Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คีตาแห่งสยาม
•
ติดตาม
18 มี.ค. 2023 เวลา 03:44 • หนังสือ
✴️ บทที่ 4️⃣ ศาสตร์สูงสุดแห่งการรู้พระเจ้า ✴️ (ตอนที่ 31)
🍀ยัญ,พิธีบูชาไฟวิญญาณเพื่อเผากรรมให้สิ้น🍀
⚜️ โศลกที่ 2️⃣7️⃣ ⚜️ หน้า 526 – 530
โศลกที่ 2️⃣7️⃣
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ส่วนผู้อื่น (ที่เดินตามวิถีญาณโยคะ) บูชากรรมแห่งอินทรีย์ทั้งหมด และกรรมแห่งลมปราณลงไปในไฟโยคะแห่งปัญญา และการสำรวมใจในตน
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
#โยคีผู้เดินบนเส้นทางแห่งญาณปัญญา (ญาณโยคะ) สร้างภาพอภิสัจจะ — สัมพันธภาพอันไม่อาจแบ่งแยกระหว่างวิญญาณกับบรมวิญญาณไว้ในจิตอย่างแนบแน่น
ญาณโยคีเพ่งจิตไว้ที่จุดระหว่างคิ้ว มีสมาธิมั่นอยู่กับอาตมันภายในเท่านั้น ด้วยการทุ่มเทใจ เดินไปบนเส้นทางแสนยากแห่งการหยั่งรู้ตน ญาณโยคที่แท้ก็จะสามารถทำให้ไฟปัญญาญาณภายในลุกโพลงขึ้นได้ และไฟปัญญาญาณที่สิ่งใด ไม่อาจต้านทานนี้จะดูดดึงกรรมอินทรีย์ทั้งหลาย และกรรมแห่งลมปราณทั้งหลายจากประสาทนำเข้าและประสาทนออก โยนเข้าไปในไฟศักดิ์สิทธิ์นั้น
โศลกนี้พูดถึงการรวมเป็นหนึ่งกับพระเจ้าตามวิธีการของปรัชญาเวทานตะแห่งอินเดีย วิธีการนั้น รวมถึงการฟังญาณธรรมจากคัมภีร์ แล้วภาวนาถึงญาณนั้นจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน — จิตจึงจะไม่ถูกพลังชีวิตและจิตใต้สำนึกอันฟุ้งซ่านฉุดเข้าหาผัสสารมณ์
“การควบคุมตน” กับ “ไฟแห่งการควบคุมตน” ที่โศลกนี้เอ่ยถึงนั้น มีความแตกต่างกันอยู่ การควบคุมตนมักหมายถึงพลังเจตจํานงที่จะสยบผัสสารมณ์บางอย่าง ซึ่งยังมีอำนาจอย่างจำกัด หรืออาจหมายถึงอำนาจการควบคุมตนที่คนทั่ว ๆ ไปมีกัน แต่ “ไฟแห่งการควบคุมตน” นั้นหมายถึงอำนาจวินัยอันไพศาลเลิศล้ำที่อาตมันมีอยู่ ในฐานะภาพสะท้อนที่แท้จริงแห่งบรมวิญญาณ
ผู้เดินไปบนเส้นทางแห่งญาณปัญญา ด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะรวมอัตตาเข้ากับอำนาจอันไร้ขีดจํากัดแห่งอาตมัน ซึ่งถ้าทําได้สําเร็จ เขาย่อมสามารถรวมอาตมันเข้ากับบรมวิญญาณ แล้วเขาจะพบว่าผัสสอินทรีย์ทั้งสิบ (กรรเมนทรีย์ 5 กับ ญาเณนทรีย์ 5) กับพลังชีวิตทั้งห้าจะถูกนำเข้าไปในไฟจักรวาล ทําลายความฟุ้งซ่านทั้งทางกายและผัสสอินทรีย์
.
◾จินตามยปัญญาควบคุมผัสสารมณ์ได้ยาก◾
แต่ญาณโยคะก็ไม่ใช่ทำกันได้ง่าย ๆ ข้อเสียที่หนักหน่วงคือการไม่สนใจวิธีการทางวิทยาศาสตร์ คือเทคนิคโยคะของการไต่ไปตามแนวไขสันหลัง เพื่อตัดจิตจากผัสสารมณ์ ด้วยการถอนจิตจากระบบประสาทและจากพลังชีวิตทั้งปวง ผู้เดินไปบนเส้นทางแห่งญาณปัญญา (ญาณ) มักจะถูกขัดขวางอย่างหนักหนาสาหัสจากผัสสารมณ์และปราณทั้งหลาย ซึ่งโดยธรรมชาตินั้นย่อมไหลไปสู่ปลายประสาทและเชื่อมโยงกับโลกภายนอก
เรื่องราวข้างล่างนี้ อธิบายถึงความยากบนเส้นทางญาณโยคะได้อย่างชัดเจน ชายคนหนึ่งตัดสินใจที่จะไปถึงเป้าหมายปลายทางอย่างหนึ่ง (พระเจ้า) ด้วยการขับรถม้า (กาย) ซึ่งมีม้าพยศ (อินทรีย์) สิบตัวลากไป เพื่อน ๆ (คำเตือนของนักปราชญ์) เตือนว่าชายคนนั้นควรฝึกม้าให้เชื่องเสียก่อน และในระหว่างนั้นเขาก็อาจไปถึงปลายทางได้ถ้าไม่สนใจม้าพยศแล้วเดินเท้าต่อไปอย่างสงบ (ก้าวไปเป็นขั้นเป็นตอนตามวิธีการของโยคะศาสตร์) แต่ชายคนนั้นดื้อรั้นไม่เชื่อฟังคำเตือน เขากับม้าต้องไปถึงพร้อมกัน❗
ผลสุดท้ายของเรื่องเศร้านี้ก็คือ หลังจากปลุกปล้ำกับม้าจนเหนื่อยอ่อน ชายคนนั้นก็นอนบาดแผลเต็มตัวอยู่ข้างถนน ห่างไกลจากเป้าหมายปลายทางที่ตั้งใจจะไปให้ถึง
เราไม่อาจไปถึงพระเจ้าได้ ด้วยวิถีแห่งจินตามยปัญญาเพียงอย่างเดียว คนที่จะทำอย่างนั้นได้ต้องเป็นคนเหนือมนุษย์คนอื่น ๆ ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นอภิมนุษย์ มีแต่คนเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถไปถึงเป้าหมาย “พร้อมกับม้า❗” เส้นทางพิเศษของ ญาณโยคะจึงไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทําได้ — ทําได้ก็แต่คนที่มีญาณปัญญาแข็งแกร่งอย่างซันโดว์ เท่านั้น❗★
★ยูยีน ซันโดว์ (1867-1925) เป็นที่รู้จักในฐานะ “คนแข็งแรงที่สุดในโลก”
ผู้เดินไปบนเส้นทางแห่งญาณปัญญา พยายามภาวนาถึงบรมวิญญาณอันเลิศล้ำ มักถูกมาทั้งสิบแห่งผัสสอินทรีย์ “ฉุด” ไว้ข้างหลัง ทั้งยังถูกจิตใต้สำนึกและกระแสชีวิตที่ไหลผ่านอินทรีย์และประสาททั้งหลายฉุดดึงไปอีกด้วย เขามุ่งหน้า ไปทางหนึ่ง แต่ “ม้า” และ “รถ” ของเขากลับมุ่งหน้าไปอีกทาง
จริงอยู่ที่ญาณโยคีผู้มีความกล้าอย่างมุ่งมั่นอาจทำได้สำเร็จ ด้วยการทำสมาธิแบบตามบุญตามกรรมไปอย่างไร้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เขาเพียงแค่เพ่งจิตอยู่ที่พรหมันหรือพระเจ้า (“ถวายอินทรีย์และชีวิตเป็นเครื่องบูชาไฟแห่งบรมภาวะ”) วิถีแห่งญาณโยคะนั้นไม่เพียงแต่ยากเท่านั้น มันยังเยิ่นเย้ออีกด้วย ทว่ากริยาโยคะนั้นตรงกันข้าม ผู้ปฏิบัติที่ตั้งใจมั่นอาจลุถึงความหลุดพ้นได้อย่างรวดเร็ว
.
◾ศาสตร์การควบคุมตนด้วยกริยาโยคะ◾
ความแตกต่างระหว่าง ‘พิธีไฟญาณ’ (ญาณปัญญา) กับ ‘พิธีไฟกริยาโยคะ’ นั้นอาจอธิบายให้เห็นภาพได้ดังนี้
ผู้ชายสองคน ทำสมาธิอยู่กันคนละห้อง ทั้งสองห้องนั้นมีโทรศัพท์อยู่ด้วย โทรศัพท์ดังขึ้นในห้องทั้งสอง ชายในห้องแรกพูดกับตัวเองอย่างดื้อรั้นในลักษณะคนมีปัญญาว่า “ฉันจะเพ่งจิตทำสมาธิลึกจนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์❗” จริงอยู่ เขาอาจทําสมาธิได้ทั้ง ๆ ที่มีเสียงดังอยู่ แต่เขากำลังทำให้ตัวเองยุ่งยากโดยไม่จําเป็น อาจเปรียบชายคนนี้ได้กับญาณโยคีที่พยายามทําสมาธิถึง พระเจ้า ไม่สนใจรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสที่สื่อมาถึงเขา และไม่สนใจพลังชีวิตที่ดึงเขาออกไปภายนอก
ส่วนชายคนที่สองนั้นไม่ได้หลงตัวว่าเขามีอำนาจพอที่จะตัดความไม่สนใจเสียงโทรศัพท์ที่ดังอย่างน่ารำคาญได้ เขาถอดปลั๊กไฟอย่างรอบคอบเพื่อตัดการสื่อสารทางโทรศัพท์ เปรียบชายคนนี้ได้กับกริยาโยคี เขาป้องกันการวอกแวกที่เกิดจากผัสสอินทรีย์ในขณะทำสมาธิ ด้วยการตัดพลังปราณจากอินทรีย์ หันเหปราณให้ไหลไปสู่จักระสูง ๆ ขึ้นไป
การควบคุมปราณตามเทคนิคกริยาโยคะ โยคีย่อมเข้าถึงภาวะปีติเบิกบานได้อย่างแน่นอน ด้วยการปฏิบัติกริยาอย่างสมบูรณ์ 1,728 ครั้ง ในหนึ่งท่า (อาสนะ) และด้วยการปฏิบัติกริยาทั้งหมด 20,736 กริยา ผู้ภักดีจะเข้าถึงภาวะสมาธิ (เป็น หนึ่งเดียวกับพระเจ้า)
แต่ผู้เริ่มต้นใหม่ ๆ ไม่อาจทํากริยาได้หลาย ๆ ครั้ง เมื่อกายและจิตของกริยาโยคีเตรียมพร้อมแล้วอย่างเพียงพอที่จะรับการปฏิบัติกริยาโยคะสูง ๆ ขึ้นไป คุรุจะแนะนำว่าเขาพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่ประสบการณ์สมาธิ เมื่อจิตและกายของข้าพเจ้าพร้อม คุรุได้มอบสมาธิแก่ข้าพเจ้า ก่อนหน้านั้น ตอนที่จิตวิญญาณของข้าพเจ้ายังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ภาวะนั้น แม้ข้าพเจ้าขอรับสมาธิ แต่มหาโยคีราม โคปาล มูซุมดาร์★ ปฏิเสธทันที
★ราม โคปาล มูซุมดาร์ เป็นศิษย์เอกของท่านลาหิริ มหัสยะ ท่านเป็นที่รู้จักกันด้วยสมญา “โยคีผู้ไม่เคยหลับ” — หมายความว่าจิตท่านตื่นอยู่กับความปีติเบิกบานตลอดเวลา ท่านรับอาหารบำรุงกายเพียงเล็กน้อย ทุกวันท่านใช้เวลาราว ๆ สิบแปดถึงยี่สิบชั่วโมง ปลีกวิเวกอยู่กับการทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง
ท่านปรมหังสา โยคานันทะได้พบกับนักบุญท่านนี้ตอนท่านปรมหังสาจียังเป็นเด็กหนุ่ม เพิ่งจบจาก โรงเรียนมัธยม แต่มีจิตใจใฝ่ที่จะแสวงหาพระเจ้า เมื่อปรมหังสาจีอ้อนวอนขอให้ท่านนักบุญมอบ ประสบการณ์ทิพยสมาธิแก่ท่าน
ท่านราม โคปาลตอบว่า “เด็กเอ๋ย ไม่มีสิ่งใดจะทำให้ฉันยินดียิ่งไปกว่าการได้ถ่ายทอดญาณในการติดต่อกับพระเป็นเจ้าให้แก่เธอ แต่ฉันไม่อยู่ในฐานะจะกระทำเช่นนั้นได้ อาจารย์ของเธอ (สวามีศรียุกเตศวร) จะถ่ายทอดสมาธิญาณให้แก่เธอในเร็ววันนี้ล่ะ เพียงแต่เวลานี้ร่างกายของเธอยังไม่ได้รับการปรับให้พร้อม” และเพียงไม่กี่วันต่อมา ท่านศรียุกเตศวรก็ได้ถ่ายทอดสมาธิอันประเสริฐแก่หนุ่มน้อยผู้นี้
อ่านรายละเอียดเรื่องราวนี้ใน อัตชีวประวัติของโยคี ในบท “โยคีผู้ ไม่เคยหลับ”
{หมายเหตุผู้จัดพิมพ์}
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านสายไฟเส้นเล็ก ๆ ได้แค่จํานวนน้อย แต่ถ้าสายไฟใหญ่ก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าได้หลายแอมแปร์ ทํานองเดียวกัน ร่างกายของคนทั่ว ๆ ไปในระยะแรกที่ฝึกกริยาโยคะ ก็เหมือนสายไฟเส้นเล็กที่จะสามารถรับกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น ก็ด้วยการค่อย ๆ เพิ่มการฝึก กริยาโยคะวันละสองรอบ รอบละ 14 ถึง 24 ครั้ง และหลังจากนั้นก็เพิ่มไปเรื่อย ๆ จาก 12 ถึง 108 ครั้ง (ตามการแนะนำของคุรุ)
กริยาโยคะจะทําให้บุคคลก้าวไปสู่พระเจ้าได้เร็วขึ้น ด้วยการปฏิบัติกริยาโยคะอย่างถูกต้องเป็นขั้นเป็นตอนไป
เมื่อโยคีปฏิบัติกิริยาโยคะหลาย ๆ ปีแล้ว ร่างกายและประสาทของท่านปรับตัวได้ดีแล้ว ท่านสามารถได้ความเกษมเบิกบานภายในได้อย่างง่ายดายและอย่างมากมาย จากกระแสพลังการปฏิบัติ 20,736 กริยา กริยาโยคีที่เชี่ยวชาญ ไม่ได้เพ่งพลังปีติตามจำนวนของกริยา หากแต่เพ่งที่แต่ละกริยา หลังจากที่ข้าพเจ้าปฏิบัติมาแล้วหลายปี และด้วยพรของคุรุและบรมคุรุ ทุกวันนี้เมื่อข้าพเจ้าปฏิบัติกริยาหนึ่งถึงสาม จิตของข้าพเจ้าได้เข้าถึงสมาธิอันประเสริฐ #พระเจ้าผู้เป็นที่รักยิ่งของข้าพเจ้าไม่เคยอยู่ห่างไปเกินกว่าหนึ่งกริยาเลย
ในความเกษมแห่งกริยาโยคะนั้น กายไม่ได้ถูกรับรู้ในฐานะเนื้อหนัง แต่เป็นพลังปราณไฟฟ้า กายจึงตระหนักได้ว่าพลังชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพลังจักรวาล จิตอหังการเปลี่ยนเป็นพรประเสริฐแห่งวิญญาณ วิญญาณกับความเกษมแห่งวิญญาณรวมกับความเกษมแห่งบรมวิญญาณ ในภาวะปีติอันประเสริฐนี้ โยคีรู้ว่ากายเป็นเพียงภาพยนตร์ที่เคลื่อนไหวไปด้วยพลังทิพย์ และนั่นคือความฝันแห่งจิตพระเจ้า และพระองค์หรืออาตมันเป็นส่วนอันนิรันดร์ของจิตที่ฝันนั้น
(((มีต่อ)))
หนังสือ
จิตวิญญาณ
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เล่ม 1 บทที่ 4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย