Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดินสอ ธรรม
•
ติดตาม
1 ก.ค. 2023 เวลา 14:54 • ปรัชญา
การเดินบนทางสายกลาง
เมื่อมองเห็นเหตุการณ์บ้านเมืองเหมือนกำลังอยู่ในหุบเหวแห่งความวุ่นวายและดูจะไร้ทางออก ดูทรงแล้วอาจจะหลบไม่พ้น การเกิดความรุนแรงกลางเมือง ซึ่งไม่ใช่หนทางที่พระพุทธองค์ชี้ทางให้เดิน
ทางสายกลางต่างหากที่พระพุทธองค์ชี้ทางให้เดินพร้อมกับให้ปฏิบัติเป็นธรรมคือสร้างประโยชน์ตนและประโยชน์ส่วนรวม
บันไดขั้นแรกสู่ทางสายกลาง
โยนิโสมนสิการ แปลว่าการกระทำไว้ในใจโดยแยบคายคือกระทำการพิจารณาใคร่ครวญเหตุผลอย่างระมัดระวัง การใช้ความคิด การใคร่ครวญเหตุการณ์ต่างๆ ที่มาประจวบเข้า ย่อมทำให้มองเห็นความถูกต้อง สามารถเลือกหนทางที่ถูกตรงซึ่งถือเป็นบันไดขั้นแรกที่จะก้าวเข้าสู่กระบวนการของมัฌิมาปฏิปทา
กระบวนการมัฌิมาปฏิปทา
ที่วัดหลวงพ่อชา สอนให้พิจารณาใคร่ครวญถึงทางสายกลางอยู่ทุกวี่วัน ยามพลบค่ำจะพบพระภิกษุนับร้อยรูปนั่งอยู่ในศาลาโล่ง ซึ่งใช้เป็นที่ปฏิบัติสมาธิรายล้อมด้วยแมกไม้สูงตระหง่านและป่าทึบอันเขียวชะอุ่ม โดยท่องบทสวดมนต์ตามถ้อยคำที่แต่งไว้ดั้งเดิม แปลความหมายได้ว่า
"มีทางสายกลางระหว่างการตามใจตัวเองจนสุดโต่งกับการปฏิเสธความต้องการของตัวเองซึ่งจะทำให้เป็นอิสระจากความเสียใจและความทุกข์ นี่คือหนทางไปสู่ความสงบและปลดปล่อยจิตใจให้เป็นอิสระได้อย่างแท้จริงในปัจจุบันชาติ"
ทางสายกลาง
เป็นเขตกลางระหว่างการติดยึด(ความชอบ) กับ ความไม่ชอบ ระหว่างการมีอยู่ กับ ไม่มีอยู่ ระหว่างรูป กับ ความว่าง ระหว่างเจตจำนงเสรี กับ ความเชื่อที่ว่าทุกสิ่งถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
การเรียนรู้ที่จะพักใจอยู่ในทางสายกลาง
จำเป็นต้องรู้สึกวางใจในชีวิตตัวเองที่จะอยู่กับความจริงในปัจจุบัน ณ "จุดนิ่งในโลกที่กำลังหมุน"
Always remember for peace life
เช่นเดียวกับความรู้สึกอุเบกขา จะเกิดขึ้นได้ด้วยโพชง 7 ที่เกิดพลังปิติจึงวางใจในชีวิตตัวเองได้ด้วยอุเบกขา
โพชฌงค์ 7 ประการ รวมกันเป็นองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ ประกอบด้วย 1. สติ 2. ธัมมวิจยะ 3. วิริยะ 4. ปิติ 5. ปัสสัทธิ 6. สมาธิ 7. อุเบกขา
อุเบกขา ไม่ใช่ความประมาท Careless แต่เป็นความเรียบสงบของจิตที่เป็นกลางๆ ไม่เอนเอียง Biased ไปข้างโน้นข้างนี้ เป็นความเฉยรู้ คือรู้ทันจึงเฉย ดูอย่างรู้ทัน และพร้อมที่จะทำการเมื่อถึงจังหวะ เพราะการที่ได้กระทำทุกสิ่งเข้าที่เรียบร้อยดีแล้ว เราก็เพียงคุมเครื่องอยู่ มองดูอยู่เฉยๆ ด้วยจิตที่สบายเพราะทำดีแล้ว
จงตระหนักรู้ว่า "ทางสายกลางอยู่นอกเหตุเหนือผล"
เพราะ(เหตุผล)สมมติบังวิมุตติอยู่คือการมอง "เหตุเกิดจากผล"ในรูปแบบที่ต้องสมมติให้เหตุอื่นๆและผลอื่นๆอยู่คงที่นั้นเป็นเพียงวิธีการค้นหาความสัมพันกันว่ามีนัยสำคัญหรือไม่ อย่างไร
แต่ในโลกที่แท้จริงนั้น "หนึ่งเหตุมีได้หลายผล" เช่น เกิดผลข้างเคียง Externality ด้วย และในทำนองเดียวกัน ผลเดียวก็อาจเกิดได้จากหลายเหตุ เช่น เม็ดมะม่วง อย่างเดียวจะเกิดเป็นต้นมะม่วงไม่ได้ ต้องอาศัยการนำไปปลูกในดินและรดน้ำด้วย
Externality means no 1-1.
ความจริงแท้เกิดเฉพาะในปัจจุบันขณะ
(เวลาอื่นๆ ล้วนเป็นทิพย์ทั้งนั้น)
Real Truth=Only Now
ปัญญาของทางสายกลาง ไม่ใช่การไปจากที่นี่สู่ที่นั่น แต่เป็นจากที่นั่นมาสู่ปัจจุบันขณะของที่นี่และเดี๋ยวนี้
ซึ่งเป็นที่เดียว ที่มีความจริงอยู่เป็นนิรันดร์กาล Real Truth=Only Now being ที่ซึ่งชีวิตมีความชัดเจนเกิดปิติ มีชีวิตชีวา ทำให้เกิดการตื่นรู้ มีความว่าง และเต็มไปด้วยโอกาสต่าง ๆ ที่เป็นไปได้
พลังขับเคลื่อนเพื่อเดินไปบนทางสายกลางคือพลังปิติของอุเบกขาโดยโพชฌงค์ 7
จุดหมายของชีวิตบนทางสายกลาง
คือสิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่ชีวิต
แบ่งออกเป็น 3 ระดับชั้น คือ
1. ประโยชน์บัดนี้
2. ประโยชน์เบื้องหน้า
3. ประโยชน์อย่างยิ่ง
1. ประโยชน์บัดนี้ คือประโยชน์ธรรมดาสามัญที่มองเห็นได้ในปัจจุบันของชีวิตประจำวัน เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ ฐานะเกียรติศักดิ์ เป็นต้น
2. ประโยชน์เบื้องหน้า คือประโยชน์ที่ล้ำลึกยิ่งขึ้นไปอีก เป็นเรื่องคุณค่าของชีวิต เป็นประโยชน์ที่เป็นหลักประกันว่า เมื่อชีวิตนี้ละโลกนี้ไปแล้ว จะประสบความเจริญ มีความก้าวหน้า ชีวิตเต็มไปด้วยคุณความดี
3. ประโยชน์อย่างยิ่ง หรือประโยชน์ที่เป็นสาระแท้จริงของชีวิต เป็นจุดหมายสูงสุด ได้แก่การรู้แจ้งเห็นจริงซึ่งสิ่งทั้งหลายจนถึงขั้นหมดกิเลสเด็ดขาด นั่นคือการเข้าถึงความดับเย็นสนิทของจิตใจ จิตใจไม่ร้อนรนอีกต่อไป
การเมือง
พุทธศาสนา
พัฒนาตัวเอง
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย