29 ก.ค. 2022 เวลา 02:42 • หนังสือ
#98 CWG. 4️⃣ — บทที่ 2️⃣4️⃣ (ตอนที่ 3) : สารที่สำคัญที่สุดเท่าที่เธอเคยได้รับมาในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวตนของเธอก็คือ “ตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ใช่ร่างกาย”
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : You’ve described how Highly Evolved Beings from Another Dimension move from the physical to the metaphysical and back again at will. Then you’ve said that we do the same.
นีล : พระองค์ได้อธิบายไปแล้วว่าสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงจากมิติอื่นสามารถเคลื่อนจากสภาวะมีร่างกายไปสู่สภาวะไร้ร่างกายและกลับมามีร่างกายอีกครั้งได้ตามต้องการได้อย่างไร จากนั้นพระองค์ก็บอกว่าพวกเราเองก็ทำแบบนั้นได้เหมือนกัน
A : That’s correct.
พระเจ้า : ถูกต้อง
.
Q : Well, not many human beings experience that they do the same. We're born—or as you put it, we “embody”—when we do. We don’t experience having any control over that. And we die when we die. We have no control over that, either.
นีล : แต่...มีมนุษย์จำนวนไม่มากที่สามารถทำแบบเดียวกันนั้นได้นะครับ ในตอนที่เราเกิดมา —หรืออย่างที่พระองค์เรียกมันว่า “การปรากฏตัวในสภาวะมีร่างกาย”— เราไม่เห็นจะสามารถควบคุมอะไรได้เลย และเมื่อเราตาย เราก็ตายไป โดยที่ควบคุมอะไรไม่ได้อีกเช่นกัน
A : That would be incorrect.
พระเจ้า : นั่นไม่ถูกต้อง
.
Q : Okay, it’s true that some people die by their own hands, so they did exert control over when they died, but they certainly had no control over when they were born.
นีล : ก็ได้ครับ...เป็นความจริงที่ว่าบางคนก็ตายลงด้วยน้ำมือตนเอง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า พวกเขาสามารถควบคุมการตายของตัวเองได้ แต่พวกเขาไม่สามารถควบคุมการเกิดของตัวเองได้แน่นอน
A : You will continue to imagine that all of this is true about both what you call your “birth” and your “death” so long as you think of yourself as a body.
พระเจ้า : เธอจะยังคงจินตนาการว่า สิ่งที่เรียกว่า “การเกิด” และ “การตาย” นั้นเป็นเรื่องจริงสืบไป ตราบเท่าที่เธอยังคงคิดว่าตัวเองคือร่างกาย
.
Q : You have told me before, actually, that I am not a body. You have said that I have a body, but that Who I Am is not a body.
นีล : พระองค์เคยบอกผมแล้วว่า ในความเป็นจริงแล้ว ผมไม่ใช่ร่างกาย ผมมีร่างกายก็จริง แต่ตัวตนที่แท้จริงของผมไม่ใช่ร่างกาย
 
A : I am happy that you have remembered this. It is the most important single piece of information you could ever receive about your Self, and that you could ever share with anyone.
พระเจ้า : ฉันดีใจนะที่เธอจำได้ นั่นเป็นสารเพียงหนึ่งเดียวที่สำคัญที่สุดเท่าที่เธอเคยได้รับมา หรือได้เคยแบ่งปันกับผู้อื่นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวตนที่แท้จริงของทุกคน
Each entity in the Other Dimension thinks of itself as an emanation of the Essential Essence. Or, using the word that we’ve employed so far throughout this dialogue, and one that you may be able to relate to better: a Soul.
แต่ละสิ่งมีชีวิตในมิติอื่นต่างคิดว่าตนเองคือการแยกตัวออกมาจากแก่นแท้ที่เป็นรากฐานของทุกสิ่งนั้น รู้ว่าตัวเองมีต้นกำเนิดมาจากสิ่งนั้น หรือ เราอาจใช้คำที่เราใช้มาตลอดการสนทนานี้ และเป็นคำที่เธออาจเข้าใจได้ง่ายกว่า นั่นคือคำว่า “วิญญาณ”
And so you see that you are not “far afield” in exploring this. In fact, this is central to the larger discussion about what it would look like for humans to model their life on the lives of Highly Evolved Beings.
และเธอก็คงจะเห็นแล้วว่าสิ่งที่เธอถามมานั้นไม่ได้ “ออกนอกเรื่อง” ไปไหนเลย อันที่จริงแล้ว มันคือ จุดศูนย์กลางที่จะนำไปสู่การพูดคุยกันถึงประเด็นที่ใหญ่กว่า ในเรื่องที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของมนุษย์จะเป็นอย่างไรหากพวกเขารับเอาหลักการใช้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงมาใช้เป็นแบบอย่าง
So use what we're looking at now to create a larger context for what’s already been shared here about the possibilities for humanity’s tomorrow.
 
ดังนั้น จงใช้สิ่งที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่นี้เพื่อสร้างบริบทที่เป็นส่วนขยายของสิ่งที่ได้แบ่งปันไปแล้วเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการพัฒนาของมนุษยชาติในวันพรุ่งนี้
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา