26 ก.ย. 2023 เวลา 13:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

เรื่องที่คน 99%เข้าใจผิดเกี่ยวกับการพักผ่อนเเละวิธีการเเก้ไขที่ทำให้คุณเป็น1%

ลืมภาพจำในการพักผ่อนของคุณออกให้หมดเลย!
เคยมั้ย? ที่ทำงานเสร็จเเล้วกลับบ้านมาพักผ่อนเเล้วก็นอน พอตื่นช้ามาทำงานก็ไม่สามารถโฟกัสกับงานที่ทำได้อย่างลื่นไหลเเล้วรู้สึกว่าทำงานได้เเปปเดียวก็ไม่ไหวเเล้ว นั่นเป็นเพราะว่าตอนนี้หลายๆคนยังเข้าใจผิดอยู่ว่าร่างกายต้องการได้พักหลังเลิกงานเเต่ความเป็นจริงเเล้วร่างกายเเละจิตใจต้องการการฟื้นฟูต่างหาก
วันนี้ผมจึงจะมานำเสนอให้รู้จักเเละเข้าใจว่าทำไมต้องฟื้นฟูเเละเราจะฟื้นฟูยังไงเพื่อที่จะทำงานได้มีคุณภาพเเละปริมาณมากขึ้นในเวลาที่เท่าเดิม
ถ้าคุณเหนื่อยล้า เครียด ขาดเเรงบันดาลใจเป็นประจำ
สิ่งเหล่านี้นักวิทยาศาสตร์เรียกว่าAllostatic Load คือการสึกหรอที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายเเละจิตใจต้องคอยปรับตัวกับความกดดันอยู่ตลอดเวลาซึ่งจะสะสมอยู่ในระบบประสาทในตัวเราเเละหลายๆคนก็ไม่ได้ทำการเคลียร์Allostatic load จากร่างกาย
ให้นึกถึงว่าเวลาออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อเมื่อต้องยกเวทเพื่อให้กล้ามเนื้อถึงจุดที่ล้าเเละเกิดการเเตกตัว ก็ต้องมีการพักให้ร่างกายฟื้นฟูกล้ามเนื้อซึ่งเป็นส่วนสำคัญเช่นกันเพื่อให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น เเต่กลายเป็นว่าจากที่พักให้ร่างกายฟื้นฟูดันเลือกที่จะยกเวทอย่างไม่หยุดกลายเป็นว่ากล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บเเทน ซึ่งก็เกิดขึ้นได้กับการทำงานที่ต้องใช้สมองที่เราต้องทำกันทุกๆวันเหมือนกันซึ่งส่งผลให้เครียดอย่างต่อเนื่องเเละเหนื่อยล้าตลอด
Allostatic Load จะทำให้ร่างกายเละสมองคิดว่าตอนนี้อยู่ในสภาวะที่ต้องปรับตัวกับความเครียดจึงทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนความเครียดซึ่งก็คือคอร์ติซอลเเละอดรีนาลีน ในทางตรงกันข้ามก็คือ flow stateหรือสภาวะลื่นไหลซึ่งเกี่ยวข้องกับสมดุลของสารประสาทเคมีเเละฮอร์โมน โดพามีน นอร์พีนเนฟรีน, เอ็นโดฟรินเเละเซราโทนิน สมดุลของสารเหล่านี้ช่วยส่งเสริมการโฟกัส, ความคิดสร้างสรรค์เเละการเเก้ไขปัญหา
Flow State จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้ามีallostatic load นอกจากจทำให้productivityต่ำลงเเล้วยังส่งเสียต่อสุขภาพเเละเส้นทางอาชีพการงานที่สั่นลง การล้างallostatic loadออกจากร่างกายจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำในทุกๆวัน
ในการที่จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุดต้องเข้าใจสองสภาวะที่ต้องทำงานร่วมกันทุกๆวันหรือที่เรียกว่าOscillilation
ประกอบด้วยExert and recovery คือสองอย่างที่ทำให้เกิด Oscillilation
Exertก็คือการออกเเรงซึ่งก็คือการทำงาน
Recovery คือการที่ร่างกายได้ฟื้นฟู
เมื่อรวมกันเเล้วก็จะกลายเป็นOscillilationซึ่งก็คือจังหวะการขึ้นเเละลงที่ควรเกิดขึ้นในทุกๆวันเปรียบเสมือนคลื่นให้เห็นภาพง่ายๆถ้ายกน้ำหนักอย่างไม่หยุดหย่อนเเละไม่พักเลยกล้ามเนื้อก็จะอักเสบเเต่ถ้าไม่ออกกำลังกายเลยกล้ามเนื้อก็จะเล็กลงๆจนเเรงที่ออกได้นั้นน้อย
Oscillilationเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่งั้นจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Linear หรือที่เเปลว่าเส้นตรงเปรียบเสมือนการทำงานโดยการที่ปราศจากการฟื้นฟูจึงทำให้เกิดการเหนื่อยล้าสะสมอย่างหนัก นอกจากจะเสียสุขภาพแล้วยังproductiveต่ำลงด้วย
การฟื้นฟูร่างกายจึงเป็นกุญเเจสำคัญในการทำให้ตัวเรานั้นสามารถทำงานได้เยอะขึ้นหรือน้อยลง
ถ้าปกติคุณกลับบ้านมาเปิดทีวีดูพร้อมกับดื่มเบียร์หลังเลิกงานต้องบอกเลยว่านี่คือการพักผ่อนไม่ใช่การฟื้นฟู
การพักผ่อนไม่สามารถที่จะล้างความเครียดที่สะสมจากการทำงานออกจากร่างกายได้ซึ่งมีผลต่อ Allostatic load
เมื่อเราทำงานหนักร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเเละอดรีนาลีนซึ่งเป็นระบบประสาทเเบบsympathetic ช่วยให้ตัวเราสามารถโฟกัสเเละทำงานออกมาได้ดี เเต่เมื่อฮอร์โมนถูกหลั่งอย่างสูงเเละต่อเนื่องไปนานๆสามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้จึงต้องทำสิ่งที่ตรงกันข้ามซึ่งก็คือการกระตุ้นระบบประสาทเเบบParasympatheticเพื่อช่วยกำจัด Allostatic loadที่สะสมไว้ ซึ่งก็คือการฟื้นฟู(Recovery) เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างระบบประสาทเเบบSympathetic กับParasympathetic
โดยสิ่งที่สามารถทำให้ร่างกายได้ฟื้นฟูจริงๆมีดังนี้(ควรทำได้อย่างน้อยวันละชั่วโมงไม่นับการนอน)
1. การฝึกหายใจ https://www.blockdit.com/posts/63c61805ceb82dd2bf9139b1
2. การนั่งสมาธิ https://www.blockdit.com/posts/63e78fea2215efd8fadaf471
3. ความเย็นบำบัดเช่น การแช่อ่างน้ำแข็ง
4. ความร้อนบำบัดเช่น การซาวน่า
5. การใช้โฟมโรลเลอร์นวดกล้ามเนื้อ
6. การออกกำลังกาย
7. การปีนเขา
8. การนอนhttps://www.blockdit.com/posts/64d39d9fb351596ca77d51b9
ถึงแม้บางอย่างเป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่ได้ผ่อนคลายเลยด้วยซ้ำอย่างเช่นการแช่อ่างน้ำแข็งซึ่งทรมานมากๆแต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายได้กำจัดAllostatic loadออกจากร่างกาย
หลายๆคนสามารถวัดว่าร่างกายกำลังทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดการฟื้นฟูได้หรือไม่ วัดได้จากHeart rate variability(HRV)หรือก็คือ**ความผันแปรระหว่างจังหวะการเต้นของหัวใจของในแต่ละครั้ง**มีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆรึเปล่าและะอีกวิธีนึงก็คือสังเกตว่าเรารู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวพักผ่อนหลังจากทำกิจกรรมนั้นๆยิ่งสามารถนำหลายๆข้อมาทำรวมกันจะยิ่งดีมาก
การทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายได้ฟื้นฟูเหล่านี้ไม่ได้สำคัญแค่ว่ามันช่วยกำจัดAllostatic load
จากงานวิจัยThe making of corporate athleteในแต่ละวันร่างกายนั้นมีพลังงานที่จำกัดที่ถูกใช้สำหรับการจดจ่อแต่ไม่ใช่ชั่วโมงในกาทำงานที่เป็นตัวกำหนด การฟื้นฟูร่างกายเป็นประจำจึงเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญมากเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานจดจ่อที่สูงในทุกๆวัน
สุดท้ายการที่จะสามารถทำงานมากกว่าคนอื่นนั้นไม่ได้วัดจากชั่วโมงที่คนคนนั้นทำงานเเต่วัดจากการที่คนคนนั้นสามารถOscillilationได้มากกว่าต่างหาก
Ref.
โฆษณา