4 ส.ค. 2022 เวลา 00:05 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
#กรดไหลย้อนเรื่องเล็กๆที่อาจเป็นเรื่องใหญ่ ตอนที่ 4
สวัสดีทุกคนครับ หลังจากที่ตอนที่แล้วเราได้คุยกันไปถึง
เมื่อไรที่เราต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคกรดไหลย้อน
คุณเคยสงสัยกันไหมครับว่า การผ่าตัดรักษาโรคกรดไหลย้อนนี้เนี่ย
มันต้องผ่าตัดอย่างไรบ้าง
แล้วหลังผ่าตัดพักฟื้นนานไหม
ต้องหยุดงานนานเท่าไร?
ถ้าอยากรู้คำตอบ วันนี้เรามาดูกันเลย
การผ่าตัดรักษาอาการโรคกรดไหลย้อน เราเรียกว่า
ANTI-REFLUX SURGERY (ARS)
โดยการผ่าตัดแบบนี้จะเป็นการผ่าตัดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของ
กล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะอาหารส่วนล่าง (LES)
โดยเทคนิคการผ่าตัดนี้เราเรียกว่า
“FUNDOPLICATION”
โดยการเอากระเพาะอาหารส่วนที่เราเรียกว่า
“FUNDUS” ซึ่งเป็นกระเพาะอาหารส่วนบน
มา “รัด” หูรูดหลอดอาหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
โดยการผ่าตัดนี้ได้คิดค้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1950
และให้ผลการรักษาที่ค่อนข้างดี
จึงมีการใช้เทคนิคนี้เข้ามารักษาโรคกรดไหลย้อน
จนปัจจุบัน
นอกจากนี้ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันที่มีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องเข้ามาช่วย ทำให้การผ่าตัด FUNDOPLICATION สามารถทำได้ผ่านกล้อง ทำให้มีแผลเล็ก ฟื้นตัวไว ไม่ต้องนอน รพ.นานเหมือนสมัยก่อน
หลังการผ่าตัด คนไข้ก็นอนรพ.เพียง 1 คืนเท่านั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นหมอจะให้คนไข้ถ่ายภาพเอกซเรย์กลืนแป้ง
เพื่อดูกว่าหลังผ่าตัดมีการอุดตันของหลอดอาหารหรือไม่
ถ้าปกติดี ก็สามารถกลับบ้านได้เลย
แต่ยังคงแนะนำให้กินอาหารอ่อนๆพวกข้าวต้มไปจน
4-6สัปดาห์หลังผ่าตัด เพื่อให้กระเพาะอาหารที่เอามา “รัด”
หูรูดหลอดอาหาร เกิดการรักษาตัวอย่างสมบูรณ์
และยังคงให้กินยาลดกรดต่อจนครบ4สัปดาห์หลังผ่าตัด
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดรักษาโรคกรดไหลย้อนมีดังนี้
1.อาการกลืนติด อาจจะเป้นมากในช่วงแรกหลังการผ่าตัดแต่จะค่อยๆดีขึ้น
2.ท้องอืด มักเกิดจากการที่รัดหูรูดแน่นเกินไป โดยปกติจะดีขึ้นเองใน 6 สัปดาห์
3.การเกิดโรคกรดไหลย้อน “ซ้ำ” มักเกิดจากการที่กระเพาะส่วนที่เอามา “รัด” หูรูดหลอดอาหาร หลุดออกจากกัน
4.การบีบตัวของหลอดอาหารผิดปกติหลังผ่าตัด อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากมีความเปลี่ยนแผลงของแรงรัดหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง ถ้าออาการไม่ดีขึ้นอาจจะต้องผ่าตัดแก้ไข
5.เกิดการเลื่อนของกระเพาะอาหารไหลเข้ามาในช่องอก เนื่องจากเกิดการคลายของกล้ามเนื้อกระบังลม ส่วนใหญ่ต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข
อย่างที่ได้กล่าวมา โรคกรดไหลย้อนไม่ใช่เรื่องเล็ก
ปล่อยทิ้งไว้อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องมาผ่าตัดรักษากัน
และมีความเสี่ยงต่างๆ หลังผ่าตัด
ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการป้องกันการเกิดโรคกรดไหลย้อนนั่นเอง
ถ้าคุณมีอาการจุกแน่นแสบร้อนอกอย่ารอช้า
รีบปรึกษาแพทย์นะครับ
ด้วยรัก
#หมอโภคิน
#คุยเฟื่องเรื่องศัลย์
โฆษณา