1 ก.ค. 2022 เวลา 05:46 • หนังสือ
#82 CWG. 4️⃣ — บทที่ 2️⃣0️⃣ (ตอนที่ 3) : เมื่อเผ่าพันธุ์ของเธอตื่นขึ้น จะไม่มีการทำร้ายซึ่งกันและกันอีก เพราะไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องทำอย่างนั้น
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : But does this mean that when we are awakened, we will let anyone do anything to us, and not defend ourselves?
นีล : นี่จะหมายความว่า เมื่อเราตื่นขึ้นแล้ว เราจะปล่อยให้ใครทำอะไรกับเราก็ได้ และไม่ป้องกันตนเองเลย❓
A : When your species awakens, it will not create scenarios in which its members have to defend themselves against each other.
พระเจ้า : เมื่อเผ่าพันธุ์ของเธอตื่นขึ้นแล้ว มันจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่สมาชิกในเผ่าพันธุ์ของเธอ “จำเป็น” ต้องปกป้องตนเองเลย
When you awaken, you will lay down your arms—all of you, at once—and eschew forever the ways and the means of destroying each other. Your competitions for everything will end, and you will find ways to share everything that there is to share, including all the world’s resources and all the amazing miracles of science, technology, and medicine that you have brought about.
เมื่อพวกเธอตื่นขึ้น พวกเธอทุกคนจะวางอาวุธ —ละทิ้งอาวุธทั้งหมดพร้อมกันในคราวเดียว— และหลีกเลี่ยงทุกวิถีทางและวิธีการในการทำลายล้างซึ่งกันและกันตลอดไป การแข่งขันไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามจะจบสิ้นลง และพวกเธอจะพบหนทางที่จะแบ่งปันสิ่งใดๆก็ตามที่สามารถแบ่งปันได้ นั่นรวมถึงทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดบนโลก ทุกสิ่งอัศจรรย์อันน่าทึ่งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งยารักษาโรคทุกชนิดที่พวกเธอประดิษฐ์คิดค้นขึ้น
For an awakened species, this will seem like a patently obvious and unquestionably appropriate thing to do.
สำหรับเผ่าพันธุ์ที่ตื่นแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรทำอย่างยิ่ง
 
You will have no reason to defend yourself, because no one will ever again have any reason to attack you—physically, emotionally, financially, or in any way whatsoever.
เธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องป้องกันตนเอง เพราะไม่มีเหตุผลใดๆที่ใครจะมาทำร้ายเธออีก —ทั้งทางร่างกาย ทางจิตใจ ทางการเงิน หรือในทางใดก็ตาม
.
Q : But what if we were attacked by some renegade individual who had not yet awakened? You know, that one-in-a-thousand or one-in-a-million person who is mentally unstable?
นีล : แต่ถ้าเราถูกทำร้ายโดยพวกนอกรีต (หลับลึก) สักคนที่ยังไม่ตื่นขึ้นล่ะครับ❓ พระองค์ก็รู้ ว่ามันต้องมีใครสักคนจากหนึ่งในพัน หรือ หนึ่งในล้านที่มีจิตใจไม่ปกติ
A : You would simply lay down your body and peacefully exit the Realm of the Physical, knowing that your “death” would not be an end to anything—except more violence.
พระเจ้า : เธอก็แค่ปล่อยวางร่างกาย และออกจากโลกทางกายภาพนี้ไปด้วยใจสงบ โดยรู้ชัดว่า “ความตาย” มิใช่จุดสิ้นสุดของสิ่งใดเลย —นอกจากเป็นการยุติความรุนแรงไม่ให้เพิ่มขึ้น
.
Q : Exactly as Obi Wan Kenobi did when threatened face-to-face by Darth Vader in one of those Star Wars movies.
นีล : แบบเดียวกับที่ โอบีวัน เคโนบี้ ทำตอนที่ประจัญหน้ากับดาร์ท เวเดอร์ ในหนังสตาร์วอร์ซักภาคเปี๊ยบเลยนะครับ★
A : Yes, exactly like that. Your science fiction depictions have more than once placed before humankind wonderfully illuminated ideas. That character in the movie did that, of course, because he knew he couldn’t die; that the “villain” couldn’t possible do anything to him that would terminate his existence.
พระเจ้า : ใช่ เป็นแบบนั้นเลย มีหลายครั้งที่แนวคิดในนิยายวิทยาศาสตร์หลากหลายเรื่องของเธอก้าวล้ำไปกว่าแนวคิดของมนุษยชาติมากนัก ตัวละครในหนังทำเช่นนั้น เพราะเขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถตายได้ รู้ว่า “ตัวร้าย” ไม่สามารถทำอะไรที่จะหยุดยั้งการดำรงอยู่ต่อไปของเขาได้เลย
★ผมหาคลิปอยู่นานเลยครับกว่าจะเจอ 😄 —แอดมิน—
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา