14 ต.ค. 2022 เวลา 16:28 • ธุรกิจ
อยากทำธุรกิจ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง มีใครพอช่วยแนะนำได้บ้างไหมค่ะ ?
คำถามนี้ถูกลบ
ผมเคยได้ยินชาวตะวันตกเปรียบเทียบการเป็นเจ้าของธุรกิจว่า
“คนที่จะทำธุรกิจได้คือ คนที่เมื่อร่วงหล่นจากหน้าผาสูง แล้วสามารถประดิษฐ์เครื่องบินขึ้นมากลางอากาศได้ แล้วขับเครื่องบินลำที่ตัวเองเพิ่งประดิษฐ์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างสง่างาม!”
1
มุมมองการเป็นเจ้าของกิจการมีหลากหลายดังนี้ครับ
1) “How far can you see?”
ผมไม่เคยทำธุรกิจครับ แต่ผมมองว่าส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของจิตวิทยาครับ
คือถ้าคุณชอบกินก๋วยเตี๋ยวเรือมากๆจนกระทั่งคุณอยากมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นธุรกิจของตนเอง เพราะคุณตระเวนชิมก๋วยเตี๋ยวเรือมาทั้งจังหวัดหรือทั้งประเทศไทยแล้ว
และคุณรู้ style ของก๋วยเตี๋ยวเรือที่คุณชอบ ทั้งนำ้ซุป, ทั้งชนิดของเส้น, ทั้งชนิดของลูกชิ้นและเนื้อ ฯลฯ
คือคุณจะเห็น supply chains ลอยมาแต่ไกลเลยครับ และถ้าคุณมองเห็นห่วงโซ่อุปสงค์อุปทานได้ แบบ crystal clear แจ่มแจ้งขนาดนั้น คุณจะบริหารความเสี่ยงและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
คือถ้าคุณมี passion และ patience แล้ว เรื่องเงินทุนจะมาทีหลังครับ เพราะเวลาทำธุรกิจคุณจะเจอปัญหาเล็กสุดไปจนถึงใหญ่สุด ถ้าคุณทำสิ่งที่คุณชอบ คุณจะทนเจ็บปวดได้ดีกว่าและนานกว่าครับ ถึงคุณทำจนรวยแล้ว คุณก็อยากทำต่อ ถึงภาวะเศรษฐกิจไม่ดี คุณก็ยังอยากไปต่อ ทำสิ่งที่ชอบนั้นเลิกยาก ที่เลิกคือไม่ได้ชอบจริงๆครับ
ผมชอบฟังคุณ Anthony Robbins พูด
และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาพูดถึง “Hunger” ซึ่งน่าจะหมายถึงความ “หิวกระหาย” ในสิ่งที่ตัวเองสนใจที่จะทำ
โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า
”If someone asks me, “Tony, what is the single most valuable secret to success in life? How do I live life on my terms and have choices, and become the best in my field?”
I’d tell them that every great leader I’ve ever had the privilege to work with — whether they are a politician, an athlete, a musician, or a business savant — got there using one force above all others. And that’s hunger.”
คำถามต่อมาคือ แล้ว “passion” กับ “hunger” ต่างกันอย่างไร?
Tony ตอบว่า
”Passion is first gear; it will get you going, but hunger is the ticket that will take you there.
It’s human nature to get excited about big dreams; it’s easy to spark the fires of passion, especially when you’re young. But sooner or later, when it comes time to get the job done, suddenly, our level of excitement wanes because we’re all afraid of one thing: failure.
Here’s what’s great:
Hunger will destroy that fear of failure.“
นั่นคือ ถึงแม้คุณจะมี passion แต่ถ้าคุณปราศจาก hunger หรือ ความหิว ในสิ่งที่คุณชอบแล้ว วันหนึ่ง passion ก็อาจจางไป เพราะ
Hunger —> I want more and more of that!
2) “What is the core value of your business?”
หัวใจของการทำธุรกิจคือ “การแก้ปัญหา” ครับ
> ปัญหาของลูกค้าคือปัญหาของเรา
> ปัญหาของเราอย่าให้ถึงมือลูกค้า
อยากรวย ต้องให้ลูกค้า “รวยก่อน”
# คุณแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ “มากมาย” แค่ไหน? (ปริมาณ)
# คุณแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ “ดี” แค่ไหน? (คุณภาพ)
# คุณแก้ปัญหาให้ลูกค้า “บ่อย” แค่ไหน? (ความถี่)
3) “What can you bring to the table?”
เมื่อเราสามารถนำเสนอ “solutions” ให้กับลูกค้าได้ นั่นคือ “จุดเริ่มต้นของธุรกิจ”
เท่าที่ผมเคยได้ยินได้ฟังมา ปัญหาที่น่าแก้ที่สุดคือปัญหาที่เราประสบด้วยตัวเองครับ
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดผู้ก่อตั้ง GoPro เขาไม่สามารถหากล้องที่มาใช้บันทึกภาพขณะที่เขาเล่นกระดานโต้คลื่นได้ จนเขาคิดดัดแปลงและประดิษฐ์กล้องต้นแบบที่ต่อมากลายมาเป็น GoPro อย่างทุกวันนี้ครับ
4) “How well can you serve your customers?”
“ประสบการณ์” ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าครับ
”We are not in the coffee business serving people, we are in the people business serving coffee.”
Howard Schultz,
chairman and CEO of Starbucks from 1986 to 2000, and then again from 2008 to 2017
4) “What’s your positioning in the market?”
ผมอยากให้พิจารณา “ประเภทของสินค้า” เป็นอันดับแรกครับ
4.1) commodities คือสินค้าที่ไม่ว่าผู้ผลิตจะเป็นเจ้าไหน สินค้าแต่ละเจ้าแทบจะไม่แตกต่างกันในเชิงคุณภาพ เช่น นำ้ตาลทราย หรือ เกลือ เป็นต้น และแต่ละเจ้าจะแข่งขันกันเรื่องราคาเป็นหลัก
4.2) differentiated products คือสินค้าที่เน้นเรื่อง Styles หรือจะเรียกว่าใช้ brands ในเชิงการตลาด ซึ่งสินค้าประเภทนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นตัดราคาขายกันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด เช่น สินค้า fashion เสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้า, ไวน์ เป็นต้น จะเน้นความแตกต่างเชิงคุณภาพและ brand loyalty
• ถ้าคุณ “ไม่ได้ผลิตสินค้า” ด้วยตัวเอง แต่คุณซื้อมันมาจาก “แหล่งกระจายสินค้า” แล้วมาขายต่อ นั่นคือ คุณแบกรับความเสี่ยงในเรื่องทั้ง “คุณภาพ” และ “ราคา” ที่เป็นต้นทุนตายตัว เพราะถ้าร้านอื่นได้สินค้าแบบเดียวกัน แต่เขาซื้อมา “เยอะ” กว่าคุณ เป็นไปได้ว่า เขาจะได้ “ราคาต่อหน่วย” ตำ่กว่าคุณ และเขาสามารถขายตัดราคาคุณได้ เพราะ “สายป่าน” ของเขายาวกว่า!
• แต่ถ้าคุณ “ผลิตสินค้าเอง”
สินค้าของคุณจะ “แตกต่าง” จากคู่แข่งอย่างแน่นอน!
คิดง่ายๆว่า ไม่ว่าเราเองจะทำอาหารอย่าง “ไก่ทอด” หรือ แค่ “ไข่ต้ม” ใช่ว่าเราจะทำมันออกมาเหมือนกันทุกครั้งไป
ประสาอะไรกับ “คุณภาพ” ที่สามารถเปรียบเทียบกันได้กับ “เจ้าอื่นๆ”?
ดังนั้นหากคุณสามารถ “ควบคุม” และ “ปรับปรุง” และ “รักษา” —> “คุณภาพ” ของสินค้าของตัวเองได้ และคุณเอง “มั่นใจ” และ “ภูมิใจ” กับสินค้าของตัวเอง จนคุณบอกกับตัวเองว่า ถ้าคุณเองสวมบทเป็นลูกค้า คุณก็ไม่มีทางจะไปซื้อสินค้าประเภทเดียวกันจากเจ้าอื่น
เมื่อนั้น คุณเองก็ไม่จำเป็นต้องหวาดหวั่นต่อสิ่งใด!
ผมชอบคำกล่าวนี้
What’s a product?
“Broadly, a product is anything that can be offered to a market to satisfy a want or need, including physical goods, services, experiences, events, persons, places, properties, organizations, information, and ideas”
Kotler & Keller, 2015
ผมคิดว่า brand ในมุมมองของผมคือ perception ของผู้บริโภคที่ถูกสร้างขึ้นมาจากสององค์ประกอบคือ
i) “expectation” หรือความคาดหวังของผู้บริโภค
ii) “commitment” หรือความมุ่งมั่นและจุดยืนของผู้ผลิต
นั่นคือ ความชัดเจนของ brand จะขึ้นอยู่กับ ความสอดคล้องสมดุลย์ของทั้ง expectation + commitment ของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค!
ดังนั้นถ้าหากเราสามารถสร้างแบรนด์ที่มีความชัดเจน (What do you stand for?) ผู้คนจะสามารถจดจำและทุ่มเทความสนใจให้เราได้ในที่สุด!
5) “What’s your best marketing strategy?”
ผมขอยกกรณีศึกษาของ Gary Vaynerchuk ที่เขากล่าวว่า
”the best marketing strategy = Care”
post นี้ของผมมีรายละเอียดให้ครับ
6) “What’s your customer obsession?”
Jeff Bezos ซึ่งเป็น Amazon founder เข้าใจว่าท่านจบมาทาง วิศวกรรมไฟฟ้า และเคยทำงานใน Wall St มาด้วย และมีชีวิตทางการเงินที่มั่นคงอยู่แล้ว แต่ Jeff ตัดสินใจหันหลังให้ Wall St ในช่วงที่ internet เริ่มก่อกำเนิด
ถ้าจำไม่ผิดเขาเริ่มจากการขายหนังสือก่อน และวันนี้ Amazon ใหญ่ยักษ์จนยากที่จะจินตนาการได้เมื่อย้อนกลับไปมองในยุค 90s ซึ่งเป็น
ยุคตั้งต้น
หัวใจสำคัญของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้มีอยู่ประการหนึ่งที่โดดเด่นมาก นั่นคือ สิ่งที่เรียกว่า Customer Obsession
มีเรื่องเล่าว่าในการประชุมทีมผู้บริหารระดับสูงของ Amazon ที่มี Jeff เป็นประธาน Jeff ขอให้จัดเก้าอี้ตัวหนึ่งวางเอาไว้ในที่ประชุม โดย Jeff บอกว่าให้ที่ประชุมคิดว่าเก้าอี้ตัวนั้นมีลูกค้านั่งฟังอยู่ คือไม่ว่าองค์กรจะเดินไปทางใด ก็จะต้องนึกถึงลูกค้าไว้เสมอ
7) “Who’s your business idol?”
ถึงแม้ผมเองจะไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน แต่ผมมี “business idols” อยู่หลายท่านครับ และแน่นอนครับว่า ทุกท่านเป็น
“self-made” คือสร้างธุรกิจมาด้วยตัวเองตั้งแต่ยังใช้ชีวิตแบบ “ขาดสภาพคล่อง” อยู่! ซึ่งได้แก่
7.1) Barbara Corcoran
7.2) KFC & Mcdonald’s
7.3) John Paul DeJoria
นักธุรกิจท่านนี้เคยเป็นคนไร้บ้าน (homeless) และแทบจะไม่มีเงินเติมน้ำมันรถมาแล้ว ก่อนที่ท่านจะเป็นเจ้าของกิจการมูลค่านับพันล้านเหรียญดอลลาร์ในวันนี้!
8) มุมมองในการพิจารณาเลือกซื้อสินค้าของผม
โฆษณา