Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
12 เม.ย. 2023 เวลา 08:36 • หนังสือ
#16 HWG. — บทที่ 🔟 (ส่วนที่ 2)
เธอตายไปพร้อมกับอะไร เธอก็จะมีชีวิตอยู่กับสิ่งนั้นต่อไป
▪️ผู้แปล : แอดมิน
🔸นี่เป็นงานแปลชิ้นที่ 2 ที่ผมตั้งใจแปลมากๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
𝗡 : 𝗪𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝗶𝘁? 𝗪𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗮𝗰𝗲 𝗳𝗶𝗹𝗹𝗲𝗱 𝘄𝗶𝘁𝗵?
N : มันคืออะไรครับ❓ พื้นที่นั้นเต็มไปด้วยอะไร❓
𝗚 : "𝗬𝗼𝘂𝗿 𝗼𝘄𝗻 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻𝘀. 𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗳𝗮𝗰𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻𝘀 𝘄𝗵𝗲𝗿𝗲𝘃𝗲𝗿 𝘆𝗼𝘂 𝗴𝗼, 𝗮𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗻𝗻𝗼𝘁 𝗲𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗺—𝗻𝗼𝗿 𝗱𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝘀𝗵 𝘁𝗼, 𝗯𝗲𝗰𝗮𝘂𝘀𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲𝗱 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻𝘀 𝗶𝗻 𝗼𝗿𝗱𝗲𝗿 𝘁𝗼 𝗿𝗲𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿𝘀𝗲𝗹𝗳.
𝗜𝘁 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗻𝗼𝘁 𝗯𝗲𝗻𝗲𝗳𝗶𝘁 𝘆𝗼𝘂, 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲𝗳𝗼𝗿𝗲, 𝘁𝗼 𝗮𝘁𝘁𝗲𝗺𝗽𝘁 𝘁𝗼 𝘀𝗶𝗱𝗲𝘀𝘁𝗲𝗽 𝘁𝗵𝗲𝗺, 𝗼𝗿 𝘁𝗼 𝗱𝗮𝗻𝗰𝗲 𝗮𝗿𝗼𝘂𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗲𝗺. 𝗗𝗮𝗻𝗰𝗶𝗻𝗴 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝘄𝗮𝘆 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝘃𝗼𝗶𝗱 𝗰𝗮𝗻𝗻𝗼𝘁 𝗯𝗲 𝗱𝗼𝗻𝗲.
G : การสร้างสรรค์ของเธอไง เธอจะต้องเผชิญกับการสร้างสรรค์ของเธอเองในทุกๆที่ที่เธอไป และเธอก็ไม่อาจหลีกหนีจากสิ่งเหล่านั้นได้ —และตัวเธอก็ไม่ปรารถนาที่จะทำแบบนั้นเช่นนั้น เพราะเธอได้สร้างการสร้างสรรค์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ ดังนั้น มันจะไม่เป็นประโยชน์กับเธอ หากเธอพยายามที่จะหลีกหนีการสร้างสรรค์ของตัวเธอเอง หรือเอาแต่เต้น(เคลื่อนที่) อยู่รอบๆแต่ไม่ยอมก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับการสร้างสรรค์ของตัวเอง การร่ายรำ (เคลื่อนที่) ของเธอเพื่อไปสู่ความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยนั้นไม่อาจเป็นไปได้
"𝗟𝗲𝘁 𝗺𝗲 𝗽𝘂𝘁 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗮𝗻𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿 𝘄𝗮𝘆: '𝗔 𝗩𝗼𝗶𝗱 𝗗𝗮𝗻𝗰𝗲 𝗶𝘀 𝗻𝗼𝘁 𝗽𝗼𝘀𝘀𝗶𝗯𝗹𝗲."
หรือพูดอีกอย่างได้ว่า “การร่ายรำ (หรือการสร้างสรรค์) ที่เป็นโมฆะนั้นเป็นไปไม่ได้”★
★ void มีหลายความหมายครับ ; ที่ว่าง, ช่องว่าง, ว่างเปล่า, สูญเปล่า, เป็นโมฆะ, ไร้ประโยชน์, ไม่สำเร็จผล — ตรงนี้จึงอาจหมายความได้อีกว่า ไม่มีการสร้างสรรค์ใดที่เป็นโมฆะหรือเปล่าประโยชน์ หรือ การสร้างสรรค์ (การใช้ชีวิต = การร่ายรำ = การเคลื่อนชีวิตไป ด้วยความคิด คำพูด และการกระทำ) จะสร้างบางสิ่งขึ้นมาเสมอ มันไม่ได้สูญเปล่า หรือหายไปกลายเป็นความว่างเปล่า หรือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมา ดังนั้น การสร้างสรรค์ที่เป็นโมฆะจึงเป็นไปไม่ได้ –ผู้แปล–
𝗡 : 𝗧𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗰𝗹𝗲𝘃𝗲𝗿. 𝗧𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝗮 𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗰𝗹𝗲𝘃𝗲𝗿 𝗽𝗹𝗮𝘆 𝗼𝗻 𝘄𝗼𝗿𝗱𝘀.
N : ปราดเปรื่อง❗ นั่นเป็นการเล่นคำที่ฉลาดมากเลยครับ
𝗚 : "𝗜 𝘂𝘀𝗲 𝘄𝗼𝗿𝗱𝘀 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝘄𝗮𝘆 𝗳𝗿𝗲𝗾𝘂𝗲𝗻𝘁𝗹𝘆, 𝘀𝗼 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗻 𝗲𝗮𝘀𝗶𝗹𝘆 𝗮𝗻𝗱 𝗮𝗹𝘄𝗮𝘆𝘀 𝗿𝗲𝗺𝗲𝗺𝗯𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗲 𝗺𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝘀𝗲𝗲𝗸 𝘁𝗼 𝗰𝗼𝗻𝘃𝗲𝘆."
G : ฉันใช้คำในลักษณะนี้อยู่บ่อยๆ ก็เพื่อให้เธอสามารถจดจำสารที่ฉันต้องการจะสื่อได้อย่างง่ายดายและจำมันได้ตลอดไป
𝗡 : 𝗪𝗲𝗹𝗹, 𝗜 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗮𝗹𝘄𝗮𝘆𝘀 𝗿𝗲𝗺𝗲𝗺𝗯𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗼𝗻𝗲. '𝗔 𝗩𝗼𝗶𝗱 𝗗𝗮𝗻𝗰𝗲 𝗶𝘀 𝗻𝗼𝘁 𝗽𝗼𝘀𝘀𝗶𝗯𝗹𝗲.'
N : ครับ ผมจะจำเรื่องนี้ไว้เสมอ “การร่ายรำ (หรือการสร้างสรรค์) ที่เป็นโมฆะนั้นเป็นไปไม่ได้”
𝗚 : "𝗡𝗼, 𝗯𝗲𝗰𝗮𝘂𝘀𝗲 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗱𝗶𝗲 𝘄𝗶𝘁𝗵, 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗰𝗼𝗻𝘁𝗶𝗻𝘂𝗲 𝘁𝗼 𝗹𝗶𝘃𝗲 𝘄𝗶𝘁𝗵."
G : ถูกแล้ว เนื่องจาก #เธอตายไปพร้อมกับอะไร #เธอก็จะมีชีวิตอยู่กับสิ่งนั้นต่อไป★
★เราตายด้วยสภาวะจิตแบบไหน เราก็จะมีชีวิตอยู่กับสิ่งที่สภาวะจิตแบบนั้นสร้างขึ้นมาต่อไปในโลกหลังความตาย เช่น หากจิตคุ้นเคยกับความชั่วที่ทำอยู่เป็นนิจ (มโน วจี กาย ทุจริต) ตอนมีชีวิตอยู่ พอจิตวิญญาณออกจากร่างไป จิตก็จะคิดถึงสิ่งที่มันคุ้นเคยขึ้นมาทันที และในโลกวิญญาณที่อยู่เหนือกฎของเวลา สิ่งที่คิดก็จะเกิดขึ้นในทันที เช่น คิดว่าโดนไฟเผา (หรือสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ฯลฯ) เราก็จะได้ประสบกับสิ่งนั้นในทันที — ในทางตรงกันข้าม หากจิตคุ้นเคยกับการทำดี เราก็ได้ประสบกับเรื่องดีๆในทันทีที่คิดเช่นกัน
แต่ทั้งหมดทั้งมวล พอเรานึกขึ้นมาได้ว่า อ้าว ทั้งหมดนี่เราเป็นคนคิดขึ้นมาเองนี่หว่า แล้วคิดใหม่ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไปตามที่เราคิดทันที (นรกหรือสวรรค์ตามความเชื่อที่เราเข้าใจมันจึงไม่ได้มีอยู่จริงมาตั้งแต่แรก ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะจิตคิด นั่นเป็นเหตุว่า นรกและสวรรค์ตามความเชื่อในแต่ละศาสนาถึงได้ต่างกัน)
อีกอย่าง ความจริงที่เรารู้ตอนมีชีวิตอยู่จะเป็นตัวแปรสำคัญมากๆ หรือ คนที่คอยมาเฝ้าดูแลคนที่กำลังจะตายก็สำคัญมากเช่นกัน คร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ–ผู้แปล–
1
𝗡 : 𝗧𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝗮 𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗽𝗼𝘄𝗲𝗿𝗳𝘂𝗹 𝘀𝘁𝗮𝘁𝗲𝗺𝗲𝗻𝘁.
N : นั่นเป็นข้อความที่ทรงพลังมากครับ
𝗚 : "𝗜𝘁 𝘄𝗮𝘀 𝗺𝗲𝗮𝗻𝘁 𝘁𝗼 𝗯𝗲."
G : นั่นคือสิ่งที่เป็น
𝗡 : 𝗙𝗼𝗿𝗴𝗶𝘃𝗲 𝗺𝗲 𝗳𝗼𝗿 𝗴𝗼𝗶𝗻𝗴 𝗯𝗮𝗰𝗸 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗶𝘀, 𝗳𝗼𝗿𝗴𝗶𝘃𝗲 𝗺𝗲 𝗳𝗼𝗿 𝘀𝗮𝘆𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗻𝗼𝘄, 𝗿𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗵𝗲𝗿𝗲, 𝗮𝘀 𝘄𝗲 𝗮𝗿𝗲 𝘁𝗮𝗹𝗸𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗯𝗼𝘂𝘁 𝗲𝗻𝗱𝗶𝗻𝗴 𝗼𝗻𝗲'𝘀 𝗼𝘄𝗻 𝗹𝗶𝗳𝗲, 𝗯𝘂𝘁 𝗲𝗮𝗿𝗹𝗶𝗲𝗿 𝘆𝗼𝘂 𝘀𝗮𝗶𝗱 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵 𝘄𝗮𝘀 𝘄𝗼𝗻𝗱𝗲𝗿𝗳𝘂𝗹. 𝗪𝗵𝘆 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱𝗻'𝘁 𝘀𝗼𝗺𝗲𝗼𝗻𝗲 𝘄𝗵𝗼𝘀𝗲 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝘀 𝘁𝗲𝗿𝗿𝗶𝗯𝗹𝗲 𝗱𝗲𝘀𝗶𝗿𝗲 𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵 𝗶𝗳 𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝘀𝗼 𝘄𝗼𝗻𝗱𝗲𝗿𝗳𝘂𝗹?
N : ยกโทษให้ผมด้วยนะครับที่ต้องย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องนั้นอีกครั้ง เพราะเรากำลังพูดถึงเรื่องการจบชีวิตของตัวเองกันอยู่ในตอนนี้ ก่อนหน้านั้นพระองค์บอกว่าความตายเป็นสิ่งที่วิเศษมาก แล้วทำไมคนที่มีชีวิตเลวร้ายถึงไม่ปรารถนาที่จะตายล่ะครับ ถ้าความตายมันวิเศษมากขนาดนั้น❓
𝗚 : "𝗪𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗹𝗹 '𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵' 𝗜𝗦 𝘄𝗼𝗻𝗱𝗲𝗿𝗳𝘂𝗹, 𝗯𝘂𝘁 𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝗻𝗼 𝗺𝗼𝗿𝗲 𝘄𝗼𝗻𝗱𝗲𝗿𝗳𝘂𝗹 𝘁𝗵𝗮𝗻 𝗟𝗜𝗙𝗘. 𝗜𝗻 𝗳𝗮𝗰𝘁, '𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵' 𝗜𝗦 𝗹𝗶𝗳𝗲, 𝘀𝗶𝗺𝗽𝗹𝘆 𝗰𝗼𝗻𝘁𝗶𝗻𝘂𝗶𝗻𝗴 𝗶𝗻 𝗮 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝘁 𝘄𝗮𝘆.
G : สิ่งที่เธอเรียกว่า “ความตาย” นั้นวิเศษมาก แต่มันก็ไม่ได้วิเศษมากไปกว่า “ชีวิต” อันที่จริงแล้ว “ความตาย” ก็คือ “ชีวิต” ที่ดำเนินต่อไปในวิธีที่ต่างไปเท่านั้นเอง
"𝗜 𝘄𝗮𝗻𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗼 𝗯𝗲 𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗰𝗹𝗲𝗮𝗿 𝗵𝗲𝗿𝗲. 𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗲𝗻𝗰𝗼𝘂𝗻𝘁𝗲𝗿 𝘆𝗼𝘂𝗿𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗼𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿 𝘀𝗶𝗱𝗲 𝗼𝗳 𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵, 𝗮𝗻𝗱 𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝘁𝘂𝗳𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗿𝗿𝗶𝗲𝗱 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝘀𝘁𝗶𝗹𝗹 𝗯𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲.
𝗧𝗵𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗱𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗺𝗼𝘀𝘁 𝗶𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴. 𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗴𝗶𝘃𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗮𝗻𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝗻 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗼 𝗱𝗲𝗮𝗹 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗱𝗶𝗱 𝗻𝗼𝘁 𝗱𝗲𝗮𝗹 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗶𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗺𝗼𝘀𝘁 𝗿𝗲𝗰𝗲𝗻𝘁 𝗼𝗻𝗲."
ฉันอยากให้เธอทำความเข้าใจถึงเรื่องของความตายให้ชัดเจน เธอจะได้พบกับตัวเองในอีกด้านหนึ่งของความตาย★ และสิ่งทั้งหมดที่เธอนำติดตัวไปด้วยจะยังคงอยู่ที่นั่น จากนั้นเธอก็จะทำในสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดจนดูเหมือนเป็นเรื่องตลก (ตอนมีชีวิตอยู่เธอพูดอย่าง แต่พอตายไปแล้วเธอกลับทำอีกอย่าง) นั่นคือ เธอจะให้ชีวิตทางกายภาพแก่ตัวเองอีกครั้ง เพื่อจัดการกับสิ่งที่เธอยังไม่ได้จัดการในชีวิตทางกายภาพครั้งล่าสุดของเธอ
★เราจะได้พบกับตัวตนที่สูงส่งกว่าของเรา ที่มีระดับวิวัฒนาการมากกว่าเรา ที่แบ่งตัวเองออกมาเพื่อเข้าสู่โลกทางกายภาพเพื่อมีประสบการณ์ เพื่อที่จะได้วิวัฒน์ตัวเองขึ้นไปอีกระดับ ในโลกหลังความตาย หรือ โลกวิญญาณ ซึ่ง ตัวตนที่สูงส่งกว่าของเรานั้น อาจเป็น สวส. อาจเป็น ชาวดาวสักดาวหนึ่ง เทพ เทวา พระโพธิสัตว์ ฯลฯ (แล้วแต่จะเรียก) แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็แยกออกมาพระผู้สร้างเช่นเดียวกัน ตัวตนที่สูงส่งที่สุดของเรา (ไม่ใช่ขั้นกว่า) ก็คือพระผู้สร้างนั้นแล
–ผู้แปล–
1
𝗡 : 𝗜 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗿𝗲𝘁𝘂𝗿𝗻 𝘁𝗼 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗹𝗶𝗳𝗲? 𝗜 𝗰𝗮𝗻'𝘁 '𝘄𝗼𝗿𝗸 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴𝘀 𝗼𝘂𝘁' 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗻𝗼𝗻𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹, 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺?
N : ผมจะต้องกลับมาใช้ชีวิตทางกายภาพอีกงั้นเหรอ❓ ผมสามารถ “แก้ไขสิ่งต่าง ๆ” ในมิติเหนือกายภาพหรือในโลกวิญญาณโดยที่ไม่ต้องกลับมาได้ไหมครับ❓
𝗚 : "𝗡𝗼, 𝗳𝗼𝗿 𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝘂𝗿𝗽𝗼𝘀𝗲 𝗼𝗳 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝘁𝗼 𝗽𝗿𝗼𝘃𝗶𝗱𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗮 𝗰𝗼𝗻𝘁𝗲𝘅𝘁 𝘄𝗶𝘁𝗵𝗶𝗻 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝗮𝘆 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗵𝗼𝗼𝘀𝗲, 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗺, 𝘁𝗼 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲.
G : ไม่ได้หรอก เพราะชีวิตทางกายภาพมีไว้เพื่อให้เธอสามารถมีสนามหรือพื้นที่ในการมีประสบการณ์ถึงสิ่งที่ตัวเธอเลือกไว้ว่าจะประสบตอนอยู่ในโลกวิญญาณได้★
★มีประสบการณ์มากมายที่ไม่อาจมีได้ตอนอยู่ในโลกวิญญาณ เช่น การให้อภัย ตอนอยู่ในโลกวิญญาณทุกคนงดงาม ดี บริสุทธิ์ กันหมด ไม่มีใครทำร้ายกันและกันไม่ว่าจะในทางใด แล้วเราจะไปให้อภัยใครได้กัน? แล้วประสบการณ์ของการให้อภัย (กับทั้งตัวเองและผู้อื่น) จะเกิดขึ้นได้ยังไง? –ผู้แปล–
"𝗔𝗻𝗱 𝘀𝗼 𝗯𝘆 𝗹𝗲𝗮𝘃𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗲𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲 𝗻𝗼𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴, 𝗯𝘂𝘁 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗷𝘂𝘀𝘁 𝗽𝗹𝗮𝗰𝗲 𝘆𝗼𝘂𝗿𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗿𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗯𝗮𝗰𝗸 𝗶𝗻𝘁𝗼 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗹𝗶𝗳𝗲, 𝗮𝗻𝗱 𝗶𝗻𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗶𝘁𝘂𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗲𝗿𝗲 𝘀𝗲𝗲𝗸𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗲𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲...𝗲𝘅𝗰𝗲𝗽𝘁 𝗻𝗼𝘄 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗯𝗲 𝗯𝗮𝗰𝗸 𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲 𝗯𝗲𝗴𝗶𝗻𝗻𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻.
ดังนั้น การละทิ้งชีวิตทางกายภาพ จึงไม่ได้ทำให้เธอหลบหนีจากอะไรได้เลย เพราะเธอจะทำให้ตัวเองกลับเข้าสู่ชีวิตทางกายภาพในทันที และจะเข้าสู่สถานการณ์ที่เธอหาทางหลบหนี★ ...เว้นแต่ว่าคราวนี้เธอจะต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง★★
1
★งั้นตามความเชื่อของชาวพุทธเราว่า การฆ่าตัวตายเพื่อหลบนี้จากประสบการณ์อันเลวร้าย จะต้องกลับมาเกิดเพื่อเจอกับสถานการณ์เดิมอีก 500 ชาติ (ตรงนี้ผมเดาว่า คงเป็นตัวเลขคร่าวๆ เพราะกว่าจะผ่านสถานการณ์อันยากลำบากที่ทำให้เราตัดสินใจฆ่าตัวตายนั้นไปได้ คงต้องใช้เวลานานพอสมควร) ก็พอจะมีความจริงซ่อนอยู่ในนั้นบ้างสินะ 🤔😄
1
★★จนกว่าจะโตไปจนถึงช่วงเวลาที่เราจะได้พบกับสถานการณ์ที่ทำให้เราตัดสินใจฆ่าตัวตายนั้นอีกที –ผู้แปล–
1
"𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗻𝗼𝘁 𝘀𝗲𝗲 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗮𝘀 𝗮 '𝗽𝘂𝗻𝗶𝘀𝗵𝗺𝗲𝗻𝘁' 𝗼𝗿 𝗮 '𝗿𝗲𝗾𝘂𝗶𝗿𝗲𝗺𝗲𝗻𝘁' 𝗼𝗿 𝗮 '𝗯𝘂𝗿𝗱𝗲𝗻,' 𝗯𝗲𝗰𝗮𝘂𝘀𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗱𝗼 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗮𝗹𝗹 𝗼𝗳 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗼𝘄𝗻 𝗳𝗿𝗲𝗲 𝘄𝗶𝗹𝗹, 𝘂𝗻𝗱𝗲𝗿𝘀𝘁𝗮𝗻𝗱𝗶𝗻𝗴 𝗶𝘁 𝘁𝗼 𝗯𝗲 𝗽𝗮𝗿𝘁 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗿𝗼𝗰𝗲𝘀𝘀 𝗼𝗳 𝘀𝗲𝗹𝗳𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻, 𝗳𝗼𝗿 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘆𝗼𝘂 𝗲𝘅𝗶𝘀𝘁."
เธอจะไม่เห็นว่าการกลับเข้าสู่ชีวิตทางกายภาพอีกครั้งนี้เป็น “การลงโทษ” หรือ “ข้อบังคับ” หรือ “ภาระ” เพราะเธอจะทำสิ่งนี้ด้วย เจตจำนงเสรีของเธอเอง โดยเข้าใจว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสรรค์ตนเอง ซึ่งนั่นคือความหมายของการมีอยู่ของเธอ★
★พระเจ้าสร้างสรรพชีวิตทั้งมวลขึ้นมาก็เพื่อมีประสบการณ์ถึงสิ่งตัวเองเป็น ว่าตัวเองสามารถเป็นอะไรได้บ้าง ด้วยการนั้น เราที่เป็นภาคส่วนหนึ่งของพระเจ้าถึงได้สร้างความเป็นเรา (สิ่งที่เราเป็น ตัวตนของเรา) ขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา –ผู้แปล–
𝗡 : 𝗦𝗼 𝘄𝗲 𝗺𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗮𝘀 𝘄𝗲𝗹𝗹 𝗱𝗲𝗮𝗹 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘄𝗵𝗮𝘁𝗲𝘃𝗲𝗿 𝘄𝗲 𝗮𝗿𝗲 𝗱𝗲𝗮𝗹𝗶𝗻𝗴 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗿𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗻𝗼𝘄.
N : ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องจัดการกับอะไรก็ตามที่เรากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ให้ได้
𝗚 : "𝗜𝗻𝗱𝗲𝗲𝗱, 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝘀 𝗳𝗼𝗿.
G : แน่นอน เพราะนั่นคือจุดประสงค์ของการมีชีวิต (ประสบการณ์คือสิ่งที่ชีวิตต้องการ)
"𝗪𝗵𝗲𝗻 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝘀 𝘂𝘀𝗲𝗱 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘄𝗮𝘆, 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗱𝗶𝗲 𝘄𝗵𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝗿𝗲𝗮𝗱𝘆 𝘁𝗼 𝘂𝘀𝗲 𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵 𝗮𝘀 𝗮 𝘁𝗼𝗼𝗹 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗼 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲 𝗮 𝗻𝗲𝘄 𝗮𝗻𝗱 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝘁 𝗹𝗶𝗳𝗲. 𝗦𝘂𝗶𝗰𝗶𝗱𝗲 𝗶𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝘂𝘀𝗲 𝗼𝗳 𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵 𝘁𝗼 𝗲𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲, 𝗯𝘂𝘁 𝗶𝘁 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗮𝗺𝗲 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗮𝗹𝗹 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻, 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗮𝗺𝗲 𝗰𝗵𝗮𝗹𝗹𝗲𝗻𝗴𝗲𝘀 𝗮𝗻𝗱 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲𝘀."
เมื่อชีวิตถูกใช้ในลักษณะนั้น เธอจะตายเมื่อเธอพร้อมที่จะใช้ความตายเป็นเครื่องมือในการสร้างชีวิตใหม่ที่ต่างออกไป การฆ่าตัวตายคือการใช้ความตายเพื่อการหลบหนี ซึ่งมันจะสร้างชีวิตในรูปแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยความท้าทายและประสบการณ์ที่ไม่ต่างออกไปจากเดิม
𝗡 : 𝗜'𝘃𝗲 𝗻𝗲𝘃𝗲𝗿 𝗵𝗲𝗮𝗿𝗱 𝗶𝘁 𝗽𝘂𝘁 𝗾𝘂𝗶𝘁𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘄𝗮𝘆. 𝗧𝗵𝗮𝘁 𝘀𝗮𝘆𝘀 𝗮 𝗹𝗼𝘁.
N : ผมไม่เคยได้ยินเรื่องการฆ่าตัวตายในทำนองนี้มาก่อนเลย ซึ่งมันอธิบายอะไรได้หลายอย่างเลยครับ
𝗚 : "𝗬𝗲𝘀.
G : แน่นอน
"𝗦𝗼, 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝗮𝘆 𝘂𝘀𝗲 𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵 𝗮𝘀 𝗮 𝘁𝗼𝗼𝗹 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗼 𝗲𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲, 𝗼𝗿 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗼 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲. 𝗧𝗵𝗲 𝗳𝗶𝗿𝘀𝘁 𝗶𝘀 𝗶𝗺𝗽𝗼𝘀𝘀𝗶𝗯𝗹𝗲, 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗲𝗰𝗼𝗻𝗱 𝗶𝘀 𝗶𝗻𝗰𝗿𝗲𝗱𝗶𝗯𝗹𝗲."
ด้วยเหตุนั้น เธออาจใช้ความตายเป็นเครื่องมือในการหลบหนีหรือเพื่อการสร้างสรรค์ก็ได้ ข้อแรกนั้นเป็นไปไม่ได้ ส่วนข้อที่สองเป็นเรื่องที่เจ๋งสุดๆ
𝗡 : 𝗕𝘂𝘁 𝗶𝘀𝗻'𝘁 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗮 𝗯𝗶𝘁 𝗼𝗳 𝗷𝘂𝗱𝗴𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗮𝘁? 𝗗𝗼𝗲𝘀𝗻'𝘁 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘀𝗲𝗲𝗺 𝘁𝗼 𝗺𝗮𝗸𝗲 𝘀𝘂𝗶𝗰𝗶𝗱𝗲 '𝘄𝗿𝗼𝗻𝗴"? 𝗜 𝗺𝗲𝗮𝗻, 𝗜 𝘁𝗵𝗼𝘂𝗴𝗵𝘁 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗚𝗼𝗱 𝗵𝗮𝗱 𝗻𝗼 𝗷𝘂𝗱𝗴𝗺𝗲𝗻𝘁𝘀.
N : แต่นั่นไม่ได้เป็นการตัดสินเรื่องการฆ่าตัวตาเหรอครับ❓ พระองค์พูดเหมือนกับว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็นเรื่องที่ “ผิด” ผมหมายถึงว่า พระเจ้าไม่ตัดสินในเรื่องใดๆไม่ใช่หรือครับ❓
𝗚 : "𝗧𝗵𝗲𝗿𝗲'𝘀 𝗻𝗼𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 '𝘄𝗿𝗼𝗻𝗴' 𝗼𝗿 '𝗯𝗮𝗱 𝗮𝗯𝗼𝘂𝘁 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗮𝗺𝗲 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗰𝗵𝗮𝗹𝗹𝗲𝗻𝗴𝗲𝘀 𝗮𝗻𝗱 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲𝘀 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻. 𝗜𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝘀𝗵 𝘁𝗼 𝗳𝗮𝗰𝗲 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝗮𝗺𝗲 𝗰𝗵𝗮𝗹𝗹𝗲𝗻𝗴𝗲𝘀 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗮𝗻𝗱 𝗼𝘃𝗲𝗿, 𝗴𝗼 𝗮𝗵𝗲𝗮𝗱 𝗮𝗻𝗱 𝗱𝗼 𝗶𝘁. 𝗜𝗻 𝘁𝗵𝗶𝘀, 𝗮𝘀 𝗶𝗻 𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴𝘀, 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝗮𝘆 𝗱𝗼 𝗮𝘀 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝘀𝗵.
G : ไม่มีอะไรที่ “ผิด” หรือ “ไม่ดี” เกี่ยวกับการสร้างความท้าทายและประสบการณ์ชีวิตแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง หากเธอต้องการเผชิญกับความท้าทายเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ลงมือทำไปได้เลย ในเรื่องนี้ ก็เหมือนกันกับในทุกเรื่อง ที่เธอสามารถทำทุกอย่างได้ตามที่เธอปรารถนา
"𝗜𝘁 𝗶𝘀 𝘀𝗶𝗺𝗽𝗹𝘆 𝗶𝗺𝗽𝗼𝗿𝘁𝗮𝗻𝘁 𝘁𝗼 𝗸𝗻𝗼𝘄, 𝗶𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗸 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝗴𝗼𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗲𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲 𝘁𝗵𝗲𝘀𝗲 𝗰𝗵𝗮𝗹𝗹𝗲𝗻𝗴𝗲𝘀, 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝗻𝗼𝘁. 𝗬𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝗴𝗼𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗳𝗶𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂𝗿𝘀𝗲𝗹𝗳 𝗹𝗼𝗼𝗸𝗶𝗻𝗴 𝘀𝘁𝗿𝗮𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲𝗺 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻. 𝗔𝗻𝗱, 𝗼𝗳 𝗰𝗼𝘂𝗿𝘀𝗲, 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗰𝗮𝗻 𝗴𝗲𝘁 𝗮 𝗯𝗶𝘁 𝗿𝗲𝗽𝗲𝘁𝗶𝘁𝗶𝗼𝘂𝘀.
หากเธอมีความคิดที่จะหลบหนีออกจากความท้าทายเหล่านั้น ขอให้เธอตระหนักไว้ให้จงดีว่า เธอไม่อาจจะหลบหนีจากมันไปได้หรอก เธอจะพบว่าตัวเองได้กลับไปเจอกับความท้าทายแบบเดิมอีกครั้ง และแน่นอนว่าเธออาจจะไม่ได้กลับไปเจอมันแค่ครั้งสองครั้ง (แต่อาจจะต้องเจอกับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า)
"𝗪𝗵𝗮𝘁 𝗺𝗮𝗸𝗲𝘀 𝘀𝗼𝗺𝗲 𝗽𝗲𝗼𝗽𝗹𝗲 𝗳𝗲𝗲𝗹 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝗷𝘂𝘀𝘁 𝗱𝗼𝗻'𝘁 𝘄𝗮𝗻𝘁 𝘁𝗼 𝗳𝗮𝗰𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗶𝗿 𝗽𝗿𝗲𝘀𝗲𝗻𝘁 𝗰𝗵𝗮𝗹𝗹𝗲𝗻𝗴𝗲𝘀 𝗮𝗻𝘆𝗺𝗼𝗿𝗲 𝗶𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝗶𝗱𝗲𝗮 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝘁𝗼 𝗳𝗮𝗰𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗺 𝗮𝗹𝗼𝗻𝗲. 𝗧𝗵𝗶𝘀 𝗶𝘀 𝗮 𝗳𝗮𝗹𝘀𝗲 𝘁𝗵𝗼𝘂𝗴𝗵𝘁, 𝗯𝘂𝘁 𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝗵𝗲𝗹𝗱 𝗯𝘆 𝗺𝗮𝗻𝘆.
สิ่งที่ทำให้บางคนรู้สึกว่าพวกเขาไม่ต้องการเผชิญกับความท้าทายในปัจจุบันอีกต่อไปก็คือ การมีความคิดที่ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายเหล่านั้นเพียงลำพัง นี่เป็นความคิดที่ผิดพลาด (ไม่ตรงกับความเป็นจริง) แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่คิดแบบนี้ (ยึดถือว่านั่นคือเรื่องจริง)
"𝗟𝗼𝗻𝗲𝗹𝗶𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗶𝘀 𝘁𝗵𝗲 𝗯𝗶𝗴𝗴𝗲𝘀𝘁 𝗮𝗳𝗳𝗹𝗶𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱 𝘁𝗼𝗱𝗮𝘆. 𝗘𝗺𝗼𝘁𝗶𝗼𝗻𝗮𝗹, 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹, 𝗮𝗻𝗱 𝘀𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗹𝗼𝗻𝗲𝗹𝗶𝗻𝗲𝘀𝘀—𝘁𝗵𝗲 𝗳𝗲𝗲𝗹𝗶𝗻𝗴 𝗼𝗳 𝗯𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗶𝘀𝗼𝗹𝗮𝘁𝗲𝗱 𝗮𝗻𝗱 𝗶𝗻𝗷𝘂𝗿𝗲𝗱 𝗼𝗿 𝗯𝘂𝗿𝗱𝗲𝗻𝗲𝗱 𝗶𝗻 𝗮 𝘄𝗮𝘆 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗻𝗼 𝗼𝗻𝗲 𝘂𝗻𝗱𝗲𝗿𝘀𝘁𝗮𝗻𝗱𝘀, 𝗮𝗻𝗱 𝗼𝗳 𝗯𝗲𝗶𝗻𝗴 𝘄𝗶𝘁𝗵𝗼𝘂𝘁 𝗿𝗲𝘀𝗼𝘂𝗿𝗰𝗲𝘀--𝗶𝘀 𝗮 𝗳𝗼𝗿𝗺𝘂𝗹𝗮 𝗳𝗼𝗿 𝗵𝗼𝗽𝗲𝗹𝗲𝘀𝘀𝗻𝗲𝘀𝘀.
ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวเป็นความทุกข์ที่ใหญ่หลวงที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน ความโดดเดี่ยวอ้างว้างทางอารมณ์ ทางร่างกาย และทางจิตวิญญาณ —คือความรู้สึกแบ่งแยก รู้สึกว่าตนแยกขาดจากสิ่งอื่นๆหรือคนอื่นๆ รู้สึกทุกข์ใจ หรือรู้สึกว่าตนมีภาระหนักอึ้งในแบบที่ไม่มีใครเข้าใจ มีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกว่าอะไรๆก็มีไม่พอ (เวลา เงิน ความรัก ฯลฯ) —ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสูตรสําเร็จของการมีชีวิตอย่างสิ้นหวัง
"𝗜𝘁 𝗶𝘀 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗳𝗮𝗰𝗲 𝗼𝗳 𝗲𝗻𝗱𝗹𝗲𝘀𝘀 𝗵𝗼𝗽𝗲𝗹𝗲𝘀𝘀𝗻𝗲𝘀𝘀 𝘁𝗵𝗮𝘁, 𝗮𝘁 𝗹𝗮𝘀𝘁, 𝗻𝗼𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 𝘀𝗲𝗲𝗺𝘀 𝘁𝗼 𝗺𝗮𝘁𝘁𝗲𝗿 𝗲𝘅𝗰𝗲𝗽𝘁 𝗲𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲. 𝗬𝗲𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗻𝗻𝗼𝘁 𝗮𝗻𝗱 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗻𝗼𝘁 𝗲𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲, 𝗯𝘂𝘁 𝗺𝗲𝗿𝗲𝗹𝘆 𝗿𝗲𝗽𝗲𝗮𝘁 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗯𝗲𝗴𝗶𝗻𝗻𝗶𝗻𝗴 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝘀𝗲𝗲𝗸𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗮𝘃𝗼𝗶𝗱.
เมื่อต้องเผชิญกับความสิ้นหวังอย่างไม่รู้จบ ในที่สุด อะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อแล้ว นอกไปจากการต้องหลบหนีออกไปจากสถานการณ์เหล่านี้ให้ได้ แม้กระนั้นเธอก็ไม่สามารถและไม่มีวันที่จะหลบหนีจากอะไรได้ ได้แต่เพียงต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ในสิ่งที่เธอพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเท่านั้น
"𝗧𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝘄𝗵𝘆 𝗜 𝗰𝗼𝗺𝗲 𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗻𝗼𝘄 𝘁𝗼 𝘁𝗲𝗹𝗹 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝗻𝗼𝘁 𝘄𝗶𝘁𝗵𝗼𝘂𝘁 𝗿𝗲𝘀𝗼𝘂𝗿𝗰𝗲𝘀, 𝗻𝗼𝗻𝗲 𝗼𝗳 𝘆𝗼𝘂, 𝗮𝗻𝗱 𝗜 𝗮𝘀𝗸 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗼 𝗮𝗻𝗻𝗼𝘂𝗻𝗰𝗲 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝘁𝗼 𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗲 𝘄𝗼𝗿𝗹𝗱. 𝗬𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗯𝘂𝘁 𝘁𝗼 𝗰𝗮𝗹𝗹 𝗼𝗻 𝗺𝗲 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗮𝗯𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗲 𝗸𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗜 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗯𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲. 𝗬𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗯𝘂𝘁 𝘁𝗼 𝗿𝗲𝗮𝗰𝗵 𝗼𝘂𝘁 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗮𝗯𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗲 𝗳𝗮𝗶𝘁𝗵, 𝘁𝗼 𝘀𝗲𝗲 𝗺𝗲 𝗿𝗲𝗮𝗰𝗵 𝗯𝗮𝗰𝗸."
นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ในตอนนี้เพื่อบอกกับเธอว่าเธอไม่ได้ขาดสิ่งใด พวกเธอทุกคนไม่ขาดในสิ่งใด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม (ทุกอย่างมีเพียงพอ) และฉันขอให้เธอประกาศเรื่องนี้กับคนทั้งโลก เธอต้องเรียกหาฉันโดยเชื่ออย่างไร้เงื่อนไขว่าฉันจะตอบรับคำเรียกหาของเธอและจะไปอยู่ที่นั่น ณ ที่แห่งนั้นกับเธอเสมอ เธอต้องเอื้อมมือออกไปด้วยการมีศรัทธาอันแน่วแน่เพื่อเห็นว่าฉันได้เอื้อมมือรอเธออยู่ก่อนแล้ว
(มีต่อ)
หนังสือ
จิตวิญญาณ
บันทึก
3
1
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
HOME WITH GOD
3
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย