลายเปิดเท่านั้น
คำถามปลายเปิด เป็นคำถามที่บังคับให้ผู้ตอบต้องตอบแบบเต็มประโยค จากความคิดและความรู้สึกของตัวเอง คำถามเหล่านี้มีความเป็นกลาง ไม่ได้ชี้นำคนที่ถูกถาม และนำไปสู่การตอบด้วยคำหลายคำ
ผมใช้หลักการนี้เป็นประจำเพื่อฝึกให้เกิดความเคยชิน มันอาจจะมีบ้างที่การสนทนาครั้งนั้นเป็นไปไม่สวยนัก(อาจเรียกว่า แป๊กเลยทีเดียว) แต่อย่างน้อยมันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมเก่งมากยิ่งขึ้นในการคุยกับคนแปลกหน้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา