21 ส.ค. 2022 เวลา 11:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Long Walk บ่มีวันจาก (2019) - หนังพุทธไซไฟสุดล้ำที่ผสมกับความเชื่อเวียนว่ายตายเกิดอย่างงดงาม
การเดินทางของดวงวิญญาณ ล้วนมีเส้นทางยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด นั่นคือ การเวียนว่ายในสังสารวัฎ...
สวัสดีครับทุกท่าน ! หลังจากที่ได้ยินชื่อเสียงของเรื่องนี้มานาน... ก็อยากบันทึกว่า " ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกว้าวแบบนี้มานานแล้ว " ยิ่งในกลุ่มภาพยนตร์ที่มาจากย่านอาเซียน ก็นับว่าหาได้ยากจริงกับการสร้างหนังที่มีไอเดียล้ำ - ทะเยอทะยานขนาดนี้
ตัวหนังได้รับเสียงชื่นชมมากมาย แถมยังได้รับเลือกเป็น Official Selection ใน Toronto International Film Festival อีกด้วย
ดังนั้นผมจึงอยากจะมารีวิวภาพยนตร์ เผื่อว่าท่านใดสนใจ และอย่างน้อยก็เป็นการแนะนำให้กับภาพยนตร์นอกกระแสดี ๆ ที่น่าชื่นชมนะครับ
[ เรื่องย่อ ]
The Long Walk (2019) หรือ "บ่มีวันจาก (ບໍ່ມີວັນຈາກ)" ภาพยนตร์สัญชาติลาวที่ได้รับการกำกับโดย Mattie Do
 
เนื้อหาของเรื่องพูดถึง ในอนาคตอันใกล้ "ลุงชายชรา" ผู้อาศัยในหมู่บ้านกันดารในประเทศลาว ได้รับการติดต่อจากตำรวจท้องถิ่นเพื่อให้ช่วยตามหาศพของหญิงสาวในหมู่บ้านที่หายตัวไป โดยหวังว่าความสามารถในการติดต่อกับวิญญาณของเขาจะช่วยในการดำเนินคดีสืบหา แต่โชคชะตาชายชราต้องเผชิญกับ ปริศนาดำมืดที่ซ่อนมากว่า 50 ปี
[ ความรู้สึกหลังชม ]
- สิ่งแรกที่ชื่นชอบ คือ "ไอเดียไซไฟที่ผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่น"
หนังนำเสนอไอเดียย้อนเวลาสไตล์หนังไซไฟโดยผูกเข้ากับความเชื่อเรื่องผี (ท้องถิ่น) และแนวคิดเวียนวายตายเกิดของพุทธ
ลุงชราสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ผ่านความช่วยเหลือของวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด, เหล่าดวงวิญญาณจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย จนกว่าจะมีการทำพิธีทางศาสนา เพื่อแจ้งให้เจ้าตัวรู้ตัวและไปสู่สุคติ, ประเด็นเรื่องความรักที่ก่อเกิดเป็นวงเวียนกรรมจนหมุนเป็น Loop ไม่มีวันสิ้นสุด
จุดนี้รู้สึกว่า ไอเดียสร้างสรรค์จริง เป็นการ Combination ระหว่างแนวคิดหนังไซไฟกับความเชื่อท้องถิ่นที่ลงตัวมาก... ยกให้ห้าดาวเลยในการเล่นไอเดียพุทธไซไฟ !
- ความล้ำอย่างที่สอง คือ "การเล่นผลกระทบจากการย้อนเวลา"
การย้อนเวลากลับไปแก้ไขบางอย่างในอดีต อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน (คล้ายกับไอเดีย Butterfly Effect) แม้ว่าเรากลับไปแก้ไขตามความหวังดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด
ยังมีคำถามสำคัญที่ว่า
เราสามารถแก้ไขอดีตของเราได้ขนาดไหน หรือว่าจริง ๆ แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ สิ่งที่ดีที่สุดจากเกิดจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตคัดสรรให้เราแล้ว...
บทสรุปของเรื่องจึงเหมือนสอนเราให้เน้นที่การกระทำในปัจจุบัน ซึ่งจุดนี้ก็สอดคล้องกับแนวคิดพุทธอีกเช่นกัน !
- การดำเนินเรื่องโดยรวม ถูกขับเคลื่อนผ่านสถานที่ไม่กี่ที่ และที่สำคัญที่สุด ก็คงเป็น "ถนนลูกรังที่ลุงชรา เด็กน้อย และหญิงสาวใช้เดินทาง"
เส้นทางนี้ดูมีนัยต่อภาพรวมเรื่องที่พูดถึงการเดินทางอันยาวไกล เพราะ จากการถ่ายในเรื่อง ก็แสดงให้เห็นถึงการเดินทางบนเส้นทางนี้นับไม่ถ้วนของทั้ง 3 ตัวละคร จนดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ
- แม้จะเป็นหนังที่มีวิญญาณ / ผี แต่ไม่มีการ Jump Scare...
จุดนี้รู้สึกชื่นชมการตีความของผู้กำกับ เนื่องจากผีในเชิงพุทธไม่ได้อยู่ในรูปแบบปีศาจ / ซาตาน แต่เป็นดวงวิญญาณที่วนเวียนในสังสารวัฎ
ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องทำให้ผีต้องน่ากลัว เพราะ จริง ๆ แล้ว วิญญาณก็เป็นแค่คนที่ตายไปแล้ว ยิ่งหากเป็นคนที่เรารักและผูกพัน เราคงอยากเจอเขามากกว่าที่จะกลัวด้วยซ้ำไป
- ตัวหนังใช้วิธีดำเนินเรื่องแบบหนังนอกกระแส มีการแช่กล้อง พร้อมด้วยบรรยากาศหนังที่เงียบ ๆ แถมพอมีการย้อนเวลาไปมา ทำให้ Loop เวลาในเรื่องมีความซ้บซ้อน (หนังไม่ได้บอกด้วยว่า ช่วงไหนที่ย้อนเวลา) ทำให้ค่อนข้างเข้าใจยากพอสมควร
- Production หนังอาจจะไม่ได้ดีมาก เน้นเรียล ๆ ในส่วนนักแสดงอาจดูแสดงแข็ง ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยบทเรื่องและไอเดียที่แข็งแรงก็ช่วยกลบจุดอ่อนเรื่องอื่น ๆ ไปมิด
- ชอบอีกอย่างก็การเล่นแสงในเรื่อง หลายซีนถ่ายแสงได้งดงาม ส่วนในเวลากลางคืน ก็เน้นใช้แสงไฟนีออนอมฟ้าตัดกับความมืด ให้ความเป็นไซไฟที่มีบรรยากาศลึกลับ
- จุดสุดท้ายที่น่าสนใจ คงเป็น "การวิพากษ์วิจารณ์สังคม"
ประเด็นแรกเกี่ยวข้องกับเรื่อง "ความเหลื่อมล้ำของผู้คนในหมู่บ้านห่างไกล" แม้ตามเนื้อเรื่องจะอยู่ในโลกอนาคต ทว่าสภาพบ้านเรือนในลาวยังเหมือนเดิม ไม่ได้เจริญจนแตกต่างจากปัจจุบันมากนัก ถนนยังคงเป็นลูกรัง
ที่ช้ำใจยิ่งกว่า ก็เป็นตัวหมู่บ้านในเรื่องที่จริง ๆ แล้ว อยู่ไม่ไกลจากเวียงจันทน์ โดยมีเงาการก่อสร้างเมืองให้เห็นอยู่ลิบ ๆ... สะท้อนถึงความเจริญที่ยังไปไม่ทั่วในทุกพื้นที่
นอกจากนี้ หนังก็สะท้อนถึง "ปัญหาความยากจนในครอบครัว" เช่น ลูกที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะ ต้องมาช่วยครอบครัวทำงานหาเงิน, แม่ที่ป่วยหนักกับพ่อที่เอาแน่เอานอนไม่ได้... หลายส่วนมีความคล้ายกับปัญหาในสังคมไทยด้วยเช่นกัน
 
ประเด็นสุดท้ายที่กินใจและสะเทือนใจ ก็เรื่อง "ความผูกพันระหว่างแม่กับลูก" ความรักที่แม่มีต่อลูกมากเหลือคณานับ ดังนั้นใครจะไปรู้ว่าชะตาของเด็กที่ไม่มีพ่อแม่ดูแล จะผันแปรไปได้ขนาดไหน
[ สรุป ]
The Long Walk (2019) เป็นหนังที่ผมรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะไอเดียพุทธไซไฟ หนังนำเสนอได้อย่างประณีต / เฉียบคม
ถึงแม้ว่าหนังจะดำเนินเรื่องแบบนอกกระแส แต่บทของเรื่อง ทำให้หนังน่าติดตามอยู่เสมอและไม่รู้สึกน่าเบื่อเลย อาจจะมีข้อเสียตรงเส้นเรื่องที่ซับซ้อนจนอาจทำให้งงได้ แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดดูยากจนไม่รู้เรื่อง
 
ดังนั้นหากใครชอบหนังนอกกระแส ก็แนะนำนะครับ นับว่ามีไม่บ่อย ที่จะได้เห็นภาพยนตร์นอกกระแสของลาวดี ๆ แบบนี้ !
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพุดคุยหรือติดต่อกับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา