Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
What?
•
ติดตาม
1 มี.ค. 2023 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
กว่าจะเป็น “สิงคโปร์” ในวันนี้ ต้องผ่านบททดสอบอะไรมาบ้าง?
สรุปมาจาก จุดเริ่มต้นของสิงคโปร์ ก่อนก้าวสู่ ‘ประเทศพัฒนาแล้ว’ | 8 Minute History EP.132
สหรัฐใช้เวลาเป็น “ศตวรรษ” กว่าจะก้าวเป็นมหาอำนาจ หลังได้เอกราชจากอังกฤษ
แต่สิงคโปร์ ใช้เวลาไม่กี่ “ทศวรรษ” ก้าวจากประเทศโลกที่ 3 เป็นประเทศพัฒนาแล้ว
ประเทศที่ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย นอกจากทรัพยากรบุคคล
มีขนาดไม่ถึงครึ่งของกรุงเทพฯ 733 ตารางกิโลเมตร
ก่อนอื่นมาดูประวัติของสิงคโปร์ ซึ่งเป็น เกาะเล็กๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในปี 1819 อังกฤษเข้ามาเจรจาขอใช้พื้นที่ เป็นส่วนหนึ่งในการตั้งฐานทัพเรือของ British Empire
พอช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เจอญี่ปุ่นรุกราน แต่ตอนหลังสัมพันธมิตรก็ทวงคืนกลับมา ก่อนจะให้เอกราชในปี 1959
ช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด สิงคโปร์ก็เหมือนอีกหลายประเทศทั่วไป อยู่ในทางแยกว่า ประเทศจะไปทางไหน อุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไร เพราะโลกกำลังเข้าสู่ยุคสงครามเย็น
ในช่วงเวลานั้น สิงคโปร์ได้เกิดกลุ่มที่ชื่อว่า กิจประชาคม (People's Action)
ต่อมายกระดับเป็นพรรคการเมือง ในปี 1954 เรียกว่า The People’s Action Party (P.A.P) และมีบทบาทหลักในการพัฒนาสิงคโปร์ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้
The People’s Action Party (P.A.P) คือใคร?
เป็นการรวมตัวของสื่อมวลชน สหภาพแรงงาน ทนายและนักขับเคลื่อนทางการเมือง รวมถึงลีกวนยู (Harry Lee) ซึ่งเป็นบิดาของสิงคโปร์
ในตอนนั้นกลุ่มต่างๆ ในสิงคโปร์ ไม่ได้มีความเห็นเป็นเอกภาพ ถึงทิศทางของประเทศหลังอังกฤษให้เอกราช
บางกลุ่มเน้นเรื่องสิทธิแรงงาน ความเท่าเทียม บางกลุ่มเน้นเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นเสรี
แต่พอปี 1959 อังกฤษมอบเอกราชคืนแก่สิงคโปร์ โดยยังคงฐานทัพเรือไว้ ซึ่งส่งผลดีในเชิงเศรษฐกิจ
เพราะมูลค่าเศรษฐกิจจากการมีฐานทัพเรือ คิดเป็น 20%ของ GDP สิงคโปร์เวลานั้น ทำให้เกิดการจ้างงาน อีก 70,000 คน
ในเวลานั้น แนวทางการบริหารของลีกวนยู คือ จะเดินหน้าประเทศหลังได้รับเอกราช ซึ่งยังไม่สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งอย่างไรต่อ
เลยมองว่าการไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสหพันธรัฐมลายู (มาเลเซีย) ด้วยการเป็นรัฐที่ 14 ของมาเลเซีย น่าจะเป็นวิธิการที่ดีที่สุด
ลีกวนยู จึงไปเจรจาโน้มน้าว ให้มาเลเซียรับสิงคโปร์เป็นรัฐใหม่
ใช้วิธีการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ด้วยการเดินทางไปลงพื้นที่ที่มาเลเซีย
แถมยังซื้อใจ ด้วยการไปเรียนภาษามาเลย์ ทั้งที่เป็นคนจีน โตมากับการพูดภาษาจีนและอังกฤษ
ในฝั่งมาเลเซีย ซึ่งได้รับเอกราชจากอังกฤษก่อนสิงคโปร์ 2 ปี คือ ในปี 1957
ในเวลานั้นมีพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย คือ พรรค UMNO
ผู้นำ คือ Tunko Abdul Rahman ตัดสินใจให้สิงคโปร์เข้าร่วมเป็นอีก 1 รัฐในปี 1963
สำหรับลีกวนยู เขามองว่า นี่เป็นก้าวแห่งความสำเร็จของการที่ได้พาเกาะบ้านเกิดไปสู่หลังพิงที่มั่นคง
แต่เส้นทางนี้ไม่ง่าย เพราะฝ่ายการเมืองของมาเลเซีย มองว่า P.A.P เป็นพรรคที่มีคนจีนเป็นหลัก ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมือง
ถ้ามีคนสิงคโปร์ เข้าสู่มาแวดวงการเมืองมาเลเซีย คงจะแข่งบารมีกับพรรค UMNO และอาจจะมีการขยายอิทธิพลจากเกาะสิงคโปร์ไปสู่แหลมมลายู ซึ่งมีคนจึนเป็นคนกลุ่มน้อยอยู่
ในด้านสังคมของมาเลเซียเวลานั้น ชาวมาเลย์ ก็เชื่อว่าตัวเองต้องได้สิทธิ์เหนือกว่าคนจีน
เพราะฉะนั้น จากที่ดูเหมือนเส้นทางการเป็นรัฐใหม่ของมาเลเซียจะง่ายๆ
แต่เป็นจุดที่ทำให้ภาพความขัดแย้งระหว่างชาวมาเลย์กับชาวจีนที่ชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อถูกซ้ำเติมด้วยความขัดแย้งระหว่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย จนนำมาซึ่งเหตุการณ์รุนแรง
ที่รุนแรงสุด คือ เหตุระเบิดที่ แมคโดนัลด์ เฮาส์ บนถนนออชาร์ด ตาย 3 เจ็บ 33 คน ซึ่งยิ่งตอกย้ำภาพความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติจีนและมาเลย์อย่างรุนแรง
ที่สุด หลังการรวมตัวได้ 2 ปี 5 เดือนหลังจากการระเบิดที่แมคโดนัลด์ เฮาส์ ในปี 1965 สิงคโปร์ถูกปลดออกจากสหพันธรัฐมลายู หรือมาเลเซีย เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง
สิงคโปร์ จึงกลายเป็นรัฐอิสระอีกครั้ง
ในตอนนี้ สิงคโปร์มีประชากรแค่ 2 ล้านคน แถมยังเป็นเกาะที่ยากจน ประชากร ทรัพยากรจำกัด
นับเป็นความเจ็บปวดของลีกวนยู ระหว่างสัมภาษณ์กับสื่อ เขาถึงกับขอหยุดปาดน้ำตา
แต่จุดนั้น ทำให้สิงคโปร์รู้แล้วว่าต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง โดยที่ไม่มีรัฐใหญ่ให้การสนับสนุน
แต่เส้นทางที่จะก้าวต่อไป ก็ไม่ง่าย
เพราะคนสิงคโปร์เวลานั้น ยากจน ไม่มีบ้านอยู่
ไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนชาติเดียวกัน เพราะสังคมประกอบด้วยหลายชาติพันธุ์ ทั้งจีน ทมิฬ อินเดีย มาเลย์มุสลิม มีหลายศาสนา ความเชื่อ
และไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าสิงคโปร์ คือ อะไร รู้แต่เป็นเกาะเล็ก ๆ ในแหลมมลายู
ในเชิงความมั่นคง ก็ไม่มีกองทัพของตัวเอง เปรียบเหมือนบ้านที่ไม่มีรั้ว
แถมในปี 1968 อังกฤษ ตัดสินใจถอนฐานทัพเรือออกจากสิงคโปร์
ทำให้สิงคโปร์ขาดหลังพิงทางเศรษฐกิจ
แม้ลีกวนยูจะพยายามเจรจาให้อังกฤษไม่ถอนกำลัง ก็ไม่สำเร็จ ทำได้แค่ประวิงเวลาไปอีก 3 ปี จาก 1968 เป็น 1971 และอังกฤษก็ให้เงินชดเชย เพื่อช่วยเหลือสิงคโปร์ 50 ล้านปอนด์ ซึ่งดูเหมือนเยอะ แต่น้อยสำหรับประเทศเกิดใหม่
ความท้าทายที่ถาโถมรอบด้าน แล้วลีกวนยูทำอย่างไร ถึงสร้างประเทศที่ยากจนกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี
ติดตามต่อตอนหน้า
ธุรกิจ
ประวัติศาสตร์
สิงคโปร์
บันทึก
1
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ถอดบทเรียนความรู้ดีๆ จาก 8 Minute history
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย