โอบาม่า กับความท้าทายในฐานะประธานาธิบดี
รวม 10 บทความจากหนังสือ A Promised Land บันทึกของบารัค โอบาม่า ในขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
1. ในฐานะประธานาธิบดี ผมจะเป็นคนสื่อสารวิสัยทัศน์และกำหนดทิศทางประเทศชาติ ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ขีดเส้นกำหนดภาระรับผิดชอบ พร้อมเกณฑ์ประเมินผลงานชัดเจน ผมเป็นคนสุดท้ายที่จะตัดสินใจในปัญหาสำคัญอันเป็นที่สนใจ พร้อมชี้แจงให้คนทั้งประเทศเข้าใจถึงการตัดสินใจนั้น
2. เราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการคิดแบบดันทุรังยึดถือความเชื่อ ต้องเน้นความสำคัญกับสิ่งที่ทำแล้วได้ผล และต้องรับฟังความเห็นของอีกฝ่ายด้วยความเคารพ
3. ผมจะหนักว่าส่วนหนึ่งของหน้าที่ผมตอนนี้คือรักษาท่าทีภายนอกให้ดูปกติ ประคับประคองให้ทุกคนวางใจในนิทานที่บอกว่าเราอยู่ในโลกที่ปลอดภัยและเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้ดวงตาผมจะกำลังจับจ้องโครงมืดดำที่ซุกซ่อนความเสี่ยงนั้น และเตรียมตัวให้พร้อมสุดความสามารถที่จะรับมือความโกลาหลวุ่นวายซึ่งอาจปะทุขึ้นเมื่อไหร่วันไหนก็ได้
4. การหมั่นอ่านจดหมายจากประชาชนเป็นประจำจะช่วยให้เข้าถึงคนนอกแวดวงอันจำกัดในตำแหน่งประธานาธิบดี และได้ยินเสียงผู้คนซึ่งผมทำงานรับใช้โดยตรง จดหมายเหล่านี้เหมือนสายน้ำเกลือเชื่อมโยงผมกับโรคความเป็นจริง คอยเตือนใจทุกวี่ทุกวันถึงสัญญาที่ผมให้ไว้กับชาวอเมริกัน ความไว้วางใจซึ่งผมแบกรับไว้ และผลกระทบที่การตัดสินใจแต่ละครั้งของผมมีต่อชีวิตคนตัวเป็นๆ
5. เราต้องตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น ผมไม่อยากทำเพียงแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในแต่ละวัน ผมเชื่อว่าเราต้องทุ่มเทเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
6. สิ่งที่ผมค้นพบอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับหน้าที่ประธานาธิบดีก็คือ ทุกปัญหาที่วางบนโต๊ะทำงานผม ไม่ว่าเป็นเรื่องในประเทศหรือต่างประเทศ ไม่มีปัญหาใดเลยมีทางแก้ไขชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าหากมี คนอื่นในสายมาก็บัญชาก็จะลงมือแก้ไขไปแล้ว ผมจึงต้องบริหารจัดการความเป็นไปได้อยู่เสมอ
7. การทำงานแบบไร้อคติ
การมัวหาวิธีแก้ที่สมบูรณ์แบบมีแต่จะทำให้งานเป็นอัมพาต ส่วนอีกด้านหนึ่ง หากใช้แต่สัญชาตญาณบ่อยเกินไปก็อาจปล่อยให้อคติเข้ามามีบทบาท... ผมพบว่าผมสามารถขจัดอัตราตัวเองและเปิดใจรับฟังอย่างแท้จริง ผมสามารถคิดตามเหตุผลข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ แล้วพิจารณาประกอบกับหลักการและเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งช่วยให้ผมตัดสินใจเรื่องยากๆได้โดยเข้านอนแล้วยังหลับสบาย
8. ผมเป็นนักปฏิรูป เป็นนักอนุรักษ์นิยมในแง่อุปนิสัยหากไม่ใช่แง่วิสัยทัศน์ และสิ่งที่ผมแสดงออกนี้บ่งบอกถึงภูมิปัญญาและความอ่อนแอก็ให้สุดแท้แต่คนอื่นจะตัดสิน
9. ทำงานกับคนรุ่นใหม่
พวกเขาเคารพความรู้ที่สั่งสมมาในระดับสถาบันของผู้มีประสบการณ์ช่ำชองด้านนโยบายต่างประเทศ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนผิดที่อยากทลายข้อจำกัดหลายอย่างในอดีตเพื่อสร้างสิ่งใหม่ให้ดีกว่าเดิม
10. มุมมองต่อจีน
จีน นับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 เมื่อตั้งเสียวผิงสลักทิ้งซึ่งทัศนะมาร์กซิสต์-เลนินของเหมาเจ๋อตุง หันไปสนใจแนวทางทุนนิยมที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกโดยมีรัฐคอยบริหารจัดการ นับแต่นั้นก็ไม่มีชาติใดในประวัติศาสตร์ที่จะพัฒนาได้รวดเร็วกว่าหรือช่วยให้ประชาชนพ้นความยากจนข้นแค้นได้มากไปกว่าจีนเลย
สุดท้าย ลองมองอเมริกา แล้วอย่าลืมย้อนกลับมามองเมืองไทย เปรียบเทียบกันดูครับ
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
