18 เม.ย. 2023 เวลา 03:14 • หนังสือ

#17 HWG. — บทที่ 🔟 (ส่วนที่ 3)

สิ่งที่พระเจ้าจะพูดกับเธอในห้วงขณะที่เธอกำลังรู้สึกสิ้นหวังและรู้สึกว่าตนอยู่อย่างอ้างว้างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง
▪️ผู้แปล : แอดมิน
🔸นี่เป็นงานแปลชิ้นที่ 2 ที่ผมตั้งใจแปลมากๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
𝗡 : 𝗠𝗮𝘆 𝗜 𝗮𝘀𝗸 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝗺𝗮𝘆 𝘀𝗲𝗲𝗺 𝗹𝗶𝗸𝗲 𝗮 𝘀𝘁𝗿𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁 𝗾𝘂𝗲𝘀𝘁𝗶𝗼𝗻?
N : ผมขอถามอะไรที่อาจฟังดูบาดหูหน่อยได้ไหมครับ❓
𝗚 : "𝗖𝗲𝗿𝘁𝗮𝗶𝗻𝗹𝘆."
G : ได้แน่นอน
𝗡 : 𝗪𝗵𝘆 𝗱𝗼 𝘄𝗲 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝘁𝗼 𝗿𝗲𝗮𝗰𝗵 𝗼𝘂𝘁 𝘁𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝗯𝗲𝗳𝗼𝗿𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗿𝗲𝗮𝗰𝗵 𝗼𝘂𝘁 𝘁𝗼 𝘂𝘀?
𝗜𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗮𝗿𝗲 𝗮𝗻 𝗮𝗹𝗹𝗸𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴 𝗚𝗼𝗱, 𝘁𝗵𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝘂𝘀𝘁 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝘄𝗵𝗲𝗻 𝘄𝗲 𝗻𝗲𝗲𝗱 𝗵𝗲𝗹𝗽. 𝗜𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗮𝗿𝗲 𝗮𝗻 𝗮𝗹𝗹-𝗺𝗲𝗿𝗰𝗶𝗳𝘂𝗹 𝗚𝗼𝗱, 𝘁𝗵𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝘂𝘀𝘁 𝗯𝗲 𝘄𝗶𝗹𝗹𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗼𝗳𝗳𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗵𝗲𝗹𝗽—𝘄𝗶𝘁𝗵𝗼𝘂𝘁 𝗼𝘂𝗿 𝗮𝘀𝗸𝗶𝗻𝗴. 𝗜𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝗮𝗻 𝗮𝗹𝗹𝗹𝗼𝘃𝗶𝗻𝗴 𝗚𝗼𝗱, 𝘄𝗵𝘆 𝗱𝗼𝗻'𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗹𝗼𝘃𝗲 𝘂𝘀 𝗲𝗻𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗼 𝗵𝗲𝗹𝗽 𝘂𝘀 𝘄𝗶𝘁𝗵𝗼𝘂𝘁 𝘂𝘀 𝗵𝗮𝘃𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗯𝗲𝗴 𝘆𝗼𝘂?
N : ทำไมพระองค์ต้องให้เราเป็นฝ่ายเข้าหาพระองค์ก่อนด้วย ทำไมพระองค์ไม่เป็นฝ่ายเข้าหาเราก่อนล่ะครับ❓ ถ้าพระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งจริงๆ พระองค์ก็ต้องรู้ว่าเมื่อใดที่เราต้องการความช่วยเหลือ จากนั้นพระองค์ก็ต้องช่วยเหลือเราเลย—โดยที่ไม่ต้องรอให้เรา “ต้องร้องขอ” พระองค์เสียก่อน หากพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงเมตตาจริงๆ และท้ายที่สุด หากพระองค์เป็นพระเจ้าผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ทำไมพระองค์ถึงไม่รักเรามากพอที่จะช่วยเราเลยโดยที่ไม่ต้องรอให้เราต้องอ้อนวอนขอพระองค์ให้ช่วยเสียก่อนด้วยล่ะครับ❓
𝗔𝗻𝗱 𝘄𝗵𝗶𝗹𝗲 𝘄𝗲'𝗿𝗲 𝗮𝘁 𝗶𝘁, 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝗱𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝘀𝗮𝘆 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗼𝘀𝗲 𝘄𝗵𝗼 𝘄𝗼𝘂𝗹𝗱 𝘁𝗲𝗹𝗹 𝘆𝗼𝘂,
'𝗜 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗰𝗮𝗹𝗹𝗲𝗱 𝗼𝘂𝘁 𝘁𝗼 𝘆𝗼𝘂, 𝗮𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗻𝗼𝘁 𝗯𝗲𝗲𝗻 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲! 𝗗𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗸 𝗜 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗻𝗼𝘁 𝗮𝘀𝗸𝗲𝗱 𝗳𝗼𝗿 𝗚𝗼𝗱'𝘀 𝗵𝗲𝗹𝗽? 𝗙𝗼𝗿 𝗚𝗼𝗱 𝘀𝗮𝗸𝗲, 𝘄𝗵𝘆 𝗱𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗸 𝗜'𝗺 𝘀𝗼 𝗱𝗲𝘀𝗽𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲! 𝗜'𝗺 𝘀𝗼 𝗱𝗲𝘀𝗽𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗯𝗲𝗰𝗮𝘂𝘀𝗲 𝗶𝘁 𝘀𝗲𝗲𝗺𝘀 𝗹𝗶𝗸𝗲 𝗲𝘃𝗲𝗻 𝗚𝗼𝗱 𝗵𝗮𝘀 𝗹𝗲𝘁 𝗺𝗲 𝗱𝗼𝘄𝗻! 𝗜'𝗺 𝘂𝘁𝘁𝗲𝗿𝗹𝘆 𝗱𝗲𝘀𝗲𝗿𝘁𝗲𝗱 𝗵𝗲𝗿𝗲.
𝗔𝗻𝗱 𝗜 𝘄𝗮𝗻𝘁 𝗻𝗼𝗻𝗲 𝗼𝗳 𝗶𝘁 𝗮𝗻𝘆𝗺𝗼𝗿𝗲. 𝗜'𝗺 𝗱𝗼𝗻𝗲. 𝗙𝗶𝗻𝗶𝘀𝗵𝗲𝗱. 𝗧𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵.'
และในขณะที่เรากำลังติดต่อกับพระองค์อยู่นี้ พระองค์จะพูดกับคนที่บอกกับพระองค์เช่นนี้ว่ายังไง❓ “ฉันเรียกหาพระองค์แล้วนะ แต่พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นั่น❗ พระองค์คิดว่าฉันไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์งั้นหรือ❓ พระเจ้า ให้ตายเถอะ พระองค์คิดว่าทำไมฉันถึงได้ดูสิ้นหวังขนาดนี้กันเล่า❗ ก็เพราะพระองค์ไม่ตอบรับการเรียกหาของฉันไงล่ะ❗ ฉันไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้วในชีวิตเพราะดูเหมือนแม้แต่พระเจ้าเองก็ทำให้ฉันผิดหวัง❗ พระเจ้าทอดทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวตามลำพัง
ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันพอแล้ว ให้มันจบๆกันไปเสียที ชีวิตนี้ขอผ่านแล้ว
𝗪𝗵𝗮𝘁 𝗱𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝘀𝗮𝘆 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗽𝗲𝗿𝘀𝗼𝗻, 𝗵𝘂𝗵?
พระองค์จะพูดอะไรกับคนที่พูดแบบนั้นกับพระองค์เหรอครับ หืม❓
𝗚 : "𝗜 𝘀𝗮𝘆...
G : ฉันจะพูดว่า...
𝗜 𝘄𝗮𝗻𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗼 𝗰𝗼𝗻𝘀𝗶𝗱𝗲𝗿 𝗻𝗼𝘄 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗼𝘀𝘀𝗶𝗯𝗶𝗹𝗶𝘁𝘆 𝗼𝗳 𝗮 𝗺𝗶𝗿𝗮𝗰𝗹𝗲. 𝗧𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗶𝘀 𝗮 𝗿𝗲𝗮𝘀𝗼𝗻 𝘄𝗵𝘆 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗻𝗼𝘁 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲𝗱 𝗿𝗲𝗰𝗲𝗶𝘃𝗶𝗻𝗴 𝗮 𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝗺𝗲, 𝗯𝘂𝘁 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗿𝗲𝗮𝘀𝗼𝗻 𝗶𝘀 𝗻𝗼𝘁 𝗶𝗺𝗽𝗼𝗿𝘁𝗮𝗻𝘁 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗺𝗼𝗺𝗲𝗻𝘁.
𝗪𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝗶𝗺𝗽𝗼𝗿𝘁𝗮𝗻𝘁 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗺𝗼𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗶𝘀 𝗳𝗼𝗿 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗼 𝗰𝗼𝗻𝘀𝗶𝗱𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗲 𝗽𝗼𝘀𝘀𝗶𝗯𝗶𝗹𝗶𝘁𝘆 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗻𝗼𝘄, 𝗿𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗻𝗼𝘄 𝗶𝗻 𝗳𝗿𝗼𝗻𝘁 𝗼𝗳 𝘆𝗼𝘂, 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗶𝘀 𝗮𝗻 𝗮𝗻𝘀𝘄𝗲𝗿. 𝗢𝗽𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗲𝘆𝗲𝘀 𝗮𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝘀𝗲𝗲 𝗶𝘁. 𝗢𝗽𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗺𝗶𝗻𝗱 𝗮𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝗶𝘁. 𝗢𝗽𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗵𝗲𝗮𝗿𝘁 𝗮𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗳𝗲𝗲𝗹 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲.
ฉันต้องการให้เธอพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของปาฏิหาริย์ มันมีเหตุผลที่เธอไม่เคยได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการได้รับวิธีแก้ปัญหาจากฉัน แต่เหตุผลนั้นไม่สำคัญในขณะนี้ สิ่งสำคัญในขณะนี้ก็คือการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ตอนนี้คําตอบอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว จงเปิดตาแล้วเธอจะมองเห็น จงเปิดใจแล้วเธอจะรู้ จงเปิดหัวใจแล้วเธอจะรู้สึกได้ว่าฉันอยู่ที่นั่นแล้ว (ในหัวใจของเธอ)
"𝗜 𝘀𝗮𝘆...
ฉันจะพูดว่า...
𝗢𝗻𝗹𝘆 𝗶𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗹𝗹 𝗼𝘂𝘁 𝘁𝗼 𝗺𝗲 𝗶𝗻 𝗮𝗯𝘀𝗼𝗹𝘂𝘁𝗲 𝗸𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝘆𝗼𝘂 𝗯𝗲 𝗮𝘄𝗮𝗿𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗮𝗻𝘀𝘄𝗲𝗿 𝗵𝗮𝘀 𝗯𝗲𝗲𝗻 𝗴𝗶𝘃𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂. 𝗕𝗲𝗰𝗮𝘂𝘀𝗲 𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝗬𝗢𝗨 𝗸𝗻𝗼𝘄, 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝗬𝗢𝗨 𝗳𝗲𝗲𝗹, 𝗮𝗻𝗱 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝗬𝗢𝗨 𝗱𝗲𝗰𝗹𝗮𝗿𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗯𝗲 𝘁𝗿𝘂𝗲 𝗶𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲.
𝗜𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝗰𝗮𝗹𝗹 𝗼𝘂𝘁 𝘁𝗼 𝗺𝗲 𝗶𝗻 𝗵𝗼𝗽𝗲𝗹𝗲𝘀𝘀𝗻𝗲𝘀𝘀. 𝗜 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗯𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲, 𝗯𝘂𝘁 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗱𝗲𝘀𝗽𝗮𝗶𝗿 𝗺𝗮𝘆 𝗯𝗹𝗶𝗻𝗱 𝘆𝗼𝘂, 𝗮𝗻𝗱 𝗯𝗹𝗼𝗰𝗸 𝘆𝗼𝘂 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘀𝗲𝗲𝗶𝗻𝗴 𝗺𝗲.
เฉพาะในกรณีที่เธอเรียกหาฉันด้วยการตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น เธอถึงจะตระหนักได้ว่าเธอได้รับคำตอบจากฉันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะสิ่งที่เธอรู้ สิ่งที่เธอรู้สึก และสิ่งที่เธอประกาศ (ด้วยความคิด คำพูด และการกระทำ) จะกลายเป็นความจริงในประสบการณ์ของเธอ แต่หากเธอเรียกหาฉันด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง ฉันก็ยังจะอยู่ที่นั่นพร้อมด้วยคำตอบ แต่ความสิ้นหวังของเธออาจทำให้เธอตาบอดหูหนวกและปิดกั้นเธอไม่ให้มองเห็นฉันและไม่ได้ยินฉัน
"𝗜 𝘀𝗮𝘆...
ฉันจะพูดว่า...
"𝗡𝗼𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗱𝗼𝗻𝗲 𝗶𝘀 𝘀𝗼 𝗵𝗼𝗿𝗿𝗶𝗯𝗹𝗲, 𝗻𝗼𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗵𝗮𝗱 𝗵𝗮𝗽𝗽𝗲𝗻 𝘁𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝗶𝘀 𝘀𝗼 𝗯𝗲𝘆𝗼𝗻𝗱 𝗿𝗲𝗽𝗮𝗶𝗿, 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘁 𝗰𝗮𝗻𝗻𝗼𝘁 𝗯𝗲 𝗵𝗲𝗮𝗹𝗲𝗱. 𝗜 𝗰𝗮𝗻 𝗮𝗻𝗱 𝘀𝗵𝗮𝗹𝗹 𝗺𝗮𝗸𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝘄𝗵𝗼𝗹𝗲 𝗮𝗴𝗮𝗶𝗻.
ไม่มีสิ่งใดที่เธอเคยทำแล้วเลวร้ายจนเกินจะรับไหว ไม่มีสิ่งใดที่เธอเคยทำให้เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วเลวร้ายจนเกินกว่าที่จะแก้ไขฟื้นฟู ที่มันอาจทำให้ตัวเธอไม่อาจถูกรักษาให้หายดีดังเดิมได้ เพราะฉันสามารถและฉันจะทำให้เธอหายดีเป็นปกติอีกครั้ง
"𝗬𝗲𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝗺𝘂𝘀𝘁 𝘀𝘁𝗼𝗽 𝗷𝘂𝗱𝗴𝗶𝗻𝗴 𝘆𝗼𝘂𝗿𝘀𝗲𝗹𝗳. 𝗧𝗵𝗲 𝗼𝗻𝗲 𝗺𝗮𝗸𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲 𝘀𝘁𝗿𝗼𝗻𝗴𝗲𝘀𝘁 𝗷𝘂𝗱𝗴𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗶𝘀 𝘆𝗼𝘂. 𝗢𝘁𝗵𝗲𝗿𝘀 𝗺𝗮𝘆 𝗷𝘂𝗱𝗴𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗼𝘂𝘁𝘀𝗶𝗱𝗲 𝗹𝗼𝗼𝗸𝗶𝗻𝗴 𝗶𝗻, 𝗯𝘂𝘁 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝗱𝗼 𝗻𝗼𝘁 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝘆𝗼𝘂, 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝗱𝗼 𝗻𝗼𝘁 𝘀𝗲𝗲 𝘆𝗼𝘂, 𝗮𝗻𝗱 𝘀𝗼 𝘁𝗵𝗲𝗶𝗿 𝗷𝘂𝗱𝗴𝗺𝗲𝗻𝘁𝘀 𝗮𝗿𝗲 𝗻𝗼𝘁 𝘃𝗮𝗹𝗶𝗱.
𝗗𝗼 𝗻𝗼𝘁 𝗺𝗮𝗸𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗺 𝘃𝗮𝗹𝗶𝗱 𝗯𝘆 𝘁𝗮𝗸𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲𝗺 𝗼𝗻 𝗮𝘀 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗼𝘄𝗻. 𝗧𝗵𝗲𝘆 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗻𝗼 𝗺𝗲𝗮𝗻𝗶𝗻𝗴.
แต่ทว่าเธอต้องหยุดตัดสินตัวเอง เพราะคนที่ตัดสินตัวเธอได้ดีที่สุดก็คือตัวเธอเอง คนอื่นอาจตัดสินเธอจากภายนอกที่พวกเขามองเข้าไป แต่พวกเขาไม่รู้จักเธอ พวกเขามองไม่เห็นเธอในแบบที่เธอเป็นจริงๆ ดังนั้นการตัดสินของพวกเขาจึงไม่ตรงกับความเป็นจริง จงอย่าทำให้การตัดสินของคนอื่นกลายเป็นความจริงโดยการรับคำเอาการตัดสินนั้นให้เป็นดั่งการตัดสินของตัวเธอเอง★ เพราะคำตัดสินเหล่านั้นไม่มีความหมายอะไรกับเธอ (เพราะมีแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ให้นิยามกับตัวเองได้ว่าตนคือใครและเป็นอะไร)
★เชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอก จนตนเองกลายเป็นแบบนั้นจริงๆ ทั้งๆที่จริงๆแล้วตนเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าตนไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่พอตอกย้ำตนด้วยความคิดที่ว่า เอ...หรือเราจะเป็นแบบที่เค้าบอกจริงๆนะ บ่อยเข้าๆๆๆ ตนเองก็จะกลายเป็นแบบนั้นจริงๆ –ผู้แปล–
𝗗𝗼 𝗻𝗼𝘁 𝘄𝗮𝗶𝘁 𝗳𝗼𝗿 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿𝘀 𝘁𝗼 𝘀𝗲𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝘀 𝘆𝗼𝘂 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗮𝗿𝗲, 𝗳𝗼𝗿 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝘀𝗲𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝘁𝗵𝗲 𝗲𝘆𝗲𝘀 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲𝗶𝗿 𝗼𝘄𝗻 𝗽𝗮𝗶𝗻. 𝗞𝗻𝗼𝘄, 𝗶𝗻𝘀𝘁𝗲𝗮𝗱, 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗜 𝘀𝗲𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗻𝗼𝘄, 𝗶𝗻 𝘄𝗼𝗻𝗱𝗲𝗿 𝗮𝗻𝗱 𝗶𝗻 𝘁𝗿𝘂𝘁𝗵, 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘄𝗵𝗮𝘁 𝗜 𝘀𝗲𝗲 𝗼𝗳 𝘆𝗼𝘂 𝗶𝘀 𝗣𝗲𝗿𝗳𝗲𝗰𝘁.
𝗔𝘀 𝗜 𝗹𝗼𝗼𝗸 𝘂𝗽𝗼𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝗜 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗯𝘂𝘁 𝗼𝗻𝗲 𝘁𝗵𝗼𝘂𝗴𝗵𝘁: "𝗧𝗵𝗶𝘀 𝗶𝘀 𝗺𝘆 𝗯𝗲𝗹𝗼𝘃𝗲𝗱, 𝗶𝗻 𝘄𝗵𝗼𝗺 𝗜 𝗮𝗺 𝘄𝗲𝗹𝗹 𝗽𝗹𝗲𝗮𝘀𝗲𝗱.'
จงอย่าคาดหวังให้คนอื่นเห็นเธอในแบบที่เธอเป็นจริงๆ เพราะพวกเขาเห็นเธอผ่านสายตาแห่งความเจ็บปวด (ประสบการณ์) ของพวกเขาเอง แต่โปรดจงรู้ไว้เถิดว่า ฉันเห็นเธอในแบบที่เธอเป็นจริงๆด้วยความอัศจรรย์ใจอยู่ในตอนนี้ เพราะสิ่งที่ฉันเห็นในตัวเธอนั้นคือความสมบูรณ์แบบ เธอนั้นสมบูรณ์แบบในแบบที่เธอเป็น ในขณะที่ฉันเฝ้ามองเธอ ฉันก็มีเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้นว่า "นี่คือลูกรักของฉัน และฉันก็ภูมิใจในตัวลูกคนนี้มาก"
"𝗜 𝘀𝗮𝘆...
ฉันจะพูดว่า...
𝗙𝗼𝗿𝗴𝗶𝘃𝗲𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗶𝘀 𝗻𝗼𝘁 𝗻𝗲𝗰𝗲𝘀𝘀𝗮𝗿𝘆 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗞𝗶𝗻𝗴𝗱𝗼𝗺 𝗼𝗳 𝗚𝗼𝗱. 𝗚𝗼𝗱 𝗰𝗮𝗻𝗻𝗼𝘁 𝗯𝗲 𝗼𝗳𝗳𝗲𝗻𝗱𝗲𝗱 𝗼𝗿 𝗱𝗮𝗺𝗮𝗴𝗲𝗱 𝗶𝗻 𝗮𝗻𝘆 𝘄𝗮𝘆.
𝗧𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗶𝘀 𝗼𝗻𝗹𝘆 𝗼𝗻𝗲 𝗾𝘂𝗲𝘀𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗼𝗳 𝗶𝗺𝗽𝗼𝗿𝘁𝗮𝗻𝗰𝗲 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗲𝗻𝘁𝗶𝗿𝗲 𝘂𝗻𝗶𝘃𝗲𝗿𝘀𝗲, 𝗮𝗻𝗱 𝗶𝘁 𝗵𝗮𝘀 𝗻𝗼𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝗱𝗼 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘆𝗼𝘂𝗿 g𝘂𝗶𝗹𝘁 𝗼𝗿 𝗶𝗻𝗻𝗼𝗰𝗲𝗻𝗰𝗲. 𝗜𝘁 𝗵𝗮𝘀 𝘁𝗼 𝗱𝗼 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗶𝗱𝗲𝗻𝘁𝗶𝘁𝘆. 𝗗𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝘄𝗵𝗼 𝘆𝗼𝘂 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗹𝘆 𝗮𝗿𝗲?
การให้อภัยนั้นไม่จำเป็นในอาณาจักรของพระเจ้า เพราะพระเจ้าไม่อาจถูกทำให้ขุ่นเคืองหรือถูกทำให้เสียหายได้ไม่ว่าจะในทางใดก็ตาม ในจักรวาลนี้มีเพียงคำถามเดียวเท่านั้นที่สำคัญ และคำถามที่ว่าก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับความรู้สึกผิดหรือความอ่อนประสบการณ์ของเธอ (เวียนว่ายตายเกิดยังไม่มากพอ) แต่มันเกี่ยวข้องกับตัวตนของเธอ เกี่ยวกับสิ่งที่เธอเป็น นั่นก็คือ เธอรู้หรือไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร❓
𝗪𝗵𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝗱𝗼, 𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗼𝘂𝗴𝗵𝘁𝘀 𝗼𝗳 𝗹𝗼𝗻𝗲𝗹𝗶𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗱𝗶𝘀𝗮𝗽𝗽𝗲𝗮𝗿, 𝗮𝗹𝗹 𝗶𝗱𝗲𝗮𝘀 𝗼𝗳 𝘂𝗻𝘄𝗼𝗿𝘁𝗵𝗶𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗲𝘃𝗮𝗽𝗼𝗿𝗮𝘁𝗲, 𝗮𝗹𝗹 𝗰𝗼𝗻𝘁𝗲𝗺𝗽𝗹𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻𝘀 𝗼𝗳 𝗵𝗼𝗽𝗲𝗹𝗲𝘀𝘀𝗻𝗲𝘀𝘀 𝘁𝗿𝗮𝗻𝘀𝗺𝘂𝘁𝗲 𝗶𝗻𝘁𝗼 𝘄𝗼𝗻𝗱𝗿𝗼𝘂𝘀 𝗮𝘄𝗮𝗿𝗲𝗻𝗲𝘀𝘀 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝗺𝗶𝗿𝗮𝗰𝗹𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗹𝗶𝗳𝗲. 𝗔𝗻𝗱 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝗺𝗶𝗿𝗮𝗰𝗹𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝘆𝗼𝘂.
เมื่อเธอรู้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใครความคิดทั้งหมดที่เกี่ยวกับความอ้างว้างโดดเดี่ยวก็จะหายไป แนวคิดทั้งมวลที่เกี่ยวกับความไร้ค่า ไม่มีค่าพอ ไม่คู่ควรพอ จะสลายไป การครุ่นคิดทั้งหมดในเรื่องที่เกี่ยวกับความสิ้นหวังจะแปรเปลี่ยนไปเป็นการตระหนักรู้อันน่าอัศจรรย์ถึงปาฏิหาริย์ที่ซึ่งก็คือการที่เธอกำลังมีชีวิตอยู่ และ “ตัวเธอเอง” ก็คือปาฏิหาริย์นั้น
"𝗔𝗻𝗱 𝗳𝗶𝗻𝗮𝗹𝗹𝘆, 𝗺𝘆 𝗯𝗲𝗹𝗼𝘃𝗲𝗱, 𝗜 𝘀𝗮𝘆...
และสุดท้าย ลูกรักของฉัน ฉันจะพูดว่า...
𝗬𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝘀𝘂𝗿𝗿𝗼𝘂𝗻𝗱𝗲𝗱 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗺𝗼𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗯𝘆 𝗮 𝗵𝘂𝗻𝗱𝗿𝗲𝗱 𝘁𝗵𝗼𝘂𝘀𝗮𝗻𝗱𝘀 𝗮𝗻𝗴𝗲𝗹𝘀. 𝗔𝗰𝗰𝗲𝗽𝘁, 𝗻𝗼𝘄, 𝘁𝗵𝗲𝗶𝗿 𝗺𝗶𝗻𝗶𝘀𝘁𝗿𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻𝘀. 𝗔𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗲𝗻, 𝗽𝗮𝘀𝘀 𝘁𝗵𝗲𝗶𝗿 𝗴𝗶𝗳𝘁𝘀 𝗼𝗻 𝘁𝗼 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿𝘀. 𝗙𝗼𝗿 𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝗶𝗻 𝗴𝗶𝘃𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝘀𝗵𝗮𝗹𝗹 𝗯𝗲 𝗿𝗲𝗰𝗲𝗶𝘃𝗲𝗱, 𝗮𝗻𝗱 𝗶𝘁 𝗶𝘀 𝗶𝗻 𝗵𝗲𝗮𝗹𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘆𝗼𝘂 𝘀𝗵𝗮𝗹𝗹 𝗯𝗲 𝗵𝗲𝗮𝗹𝗲𝗱.
𝗧𝗵𝗲 𝗺𝗶𝗿𝗮𝗰𝗹𝗲 𝗳𝗼𝗿 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗯𝗲𝗲𝗻 𝘄𝗮𝗶𝘁𝗶𝗻𝗴 𝗵𝗮𝘀 𝗯𝗲𝗲𝗻 𝘄𝗮𝗶𝘁𝗶𝗻𝗴 𝗳𝗼𝗿 𝘆𝗼𝘂. 𝗬𝗼𝘂 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗸𝗻𝗼𝘄 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝘄𝗵𝗲𝗻 𝘆𝗼𝘂 𝗯𝗲𝗰𝗼𝗺𝗲 𝘁𝗵𝗲 𝗺𝗶𝗿𝗮𝗰𝗹𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗮𝗻𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿 𝗮𝘄𝗮𝗶𝘁𝘀.
ในเวลานี้เธอถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าทูตสวรรค์จำนวนนับแสน จงยอมรับความช่วยเหลือและการรับใช้ของพวกเขาเดี๋ยวนี้ จากนั้นจงส่งต่อของขวัญที่เธอได้รับจากพวกเขาให้กับผู้อื่นต่อไป เพราะด้วยการให้เท่านั้น เธอจึงจะได้รับ ด้วยการรักษา (ผู้อื่น) เท่านั้น เธอจึงจะหาย ปาฏิหาริย์ที่เธอรอคอยกำลังรอเธออยู่ เธอจะรู้เรื่องนี้ก็ต่อเมื่อเธอได้กลายเป็นปาฏิหาริย์ที่คนอื่นรอคอยนั้นเสียเอง
𝗚𝗼 𝘁𝗵𝗲𝗻 𝗮𝗻𝗱 𝗽𝗲𝗿𝗳𝗼𝗿𝗺 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗺𝗶𝗿𝗮𝗰𝗹𝗲𝘀, 𝗮𝗻𝗱 𝗮𝗹𝗹𝗼𝘄 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵 𝘁𝗼 𝗯𝗲 𝘁𝗵𝗲 𝗺𝗼𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗼𝗳 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗴𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲𝘀𝘁 𝗴𝗹𝗼𝗿𝘆, 𝗻𝗼𝘁 𝗮𝗻 𝗮𝗻𝗻𝗼𝘂𝗻𝗰𝗲𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗼𝗳 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗴𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲𝘀𝘁 𝘀𝗼𝗿𝗿𝗼𝘄. 𝗨𝘀𝗲 𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵 𝗮𝘀 𝗮 𝘁𝗼𝗼𝗹 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗼 𝗰𝗿𝗲𝗮𝘁𝗲, 𝗻𝗼𝘁 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗼 𝗱𝗲𝘀𝘁𝗿𝗼𝘆, 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗼 𝗺𝗼𝘃𝗲 𝗳𝗼𝗿𝘄𝗮𝗿𝗱, 𝗻𝗼𝘁 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝘁𝗼 𝗴𝗼 𝗯𝗮𝗰𝗸.
ไปเถอะ จงออกไปแสดงปาฏิหาริย์ และปล่อยให้ความตายของเธอเป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ใช่เป็นการประกาศถึงความเศร้าโศกอันใหญ่หลวงที่สุด จงใช้ความตายเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์ ไม่ใช่เพื่อทำลาย ใช้มันเพื่อก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อถอยหลัง
𝗜𝗻 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗰𝗵𝗼𝗶𝗰𝗲 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝘆𝗼𝘂 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗵𝗼𝗻𝗼𝗿𝗲𝗱 𝗟𝗶𝗳𝗲 𝗜𝘁𝘀𝗲𝗹𝗳, 𝗮𝗻𝗱 𝗮𝗹𝗹𝗼𝘄𝗲𝗱 𝗟𝗶𝗳𝗲 𝘁𝗼 𝗯𝗿𝗶𝗻𝗴 𝘆𝗼𝘂 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗼𝘄𝗻 𝗴𝗿𝗮𝗻𝗱𝗲𝘀𝘁 𝗱𝗿𝗲𝗮𝗺, 𝗲𝘃𝗲𝗻 𝘄𝗵𝗶𝗹𝗲 𝘆𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝗹𝗶𝘃𝗶𝗻𝗴 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗯𝗼𝗱𝘆: 𝗽𝗲𝗮𝗰𝗲 𝘄𝗶𝘁𝗵𝗶𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝘀𝗼𝘂𝗹 𝗮𝘁 𝗹𝗮𝘀𝘁."
ด้วยการเลือกเช่นนี้ เธอได้ให้ความเคารพและยกย่องสรรเสริญ “การมีชีวิต” และยอมให้ “ชีวิต” นำความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอมาให้กับเธอ แม้ในขณะที่เธอกำลังมีชีวิตอยู่กับร่างกายของเธออยู่ก็ตาม : และในท้ายที่สุดจิตวิญญาณของเธอก็จะได้พบกับความสงบสุข (เมื่อได้รู้ความจริงเหล่านี้)
𝗡 : 𝗧𝗵𝗮𝗻𝗸 𝘆𝗼𝘂. 𝗧𝗵𝗮𝗻𝗸 𝘆𝗼𝘂 𝗳𝗼𝗿 𝘁𝗵𝗼𝘀𝗲 𝘄𝗼𝗿𝗱𝘀.
N : ขอบคุณครับ ขอบคุณสําหรับคําพูดเหล่านั้นนะครับ
𝗜 𝗵𝗼𝗽𝗲 𝗮𝗻𝗱 𝗽𝗿𝗮𝘆 𝘁𝗵𝗲𝘆 𝗺𝗮𝘆 𝗯𝗲 𝗵𝗲𝗮𝗿𝗱 𝗯𝘆 𝗲𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗵𝘂𝗿𝘁𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗲𝗿𝘀𝗼𝗻.
ผมหวังและภาวนาว่าผู้ที่ได้รับความเจ็บปวดทุกคนจะได้ยินคำพูดเหล่านี้
𝗜 𝗻𝗲𝗲𝗱 𝘁𝗼 𝗮𝘀𝗸 𝘆𝗼𝘂 𝗼𝗻𝗲 𝗺𝗼𝗿𝗲 𝗾𝘂𝗲𝘀𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗮𝗯𝗼𝘂𝘁 𝗮𝗹𝗹 𝘁𝗵𝗶𝘀. 𝗪𝗵𝗮𝘁 𝗮𝗯𝗼𝘂𝘁 𝘄𝗵𝗲𝗻 𝗮 𝗽𝗲𝗿𝘀𝗼𝗻 𝗮𝘀𝗸𝘀 𝗮𝗻𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿--𝗮 𝗱𝗼𝗰𝘁𝗼𝗿 𝗼𝗿 𝗮 𝗹𝗼𝘃𝗲𝗱 𝗼𝗻𝗲--𝘁𝗼 𝗮𝘀𝘀𝗶𝘀𝘁 𝘁𝗵𝗲𝗺 𝗶𝗻 𝗯𝗿𝗶𝗻𝗴𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗲𝗶𝗿 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝘁𝗼 𝗮𝗻 𝗲𝗻𝗱?
ทั้งหมดที่พระองค์กล่าวมานี้ทำให้ผมมีอีกหนึ่งคำถามที่ผมจำเป็นต้องถามพระองค์ แล้วสำหรับคนที่ขอให้คนอื่น —เช่น หมอหรือคนรัก— ช่วยจบชีวิตของเขาล่ะครับ❓
𝗚 : "𝗬𝗼𝘂 𝗮𝗿𝗲 𝘀𝗽𝗲𝗮𝗸𝗶𝗻𝗴 𝗼𝗳 𝗲𝘂𝘁𝗵𝗮𝗻𝗮𝘀𝗶𝗮, 𝘄𝗵𝗶𝗰𝗵 𝗶𝘀 𝗾𝘂𝗶𝘁𝗲 𝗮 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝘁 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴.
𝗧𝗵𝗶𝘀 𝗶𝘀 𝘄𝗵𝗲𝗻 𝗮 𝗽𝗲𝗿𝘀𝗼𝗻 𝗿𝗲𝗮𝗹𝗶𝘇𝗲𝗱 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗵𝗲𝗿 𝗼𝗿 𝗵𝗶𝘀 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝘀 𝗮𝗹𝗿𝗲𝗮𝗱𝘆 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗶𝗻 𝗲𝘃𝗲𝗿𝘆 practical 𝘄𝗮𝘆, 𝗮𝗻𝗱 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗶𝘀 𝗻𝗼𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 𝗹𝗲𝗳𝘁 𝘁𝗼 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗲𝘅𝗰𝗲𝗽𝘁 𝘂𝗻𝗿𝗲𝗺𝗶𝘁𝘁𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗽𝗮𝗶𝗻 𝗼𝗿 𝘁𝗼𝘁𝗮𝗹 𝗹𝗼𝘀𝘀 𝗼𝗳 𝗱𝗶𝗴𝗻𝗶𝘁𝘆 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵 𝗽𝗿𝗼𝗰𝗲𝘀𝘀.
G : เธอกำลังพูดถึงเรื่องการุณยฆาต★ ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะแตกต่างออกไป ในขณะที่คนๆหนึ่งตระหนักได้ว่าชีวิตของเขาหรือเธอสิ้นสุดลงแล้วในทุกวิถีทาง และไม่มีอะไรเหลือให้ต้องประสบอีกนอกจากความเจ็บปวดทางร่างกายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หรือรู้สึกสูญเสียศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไปแล้วอย่างสิ้นเชิงในขณะที่ความตายกำลังใกล้เข้ามา
★การฆ่าหรือช่วยให้บุคคลที่ทุกข์ทรมานจากโรคหรืออาการบาดเจ็บที่รักษาไม่หาย ตายอย่างไม่เจ็บปวด (ซึ่งในปัจจุบันยังผิดกฎหมายในเกือบทุกประเทศ) –ผู้แปล–
𝗘𝘂𝘁𝗵𝗮𝗻𝗮𝘀𝗶𝗮 𝗰𝗮𝗻𝗻𝗼𝘁 𝗯𝗲 𝗲𝗾𝘂𝗮𝘁𝗲𝗱 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘀𝘂𝗶𝗰𝗶𝗱𝗲. 𝗣𝗲𝗼𝗽𝗹𝗲 𝘄𝗵𝗼 𝗮𝗿𝗲 𝗰𝗼𝗻𝘁𝗲𝗺𝗽𝗹𝗮𝘁𝗶𝗻𝗴 𝘀𝘂𝗶𝗰𝗶𝗱𝗲 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗺𝗶𝗱𝗱𝗹𝗲 𝗼𝗳 𝗮𝗻 𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿𝘄𝗶𝘀𝗲 𝗮𝗰𝘁𝗶𝘃𝗲 𝗮𝗻𝗱 𝗿𝗲𝗮𝘀𝗼𝗻𝗮𝗯𝗹𝘆 𝗵𝗲𝗮𝗹𝘁𝗵𝘆 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗮𝗿𝗲 𝗺𝗮𝗸𝗶𝗻𝗴 𝗮 𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗽𝗮𝗿𝘁𝗶𝗰𝘂𝗹𝗮𝗿 𝗸𝗶𝗻𝗱 𝗼𝗳 𝗱𝗲𝗰𝗶𝘀𝗶𝗼𝗻.
𝗣𝗲𝗼𝗽𝗹𝗲 𝘄𝗵𝗼 𝗲𝗻𝗱 𝗮 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝗮 𝘃𝗲𝗿𝘆 𝘀𝗵𝗼𝗿𝘁 𝘁𝗶𝗺𝗲 𝗮𝘄𝗮𝘆 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝗲𝗻𝗱𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗻𝘆𝘄𝗮𝘆, 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗲𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗺𝗲𝗱𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗲𝘃𝗶𝗱𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗶𝗻𝗱𝗶𝗰𝗮𝘁𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗵𝗮𝘁, 𝗮𝗿𝗲 𝗺𝗮𝗸𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗻 𝗲𝗻𝘁𝗶𝗿𝗲𝗹𝘆 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝘁 𝗸𝗶𝗻𝗱 𝗼𝗳 𝗱𝗲𝗰𝗶𝘀𝗶𝗼𝗻.
การุณยฆาตไม่สามารถเทียบได้กับการฆ่าตัวตาย คนที่คิดฆ่าตัวตายในขณะที่ยังใช้ชีวิตได้อย่างกระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดีพอสมควรนั้นกำลังตัดสินใจในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงเป็นอย่างมาก แต่คนที่จบชีวิตที่อยู่ห่างจากจุดจบของชีวิตจริงๆ เพียงไม่มาก ด้วยทุกข้อบ่งชี้จากหลักฐานทางการแพทย์นั้น เขาตัดสินใจในรูปแบบที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
𝗧𝗵𝗼𝘀𝗲 𝘄𝗵𝗼 𝘀𝗲𝗲 𝗰𝗹𝗲𝗮𝗿𝗹𝘆 𝗯𝘆 𝗲𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗺𝗲𝗱𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗲𝘃𝗶𝗱𝗲𝗻𝗰𝗲 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝘁𝗵𝗲𝗶𝗿 𝗽𝗵𝘆𝘀𝗶𝗰𝗮𝗹 𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗶𝘀 𝗮𝗹𝗹 𝗯𝘂𝘁 𝗼𝘃𝗲𝗿 𝗺𝗮𝘆 𝗰𝗵𝗼𝗼𝘀𝗲 𝘁𝗼 𝗮𝘀𝗸, '𝗜𝘀 𝗶𝘁 𝗻𝗲𝗰𝗲𝘀𝘀𝗮𝗿𝘆 𝘁𝗼 𝘀𝘂𝗳𝗳𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗶𝘀 𝗳𝗶𝗻𝗮𝗹 𝗽𝗮𝗶𝗻 𝗮𝗻𝗱 𝗶𝗻𝗱𝗶𝗴𝗻𝗶𝘁𝘆?'
𝗘𝗮𝗰𝗵 𝘀𝗼𝘂𝗹 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗵𝗮𝘃𝗲 𝗮𝗻 𝗮𝗻𝘀𝘄𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗮𝘁 𝗶𝘀 𝗿𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗳𝗼𝗿 𝗶𝘁, 𝗮𝗻𝗱 𝗻𝗼 𝘀𝗼𝘂𝗹 𝘄𝗶𝗹𝗹 𝗮𝗻𝘀𝘄𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗲 𝗾𝘂𝗲𝘀𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗶𝗻𝗰𝗼𝗿𝗿𝗲𝗰𝘁𝗹𝘆-𝗯𝗲𝗰𝗮𝘂𝘀𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗶𝘀 𝗻𝗼 𝘀𝘂𝗰𝗵 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 𝗮𝘀 𝗮𝗻 '𝗶𝗻𝗰𝗼𝗿𝗿𝗲𝗰𝘁' 𝗮𝗻𝘀𝘄𝗲𝗿."
เหล่าคนที่เห็นทุกหลักฐานทางการแพทย์ที่ระบุว่าร่างกายของพวกเขาหมดสิ้นสภาพแล้ว อาจเลือกที่จะถามตัวเองว่า “ฉันจำเป็นต้องทนรับความเจ็บปวดและการสูญเสียศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ครั้งสุดท้ายนี้หรือไม่❓” ซึ่งวิญญาณแต่ละ ดวงจะมีคำตอบที่ถูกต้องเสมอสำหรับคำถามนั้น และไม่มีวิญญาณดวงใดที่จะตอบคำถามนี้ผิด เป็นเพราะไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “คำตอบที่ผิด”
𝗡 : 𝗜 𝘀𝗲𝗲 𝘁𝗵𝗲 𝗱𝗶𝗳𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗰𝗹𝗲𝗮𝗿𝗹𝘆, 𝗮𝗻𝗱 𝗜 𝘁𝗵𝗶𝗻𝗸 𝗲𝘃𝗲𝗿𝘆 𝗿𝗲𝗮𝘀𝗼𝗻𝗮𝗯𝗹𝗲 𝗽𝗲𝗿𝘀𝗼𝗻 𝗱𝗼𝗲𝘀.
N : ผมมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเลยครับ และผมก็คิดว่าคนที่มีเหตุผลทุกคนย่อมมองเห็นได้เช่นกัน
(((จบบทที่ 10)))

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา