15 ธ.ค. 2022 เวลา 04:55 • หนังสือ
#161 CWG. 4️⃣ — บทส่งท้าย (ตอนที่ 2)
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ 🙏🔸}
So I want to tell you to doubt as well. (I’m sure I don’t have to encourage this.) I want you to be clear that one of the most important messages of the Conversations with God dialogues is not to believe them.
ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณจงสงสัยเช่นกัน (ผมแน่ใจว่าผมไม่ต้องคะยั้นคะยอในเรื่องนี้) ผมต้องการให้คุณเข้าใจชัดว่า #หนึ่งในข้อความที่สำคัญที่สุดของการสนทนากับพระเจ้า ก็คือ #การไม่เชื่อพระองค์
Indeed, in the very first book of the nine texts we hear this in the voice of God :
จริงๆแล้ว ในหนังสือเล่มแรกของซีรีย์หนังสือสนทนากับพระเจ้า เราได้ยินสิ่งนี้ในพระสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้า :
“Believe nothing I say. Simply live it. Experience it. Then live whatever other paradigm you want to construct. Afterward, look to your experience to find your truth.”
✴️ “จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด เพียงแค่ลองใช้ชีวิตตามนั้นดู ลองสัมผัสและมีประสบการณ์ถึงมันดู จากนั้นจงใช้ชีวิตไปตามกระบวนทัศน์ใดๆก็ตามที่เธอต้องการสร้างมันขึ้นมา หลังจากนั้นจงมองเข้าไปในประสบการณ์ของเธอเพื่อค้นหาความจริงของเธอเอง” ✴️
We do well to remain our own authority in all matters regarding the Self and the Soul. No one can tell us what is true for us, and no one should try.
เราควรที่จะรักษาสิทธิอำนาจของเราในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวตนและจิตวิญญาณของเรา ไม่มีใครบอกเราได้ว่าอะไรคือความจริงสำหรับเรา และไม่มีใครควรทำอะไรแบบนั้นด้วย★
★ความจริงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และมุมมองที่มีต่อโลก ชีวิต และจักรวาล ที่คนๆนั้นมี วิถีแห่งการเดินทางทางจิตวิญญาณของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน เราจึงต้องค้นหาวิถีที่เป็นของตัวเราเองให้พบ ด้วยการลองหลายๆอย่างนั่นแหละ
แต่หากถามว่าเลียนแบบคนอื่นได้ไหม? เช่น ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่เราเคารพนับถือเป็นต้น ก็ต้องตอบว่าลองดูได้ แต่เราก็ต้องสังเกตตัวเองด้วย ว่าวิถีเหล่านั้นมันเหมาะกับเราไหม เพราะหากไม่เหมาะเราจะรู้ตัวเองได้อย่างชัดเจน ที่มันไม่ไปถึงไหน หรือทำตามแล้วรู้สึกไม่เบิกบาน ไม่มีความสุข ก็เพราะมันไม่เหมาะกับเรานั่นแหละ เราถึงต้องลองมีประสบการณ์หลาย ๆ อย่างดู จากนั้นก็ตกผลึกประสบการณ์เหล่านั้นออกมาเป็นวิถีของตนเอง —แอดมิน—
That said, I became very clear on what is true for me when I read the recommendations and the suggestions on how I might live my own life found in the CWG dialogue, and I couldn’t help but think: “I wish someone had told me these things fifty years ago. I can’t imagine a better way to live.”
คำกล่าวที่ว่า ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่าอะไรคือความจริงสำหรับผมเมื่อผมได้อ่านคำแนะนำและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับวิธีที่ผมจะใช้ชีวิตของตัวเองที่พบในบทสนทนาของ CWG : แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า : “ผมนึกไม่ออกว่าวิถีชีวิตที่ดีกว่าที่ CWG แนะนำนั้นเป็นอย่างไร ผมจึงหวังว่าจะมีใครสักคนบอกผมถึงสิ่งเหล่านี้เมื่อห้าสิบปีก่อน”
Yet I am very much aware that not everyone will agree. Not everyone will resonate with what has been written here. Some may consider it bizarre and outlandish; others will say it is far worse than that, labeling it blasphemous and heretical. I want you to know that I sincerely respect and honor their point of view—and all points of view sincerely arrived at, honestly held, and expressed without violence.
ถึงกระนั้นผมก็ตระหนักดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วย ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกสอดคล้องกับสิ่งที่เขียนที่นี่ บางคนอาจคิดว่ามันแปลกประหลาดและบ้าบอมากๆ; คนอื่นๆจะบอกว่ามันแย่กว่านั้นมาก โดยระบุว่านี่เป็นการดูหมิ่นศาสนาและนอกรีต ผมต้องการให้คุณรู้ว่าผมเคารพและให้เกียรติในมุมมองของพวกเขาอย่างจริงใจ —และในทุกมุมมองที่ได้รับมาด้วยความจริงใจ (ไม่ได้ถูกล้างสมองหรือบังคับให้เชื่อ) ยึดถืออย่างจริงใจ (ไม่มีวาระหรือผลประโยชน์ซ่อนเร้น) และแสดงออกโดยไม่ใช้ความรุนแรง
This is a powerful subject we are talking about here, and it is good to proceed with care. All of it is wrapped up in our relationship with The Divine—indeed, in the question of whether there even is a “God.” And that is not a small matter.
เรื่องที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ที่นี่เป็นหัวข้อที่ทรงพลัง ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดนี้ถูกห่อหุ้มด้วยความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเรากับพระเจ้า และกับข้อกังขาที่ว่ามี “พระเจ้า” อยู่จริงหรือไม่ และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย มันจึงเป็นการดีกว่าที่จะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
Our understanding of all of this is significant because most human beings need and seek and sooner or later deeply yearn to find some kind of meaning in life. Without that meaning, without some purpose for it all, many of us soon find ourselves simply trudging along with that heaviness of heart I spoke of earlier.
ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้มีความสำคัญมาก เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มีความต้องการและเสาะแสวงหา ซึ่งในไม่ช้าก็เร็วก็จะเกิดความโหยหาอย่างสุดซึ้งในการค้นหาความหมายบางอย่างในชีวิต หากปราศจากความหมายนั้น หากปราศจากจุดประสงค์บางอย่างสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ในไม่ช้า พวกเราหลายคนก็จะพบว่าตัวเองเดินย่ำไปพร้อมกับความหนักอึ้งของหัวใจที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา