5 ธ.ค. 2022 เวลา 03:14 • หนังสือ
#154 CWG. 4️⃣ — บทที่ 3️⃣5️⃣ (ตอนที่ 2) : ความเข้าใจได้เข้ามาแทนที่การให้อภัยในจิตใจของเหล่าคุรุ
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : I don’t understand. I’m just a simple human being here, not a Buddha, not a Christ, not a Lao Tzu or a Mother Mary, a Confucius or a Catherine of Genoa. Not, to place it more contemporarily, a Paramahansa Yogananda or a Mother Meera.
นีล : ไม่เห็นจะเข้าใจเลยครับ ผมก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เล่าจื๊อ ไม่ใช่พระแม่มารีย์ ไม่ใช่ขงจื๊อ หรือ พระแม่แคทเธอรีนแห่งเจนัว เอาบุคคลที่ร่วมยุคร่วมสมัยกว่านั้นหน่อย ผมไม่ใช่ ท่าน ปรมหังสา โยคานันทะ หรือ พระแม่มีร่า นะครับ
I know that at our basis, at our foundation, we are all the same—that I am “cut out of the same cloth” as all of those wonderful others—but I am not demonstrating qualities in my life that evidence this.
ผมรู้ว่าโดยรากฐานของเรา โดยแก่นแท้ของเรา เราทุกคนเหมือนกัน —ว่าผมคือ “ผ้าที่ถูกตัดออกมาจากผืนเดียวกัน” เช่นเดียวกับท่านที่เป็นเลิศเหล่านั้น— แต่ผมไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศแบบพวกท่านเหล่านั้นสักนิดเลยครับ
A : Actually, you are. But we’ll get to that in a minute. Right now, it is perfect that you are not experiencing yourself as doing that. Do you see this? You do see this, don’t you?
พระเจ้า : อันที่จริง เธอได้แสดงความเป็นเลิศแบบพวกท่านเหล่านั้นออกมานะ แต่เดี๋ยวเราค่อยมาพูดถึงเรื่องนั้นกันในอีกไม่กี่นาที มันสมบูรณ์แบบกับเธอแล้วในตอนนี้ (กับสิ่งที่เธอกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้) ที่เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำเช่นนั้นอยู่ เธอรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วใช่ไหม❓ เธอรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว หรือไม่ใช่❓
.
Q : I sometimes have a hard time with even that nice and apparently spiritually accurate idea. I sometimes think that telling myself that it is “perfect” that my progress is so slow in acting like I am awakened to the fact that I am awake is just giving myself a pass; it’s a way of excusing my past and forgiving my present-moment failures.
นีล : บางครั้ง ผมมีช่วงเวลาที่ยากลำบากแม้แต่กับแนวคิดที่ฟังดูดีและดูเหมือนจะถูกต้องทางจิตวิญญาณ บางครั้ง ผมก็คิดว่าการบอกกับตัวเองว่ามัน “สมบูรณ์แบบแล้ว” ที่ผมก้าวหน้าไปได้ช้ามากในการทำตนให้เหมือนกับว่าผมได้ตื่นขึ้นมาพบกับความจริงที่ว่าตัวผมนั้นตื่นอยู่แล้วเป็นเพียงแค่การพูดปลอบใจตัวเอง นี่เป็นวิธีการแก้ตัวในอดีตของผม และเป็นการให้อภัยกับความล้มเหลวในปัจจุบันของผม
A : First of all, there is nothing to forgive—any more than you “forgive” a ten-year-old for not getting her multiplication tables right, or a four-year-old for knocking over the milk at his birthday party. You don’t need to “forgive,” because you understand perfectly how such a thing could happen.
พระเจ้า : อย่างแรกเลยนะ ไม่มีอะไรต้องให้อภัยหรอก— ก็เหมือนกับการที่เธอไม่รู้สึกว่าต้อง “ให้อภัย” เด็กอายุ 10 ขวบที่ท่องสูตรคูณไม่ถูก หรือเด็กอายุ 4 ขวบที่เผลอทำนมหกในงานวันเกิดของเขานั่นแหละ เธอไม่จำเป็นต้อง “ให้อภัย” ใดๆเพราะเธอเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าสิ่งเหล่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้อย่างไร
Understanding replaces forgiveness in the mind of the master.
#ความเข้าใจได้เข้ามาแทนที่การให้อภัยในจิตใจของเหล่าคุรุ
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา