1 พ.ค. 2022 เวลา 04:07 • การศึกษา
เมื่อเป็นเด็กแม่จุ๋มจำได้ว่าช่วงเวลาสิบปีช่างดูยาวนาน รู้สึกอยากโตเร็ว ๆ แต่พออายุประมาณสามสิบ เอ...ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจังแฮะ แล้วชะตาชีวิตพรหมลิขิตก็ชักพาให้พบพาคู่ชีวิต แต่งงานกัน แล้วก็มีลูก ตอนเลี้ยงลูกในขวบปีแรกเวลายิ่งผ่านไปเร็วมากแบบไม่รู้ตัว เพราะเราจะเฝ้าดูพัฒนาการของลูกแบบรายเดือน ชันคอ พลิกตัว นั่ง คลาน ไปตามลำดับเผลอแป๊บเดียวลูกก็ตั้งไข่และพร้อมจะก้าวเดิน
เวลาติดปีกเป็นเช่นนี้เอง
เมื่อสิบปีก่อน แม่จุ๋มสังเกตว่าทำไมลูกไม่มีความรู้สึกสดชื่น ร่าเริงแจ่มใส ในเวลาเช้าเมื่อเราเดินทางไปโรงเรียน มิหนำซ้ำในบางวันลูกยังบอกว่ารู้สึกคลื่นไส้เมื่อใกล้จะถึงโรงเรียน ในฐานะแม่ก็พยายามไต่ถามความรู้สึก บรรยากาศที่โรงเรียน ปรึกษาคุณครูพยายามให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คุณครูได้ช่วยดูแลเมื่ออยู่ในโรงเรียน
เวลาผ่านไปบรรยากาศการเรียนรู้ของลูกก็ดูเหมือนจะยังไม่ดีขึ้น ช่วงนั้นระบบการศึกษากำลังปรับตัวครั้งใหญ่ โรงเรียนต่างมีการเพิ่มโปรแกรมการเรียนรู้ มีห้องเรียนพิเศษต่าง ๆ พ่อและแม่จึงปรึกษากันว่าสถานการณ์การศึกษาน่าจะอยู่ในช่วงเวลาของการปรับตัว เราห่วงการเรียนรู้ของลูก ๆ พวกเขาโตขึ้นทุกวัน
เรามองหาทางเลือกใหม่ โชคดีที่กฏหมายไทยอนุญาตให้พ่อแม่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ลูก เราจึงตัดสินใจทำโฮมสคูลให้ลูกทั้งสองคน
แม่จุ๋มเขียนแผนการศึกษาของครอบครัวเสร็จภายในคืนเดียว เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันสุดท้ายในการยื่นแผนให้เขตการศึกษาพิจารณา เรียกว่าไปยื่นเอกสารด้วยตาแบบหมีแพนด้าเลยทีเดียว
เช้าวันถัดมา ระหว่างขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน แม่จุ๋มเอ่ยกับลูกว่า
"ลูกอยากเรียนที่บ้านมั้ย"
ลูกสองคนนั่งเงียบ คงงงว่าแม่พูดอะไร
"หม่าม้าหมายถึงเราไม่ต้องมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีก แต่เราเรียนกันเอง เรียนที่บ้านหรือที่ไหน ๆ ก็ได้"
เท่านั้นแหละค่ะเสียงลูกสาวก็ใสขึ้นมาทันที
"จริงเหรอหม่าม้า เราไม่ต้องไปเรียนที่โรงเรียนก็ได้จริง ๆ เหรอ"
"จริงสิลูกเขาเรียกโฮมสคูลไง หนูมาโรงเรียนอีกหนึ่งอาทิตย์เราก็สามารถเรียนกันเองได้เลยลูก"
เป็นสัปดาห์สุดท้ายที่เห็นลูกไปโรงเรียนอย่างมีความสุขแบบที่แม่จุ๋มไม่เคยเห็นมาก่อน
นั่นคือจุดเริ่มต้นในการโฮมสคูลของครอบครัวเมื่อสิบปีที่ผ่านมา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา