18 มี.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
WORK FROM HOME ยังไงให้ WORK SMART!
ตั้งแต่เจ้าโควิด-19 ตัวร้ายที่เข้ามาระบาดไปทั่วโลกตั้งแต่ปี 2019 จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงปรี๊ด! ส่งผลให้การใช้ชีวิตของผู้คนต้องเปลี่ยนไป เกิดเป็น norm ใหม่ ทั้งการสวมใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างทางสังคม ไปจนถึงต้องปรับรูปแบบการทำงาน ที่เปลี่ยนผ่านจากการที่ต้องตรากตรำเข้าออฟฟิศ กลายเป็นทำงานที่บ้านชิวๆ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับรถติดและเสียเวลาเลือกเสื้อผ้าก่อนออกจากบ้านอีกต่อไป
แต่จนแล้วจนรอด หลายคนก็ยังคงมีคำถาม...ทำงานที่บ้าน จะไปมีประสิทธิภาพเท่ากับทำงานที่ออฟฟิศได้ยังไง? วันนี้เราชาว XO จึงมีไอเดียดีๆ ที่จะช่วยให้คุณได้ทั้งงาน แถมยัง WORK SMART ที่ไม่ว่าทำงานที่ไหน คุณก็สามารถมีงานดีๆส่งเจ้านายได้ทุกวัน!
  • วางแผน + ตั้งเป้าหมายการทำงานทุกเช้า
แน่นอนว่าก่อนการเริ่มงานให้ทุกๆเช้า เราต้องทำการกางแผนออกมาก่อนว่าต้องทำงานอะไรบ้าง จัดลำดับความสำคัญ สิ่งที่ต้องทำก่อนและหลัง จากนั้นค่อยตั้งเป้าหมายในแต่ละวันว่าต้องทำหรือเคลียร์งานใดใดให้เสร็จบ้าง หรือถ้าอยากให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก เราขอแนะนำให้ทุกเย็นหลังเลิกงานเตรียมวางแผนการทำงานขอเช้าวันถัดไปเลยจะดีกว่า เพราะนอกจากจะได้รีวิวการทำงานในแต่ละวันแล้ว ยังทำให้เราตื่นขึ้นมาพร้อมมีแผนที่จะได้ลงมือทำแบบไม่ต้องเสียเวลาเลย
  • 8 ชั่วโมงนี้พี่ขอ!
หลังจากวางแผนเสร็จ ก็ต้องปรับสวิตซ์ เปลี่ยนเข้าสู่โหมดจริงจังของการทำงาน โดยเราต้องพยายามกำหนดเวลาการทำงานของเราให้ใกล้เคียงกับเวลาที่เราต้องเข้าออฟฟิศ เช่น ทำงาน 09.00 – 17.00 น. เราก็ต้องพยายามลุกตื่นมาทำงานให้ได้ตามนั้น เพราะการกำหนดเวลาการทำงานอย่างชัดเจนนี้เอง จะช่วยให้เราไม่เผลอเรอพักผ่อนจนลืมส่งงาน เป็นทั้งการแสดงความรับผิดชอบต่องานที่เราทำ รวมถึงสะดวกต่อผู้ที่ต้องการติดต่องานกับเราอีกด้วย
  • แยกพื้นที่ทำงานและพื้นที่ส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน
สุดท้ายแล้วเราปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาพแวดล้อมการทำงานส่งผลโดยตรงกับประสิทธิภาพการทำงานของเรา ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราจะต้องทำงานอยู่ที่บ้าน หรือคอนโด ที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ชวนแต่อยากพักผ่อนหย่อนกาย แต่เราควรที่จะต้องแบ่งเขตพื้นที่การทำงาน จัดโต๊ะทำงานให้แยกออกจากเตียงนอน โซฟา และโต๊ะทานข้าวอย่างชัดเจน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้สมองรับรู้ว่าตอนนี้คือเวลาและพื้นที่ที่เราควรทำงานนะ นั่งโต๊ะนี้เมื่อไหร่ ก็ต้องลุกขึ้นมาทำงาน พอตกเย็นก็ค่อยคืบคลานไปหาโซฟาหรือเตียงนอน เพื่อผ่อนคลายสมองกันต่อไป
  • หยุดพักบ้าง เมื่อร่างกายต้องการพัก
ใดใดแล้วเมื่อร่างกายเริ่มมีอาการเมื่อยล้าจากการทำงานหนัก การพักคงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในการได้หยุดและปล่อยให้สมองได้ผ่อนคลายบ้าง หลายๆคนเจอปัญหาเมื่อทำงานที่บ้านแล้วไม่สามารถแบ่งแยกเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวได้
ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มรู้สึกว่าสมองตันๆ ทำต่อไม่ได้ คิดงานแล้วไม่ไหลปรื้ดเหมือนช่วงแรก ก็ควรต้องหยุดพักโดยการหาอะไรหวานๆทาน หรือออกไปเดินรับลมที่ริมระเบียงบ้าง พอรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็ค่อยกลับมาทำงานใหม่ได้ทุกเมื่อ แต่อย่าลืมกำหนดเวลาพักด้วยล่ะ ซัก 10-20 นาที ไม่งั้นอาจจะพักเพลินจนลืมทำงานนะจ๊ะ
  • หาแรงบันดาลใจ หมั่นเติมไฟในการทำงาน
1
การนั่งทำงานในบ้านเป็นเวลานานๆ ก็อาจส่งผลเสียตรงที่ทำให้เราไม่ได้พบเจอสิ่งใหม่ๆในระหว่างการเดินทาง ทำให้บางทีหัวสมองอาจมีอาการตื้อบ้างจนทำให้คิดงานไม่ออก
ดังนั้น การหาแรงบันดาลใจในการทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในช่วงที่เราต้องติดแหง็กอยู่ในบ้านเพราะต้องปั่นงาน อาจจะต้องหาตัวช่วยดีๆที่ทำให้เราได้เติมพลังใจ แรงบันดาลใจ เช่น การฟังเพลงเพราะๆที่เราชอบ ฟังพอดแคสต์ในหัวข้อที่เราสนใจ อ่านหนังสือดีๆซักเล่ม หรือแค่เดินเปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆ ฟังเสียงจากภายนอกบ้างเพื่อให้สมองของเราได้กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ออกมา ไม่แน่ว่า เผลอๆเราอาจจะได้ไอเดียแปลกใหม่ และดีกว่าเดิมก็เป็นได้
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะทำงานที่ออฟฟิศ ที่บ้าน หรือ WORK FROM ANYWHERE สิ่งสำคัญที่สุดที่เราพึงมีก็คือการมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และผลักดันงานที่ได้รับมอบหมายให้เกิดขึ้นจริงและทำสำเร็จตามเป้าที่วางไว้ หากเราทำได้ ต่อให้ต้องไปทำงานที่ไหน ก็ยังคงขึ้นชื่อว่าเราเป็นคนที่ WORK SMART อย่างแน่นอน
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา