1 พ.ย. 2022 เวลา 02:22 • หนังสือ
#140 CWG. 4️⃣ — บทที่ 3️⃣2️⃣ (ตอนที่ 4) : หลังจากสิ่งที่เธอเรียกว่า ความตาย เธอก็แค่กลับไปเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธออีกครั้งเท่านั้นเอง
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : Some people I am very close to feel very certain that such civilizations exist, and call them “star family.”
นีล : คนใกล้ชิดผมบางคนรู้สึกมั่นใจมากว่าอารยธรรมขั้นสูงเหล่านั้นมีอยู่จริง และเรียกพวกเขาว่า “ครอบครัวแห่งดวงดาว”
A : That is an apt description. And members of this family are very happy to know that Highly Evolved Beings from Another Dimension are also offering you assistance, often in a more direct way that eliminates the gap between your planet and others in the physical realm, given that HEBs have overcome the artificial limitations of time and space.
พระเจ้า : นั่นเป็นการใช้คำที่อธิบายถึงพวกเขาได้เหมาะสมยิ่ง และสมาชิกในครอบครัวนี้ก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทราบว่าสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงจากอีกมิติหนึ่งกำลังให้ความช่วยเหลือพวกเธออยู่ บ่อยครั้งที่พวกเขาช่วยขจัดปัญหาที่เกิดจากความไม่เข้าใจกันระหว่างดาวเคราะห์ของเธอและดาวเคราะห์ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆในมิติทางกายภาพเหล่านั้นโดยตรง เนื่องจาก สวส. นั้นอยู่เหนือข้อจำกัดสมมติของเวลาและพื้นที่ว่าง (ห้วงอวกาศ) ได้แล้ว
Now—to get back to the subject at hand--when those of you in the Realm of the Physical disembody, you simply re-identify. I have said to you before that death is merely a process of re-identification.
เอาล่ะ กลับมาที่เรื่องของเรา — เมื่อพวกเธอที่กำลังดำรงอยู่ในมิติทางกายภาพออกจากร่างไป พวกเธอก็แค่กลับสู่อัตลักษณ์หรือตัวตนเดิมของตนเองอีกครั้ง ฉันได้บอกเธอไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า ความตาย ก็เป็นเพียงแค่กระบวนการของการกลับสู่อัตลักษณ์เดิมหรือการจดจำได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตนเองอีกครั้งเท่านั้นเอง★
1
★ โดยแก่นแท้แล้วพวกเราทุกคนคือวิญญาณที่ดำรงอยู่ในสภาวะไร้ร่างอยู่แล้วก่อนมาเกิด —แอดมิน—
.
Q : In other words, during our life on Earth we have actually been living a “case of mistaken identity.”
นีล : หรือพูดอีกอย่างได้ว่า ระหว่างที่เรากำลังมีชีวิตอยู่บนโลก ความจริงแล้วพวกเรากำลังดำรงชีวิตอยู่ด้วย “อัตลักษณ์หรือตัวตนที่ผิดพลาด” เพราะนั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา เราแค่มาสวมบทบาทเป็นตัวตนอื่น
A : Exactly. And after what you call “death” you come alive to Who You Really Are, and you do return to what you’ve called “home”— rejoining, first, with all of your loved ones, then reuniting with The All.
พระเจ้า : ถูกต้องที่สุด และหลังจากสิ่งที่เธอเรียกว่า “ความตาย” เธอก็จะกลับไปเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอเองอีกครั้ง และกลับสู่สิ่งที่เธอเรียกมันว่า “บ้าน” —ซึ่งเป็นการกลับไปรวมตัวหรือพบเจอกับทุกๆคนที่เธอรักก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงกลับไปหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ “สิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้น” อีกที
1
And I mean that you literally reunite. You meld into me, and you have the experience—not just the knowledge or the awareness, but the experience—of our Singleness and Onlyness.
และฉันหมายถึงการกลับไปหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวตามนั้นจริงๆ เธอหลอมรวมเข้ากับฉัน และได้รับประสบการณ์ —ที่ไม่ใช่เป็นแค่การรู้ (ด้วยความคิด) หรือการตระหนักถึงมันได้เท่านั้น แต่เป็นประสบการณ์ — ของการเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา และเราที่มีเพียงหนึ่งเดียว★
★ทั้งหมดทั้งมวลคือมีเพียงเราเท่านั้น มันไม่เคยมีใครอื่นอีก —แอดมิน—
I did describe exactly how this happens in the dialogue that we had which you turned into the book, Home with God.
ฉันได้อธิบายไว้แล้วอย่างชัดเจนว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในการสนทนาของเรา ที่เธอเปลี่ยนมันเป็นหนังสือที่มีชื่อว่า “อยู่บ้านกับพระเจ้า”
.
Q : Yes, and this reminder is very helpful here.
นีล : ใช่ครับ และการย้ำเตือนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราตายไปแล้วอีกครั้งที่นี่ก็ช่วยได้และเป็นประโยชน์อย่างมากเลยล่ะครับ
A : Good. You will remember, then, that it is after the Moment of Mergence with me, after the full experience of our Oneness, that you “unmerge” with me, or emerge, if you please. You are then, in a very real sense, “born again” as your individual soul.
พระเจ้า : ดี เธอจะจำได้ว่า หลังจากช่วงเวลาแห่งการหลอมรวมกับฉัน หลังจากประสบการณ์อันสมบูรณ์ของการเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา ที่เธอ “แยกตัวออก” ไปจากฉัน หรือเธอจะเรียกมันว่า การปรากฏตัว หรือ มีตัวตน ขึ้นมาใหม่อีกครั้งก็ได้ถ้าเธอต้องการ เธอได้ “บังเกิดขึ้นใหม่” ตามความหมายนั้นอย่างแท้จริงในฐานะดวงวิญญาณปัจเจก
.
Q : Why I would leave you? Why would I separate from this perfect union with God if this is what I have been longing for all the time? Please explain this to me again.
นีล : ทำไมผมถึงต้องจากพระองค์ไปด้วยล่ะครับ❓ เหตุใดผมจึงต้องแยกตัวออกจากการหลอมรวมอันสมบูรณ์แบบกับพระเจ้าด้วย ถ้านั่น คือสิ่งที่ผมเฝ้ารอคอยมาโดยตลอด❓ ได้โปรดช่วยอธิบายถึงเรื่องนี้ให้ผมฟังอีกครั้งนะครับ
1
A : What your soul longs for is the expression of your Divinity. Once you know it fully again, once you have re-membered—that is, experienced your Self once again as a member of the Body of God—you will be overcome by a natural yearning to express that.
พระเจ้า : สิ่งที่วิญญาณของเธอนั้นปรารถนาก็คือการได้แสดงออกถึงความเป็นพระเจ้าที่ตัวเธอเป็น เมื่อเธอบรรลุถึงการตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์แบบ (รู้แจ้ง) ได้อีกครั้ง ทันทีที่เธอ “กลับไป-เป็นส่วนหนึ่ง (จดจำทั้งหมดได้)” อีกครั้ง★— นั่นคือ การได้มีประสบการณ์ถึงตัวเธอเองอีกครั้งว่าตนคือภาคส่วนหนึ่งของพระวรกายของพระผู้เป็นเจ้า— เธอจะท่วมท้นไปด้วยความปรารถนาตามธรรมชาติที่จะสำแดงความเป็นพระเจ้าของเธอนั้นออกมา
★re-membered — ตรงนี้เป็นการเล่นคำครับ ถ้าแยกกันก็จะแปลว่า กลับไปเป็นส่วนหนึ่งขององค์รวม แต่พอรวมกันก็จะแปลว่า จำได้,ระลึกได้ —แอดมิน—
This is God’s fundamental desire: To evince Myself. To not merely be aware of Myself, but to express Myself.
เพราะความปรารถนาขั้นมูลฐาน (ที่เป็นรากของความปรารถนาทั้งมวล) ของพระผู้เป็นเจ้านั้นก็คือ : การได้ประจักษ์ชัดถึงในสิ่งที่ตัวเองเป็น ซึ่งเพียงแค่การรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเท่านั้นยังไม่พอ แต่ต้องสำแดงสิ่งที่ตัวเองเป็นนั้นออกไปเพื่อมีประสบการณ์ด้วย
I do this by individuating Myself, so that I may evince and express every single part of me.
ฉันทำสิ่งเหล่านี้ด้วยการแยกตัวเองออกเป็นส่วนๆ เพื่อที่ฉันจะได้ประจักษ์ชัดถึงทุกภาคส่วนของตัวฉันเอง ว่าฉันสามารถเป็นอะไรได้บ้าง
The part of Me that You Are will then be given the choice to either return to the physical life you’ve just left (you would be described as having had a “near death experience”), or move on to the Realm of the Spiritual, then to return to the Realm of the Physical in another moment.
ภาคส่วนหนึ่งของฉันที่เธอเป็น จะได้รับทางเลือกว่าจะกลับไปสู่ชีวิตทางกายภาพที่เธอเพิ่งจากมา (ซึ่งเธอจะได้รับการอธิบายว่าเธอเกิด “ประสบการณ์เฉียดตาย” ในตอนที่เธอกลับมา) หรือเคลื่อนต่อไปสู่โลกวิญญาณ (ระนาบหรือมิติที่จิตวิญญาณดำรงอยู่) ก่อน จากนั้นค่อยกลับไปสู่โลกหรือมิติทางกายภาพอีกทีในชั่วขณะต่อมา
1
All of this happens in the blink of an eye, of course, if you're observing it from within the illusion of sequentiality. In Ultimate Reality it is all happening simultaneously.
 
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยใช้เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา แน่นอนว่า หากเธอมองมันด้วยมุมมองที่อยู่ภายใต้กรอบของภาพลวงตาของความสืบเนื่องต่อกันไปตามลำดับ★ แต่หากมองในมุมของโลกความจริงขั้นสูงสุด (โลกปรมัตถ์) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมกันในขณะเดียวกัน
★เห็นเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไปตามลำดับ —แอดมิน—
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา