24 มิ.ย. 2023 เวลา 04:51 • หนังสือ

✴️ บทที่ 5️⃣ เป็นอิสระด้วยการละวางภายใน ✴️ (ตอนที่ 23)

🍀 ข้ามพ้นโลกแห่งผัสสะ เข้าถึงบรมสุขอันไม่เสื่อมสลาย 🍀
⚜️ โศลกที่ 2️⃣6️⃣ ⚜️ หน้า 611–612
โศลกที่ 2️⃣6️⃣
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
สันยาสีผู้ปราศจากราคะและโทสะ ข่มใจได้ และหยั่งรู้ตน ย่อมหยั่งรู้อาตมัน อันเป็นไปในพรหมนิพพาน ซึ่งเป็นอิสระอย่างบริบูรณ์ทั้งในโลกนี้และตลอดไป
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ผู้ศรัทธามั่นในจิตวิญญาณ ผู้พบว่าวิญญาณของตนเชื่อมโยงกับบรมวิญญาณย่อมหลุดพ้น เป็นอิสระอย่างบริบูรณ์ในโลกนี้ และการรู้แจ้งนี้จะติดตัวเขาไปตราบชั่วนิรันดร์
คําว่า 'ชีวันมุกตะ' (แปลตามตัวว่า “หลุดพ้นตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่”) ใช้ได้แต่กับโยคี ที่ละแล้วจากความอยากใหม่ ๆ และได้ทําลายรากของการเกิดใหม่แล้ว แต่ ชีวันมุกตะอาจยังมีเมล็ดอันประณีตของกรรมเก่าที่ยังไม่ถูกเผาด้วยไฟญาณปัญญาหลงเหลืออยู่ ชีวันมุกตะบางท่านทำลายเศษกรรมในอดีตเหล่านี้หลังจากที่ท่านละสังขารไปอยู่ในจักรวาลทิพย์แล้ว เมื่อสำเร็จบทเรียนนี้ในโลกทิพย์แล้ว ท่านสามารถถอนเหตุแห่งการกลับมาเกิดในโลกนี้ได้หมด
แต่ชีวันมุกตะท่านอื่น ๆ สําเร็จได้แม้ขณะอยู่บนโลกนี้ ด้วยการสร้างภาพกรรมเก่าในนิมิต แล้วทำให้ภาพเหล่านั้นอ่อนกําลัง หมดอำนาจที่จะกลับมาเกิดใหม่
การทําลายอนุสัยกรรมเก่าโดยวิธีสร้างนิมิต อาจอธิบายให้เป็นรูปธรรมได้ดังนี้ โยคีอาจละความโลภในการบริโภคอาหาร แต่ยังมี สังสการ (อนุสัยของความอยากในอดีต) ที่จะปล่อยใจไปกับอาหารที่ชอบ หรือท่านอาจละวางทรัพย์สินทางโลกแล้วจนหมดสิ้น แต่ยังมีเมล็ดความอยากที่ยังไม่ได้รับการสนอง ซึ่งอาจเป็นวัตถุสิ่งของหรือประสบการณ์ก็ได้ ท่านจึงยังไม่เป็นอิสระอย่างเต็มที่
ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวย เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ที่ซ่อนอยู่อาจงอกออกเป็นกิจกรรมตามความอยากนั้น แต่โยคีสามารถสร้างนิมิตในอภิจิต หรือฉายภาพฝันในอภิจิตเข้าสู่จิตใต้สำนึกที่ยังหลับอยู่ ทําให้ความอยากในอดีตเป็นรูปธรรม แต่ท่านวางจิตไว้ห่าง ๆ ละการผูกพันกับสิ่งนั้น เช่นนี้แล้ว เมล็ดพันธุ์ความอยากเหล่านั้นก็จะหมดอำนาจ เพราะ ท่านได้ใช้ไฟญาณปัญญาย่าง จนเมล็ดนั้นไม่อาจงอกได้อีก
ผู้ที่ทําลายความอยากและกรรมทั้งหลาย (ทั้งกรรมในอดีตและกรรมปัจจุบัน) ได้หมดขณะอยู่บนโลกนี้ นี่แหละคือ ผู้ “หลุดพ้นตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่” อย่างแท้จริง ชีวันมุกตะเช่นนี้ ได้ชื่อว่า สิทธา “ผู้สมบูรณ์พร้อม” วิญญาณเช่นนี้นี่แหละคือ “ผู้ละวาง” อย่างที่คีตาโศลกนี้พูดถึง กล่าวคือ เป็นผู้ที่ได้ละวางเหตุแห่งพันธะทั้งภายนอกภายในไปตลอดกาลนั่นเอง
(((มีต่อ)))

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา