12 พ.ค. 2022 เวลา 00:49 • การศึกษา
พ่อแม่โฮมสคูลจะสอนลูกได้หรือ ?
นั่นสิคะ ลองนึกภาพแม่ที่ต้องอยู่กับลูกสองคนตลอด 24 ชั่วโมง สถานการณ์ไม่น่าจะอำนวยความสะดวกต่อการเป็นคุณแม่แสนสวยผู้ใจดีเอาซะเลย ยิ่งถ้าหน้าตาพอไปวัดไปวาได้แบบแม่จุ๋ม หากไม่เตรียมตัวรับมือกับความป่วนของลูกไว้บ้างเรื่องมันจะไปกันใหญ่ บุคคลิกเสียได้ง่ายเลยทีเดียว
ไม่มีเส้นทางเดินไหนที่ราบเรียบไร้อุปสรรค ใครสักคนได้กล่าวไว้หยิบมาใช้บอกตัวเอง เมื่อเลือกแล้วเราก็ต้องไปต่อให้ถึงที่สุด ถ้าเปรียบกับเรือที่กำลังออกทะเล เราก็หนีไม่พ้นมรสุม ต้องโต้ไปในความปั่นป่วนของคลื่นลูกเล็ก ลูกใหญ่มากมาย เราก็ติ๊ต่างให้คำถามนี้เป็นคลื่นอีกลูกที่ต้องฝ่าไปให้ได้
จากที่เคยไปโรงเรียนแล้วมาอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ลูกสองคนย่อมทำให้ตารางชีวิตของแม่รวนเป็นธรรมดา
เหนื่อยได้ที่...วิธีที่ดีที่ช่วยให้หัวใจสงบคือปล่อยวาง พาตัวเองถอยออกมาจากกองปัญหาสักสองสามก้าว องศามุมมองที่เปลี่ยนไปช่วยทำให้เรื่องที่ยากกลายเป็นง่ายขึ้นมาซะเฉย ๆ
ศักยภาพในการปฏิบัติตามกฏกติกาหรือองค์ความรู้ที่เรียงมาเป็นข้อ ๆ ของตนเองนั้นอ่อนแอ แต่ถ้าได้ใช้เวลาทำความเข้าใจเหมือนนำมาตำเป็นผงแล้วชงดื่ม ให้ค่อย ๆ ซึมซาบเข้าไปในร่างกาย และหัวใจแล้วละก้อจะดึงข้อมูลออกมาใช้ได้ถนัดกว่า ที่เขาเรียกกันในทางวิชาการว่า การนำความรู้มาปรับใช้ให้เหมาะกับเรานั่นเอง
สติ ช่วยให้มองเห็นสิ่งเล็ก ๆ ที่แสนสำคัญเช่น แม่และลูกนั้นถือกำเนิดขึ้นพร้อมกัน เมื่อปล่อยวางความเป็นแม่ที่ล้นเกินลงซะบ้าง การจดจ้องที่จะสอนก็เบาบาง หันมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปพร้อมกับลูก อยู่ในโลกของกันและกัน เรียนรู้และยอมรับในสิ่งที่เราทำผิดทำถูกด้วยกัน สนุกกับการลดอายุให้เท่ากับลูกแล้วมองโลกด้วยสายตาของพวกเขา
ประชาธิปไตยเล็ก ๆ จึงเริ่มต้นในบ้านของเรา
โฮมสคูลให้เวลาเรามากพอเพื่อจะทำความรู้จักกับโลกใบนี้ วิชาการนั้นสำคัญแต่แม่ก็อยากให้ลูกมีวิชาความรัก ความเข้าใจต่อชีวิตตนเอง และชีวิตอื่น ๆ ด้วย
การเรียนรู้ได้อย่างยั่งยืนนั้นฟังดูทันสมัยและโก้ดี แต่จะลงมือทำอย่างไรเพื่อให้รากฐานการเรียนรู้ของลูกมั่นคง ทำอย่างไรจึงจะรักษาความอยากรู้อยากเห็นของลูกไว้ได้ โดยที่สมองของลูกไม่เกิดความเหนื่อยล้า และเบื่อหน่ายต่อการเรียนรู้ นี่คืองานของแม่
เพราะกระบวนการเรียนรู้ของโรงเรียนต่างจากโฮมสคูล ค่อย ๆ มองหา มันต้องวิธีใดวิธีหนึ่งอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้านเรานี่แหละ
เมื่อแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านใน กระบวนการเรียนรู้ยกใหม่ของเราจึงเริ่มขึ้น
แม่จุ๋มสังเกตการพับผ้าห่มของลูกสาวทุกเช้า เป็นสิ่งที่เธอทำมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ เป็นนักปฏิบัติตามตัวอย่าง เมื่อแรกเริ่มผ้าห่มก็เบี้ยว ๆ ไม่ได้มุมได้ฉาก เวลาผ่านไปก็เรียบสวย ย้อนกลับไปทบทวนในช่วงเวลาดังกล่าว มองเห็นตัวเองชมและให้กำลังใจลูกด้วยการ "ขอหอมที"
กำลังใจในจังหวะที่ใช่ คือสิ่งที่ช่วยให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียนรู้ ปิ๊งแว่บ...นี่คือคะแนนในครัวเรือนที่แม่มีให้ลูกได้ไม่อั้น
การพับผ้าห่มอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จะกลายเป็นเรื่องสำคัญถ้าเราให้คุณค่า เพราะหากลูกลุกจากที่นอนและทิ้งผ้าห่มยับยู่ยี่ไว้ทุกวัน มันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ค่อย ๆ สร้างมูลค่าเพิ่มให้งานบ้านทีละอย่าง ไม่เร่งรีบ บ้านกลายเป็นห้องแล็ปสำคัญ งานบ้านช่วยฝึกให้ลูก คิด วิเคราะห์ วางแผน และลงมือทำ
แต่ก็นั่นแหละหนา การเป็นภรรยา เป็นแม่ลูกสอง เป็นแจ๋ว เป็นตัวของตัวเอง แล้วไหนยังต้องเป็นผู้พิพากษาคอยตัดสินคดีความของลูกทั้งสอง ที่มักจะมีกรณีพิพาทในเรื่องปริมาณความรักจากพ่อและแม่ตามเส้นทางความรักความผูกพันธ์ของพี่และน้อง ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ทุกบ่อย ทุกบ่อย ภาระหน้าที่อันหนักอึ้งดังกล่าวมา ในบางครั้งแม่จึงอนุญาตให้ตัวเองปรี๊ดได้ เพื่อความมั่นใจว่าตนเองยังเป็นมนุษย์ธรรมดา ๆ ยู๊
ปรี๊ดแล้วสบาย โลกสงบ เห็นดวงตาปริบ ๆ ของลูกสองคู่ ถ้าพ่ออยู่ด้วยก็เป็นสาม
แล้วไงต่อ
“ชอบไหมลูก" สติแม่มาเร็วใช้ได้มีความพัฒนา ลูก ๆ ส่ายหน้า
“หม่าม้าก็ไม่ชอบเหมือนกัน ไม่อยากดุ ไม่อยากเสียงดังแบบนี้เลย งั้นเรามาดูกันนะลูกว่าหม่าม้าเสียงดังเพราะอะไร"
บทเรียนใหม่ของเราก็เริ่มต้น
คือท่วงทำนองโฮมสคูลของบ้านเรา ที่คำถามจะพาให้ค้นคว้าหาคำตอบเสมอ แล้วก็มักจะเจอของดีระหว่างทาง อย่างการหาวิธีอยู่กับลูกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างไรให้ทุกคนมีความสุข และแม่รักษาระดับความสวยไว้ได้พอประมาณ เป็นเรื่องที่ต้องจัดการก่อนการสอนหนังสือให้ลูก
อยู่ไปอยู่มาก็กลายเป็นว่าลูกช่วยให้แม่เรียนรู้บทใหม่ของวิชา..."ครูคนแรกของลูก" ไปซะงั้น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา