Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นักลงพุง
•
ติดตาม
30 พ.ย. 2023 เวลา 11:00 • นิยาย เรื่องสั้น
ตอนที่ 15: ต่อวีซ่า
อามารับผมกลับนครในเช้าวันหนึ่ง ตอนนี้ยังเหลืออีกเพียง เดือนกว่าๆ เท่านั้น วีซ่าของความเป็นพระของผมก็จะหมดอายุ แต่ด้วยความที่มองเห็นแล้วว่าอยากจะอยู่ต่อไปจนเข้าพรรษา ผมเลยต้องรีบดำเนินการต่อวีซ่า โดยต้องกลับไปแจ้งพระอุปัชฌาย์เสียก่อน
พระอาจารย์เจ้าอาวาสและอุปัชฌาย์ของผม ท่านเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการทั้งหมด และท่านก็กล่าวอนุโมทนาในความตั้งใจที่ผมมี นั่นยิ่งทำให้ผมทราบซึ้งและตั้งใจศึกษาและปฏิบัติมาโดยตลอด ถึงกระนั้นท่านก็แนะนำว่าควรจะบอกพ่อกับแม่ให้ได้รับรู้ไว้ด้วย ท่านจะได้รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง
ผมโทรไปหาพ่อก่อนเลย เพราะพ่อน่าจะเข้าใจมากที่สุด ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เมื่อผมเล่าถึงความตั้งใจในการเข้าพรรษาต่ออีก 3 เดือนที่สวนโมกข์ พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงของแกอยู่
สิ่งที่หนักใจก็แม่นี่แหละ เพราะกว่าจะขอบวชได้ก็ไม่ง่ายแล้ว แล้วนี่จะขออยู่ต่ออีก 3 เดือน แม่ก็เป็นห่วงอย่างมาก ลูกจะเป็นอะไรมั้ย อยู่ได้รึเปล่า งานรับปริญญาจะมีเมื่อไหร่ จะสึกออกมาทันมั้ย อะไรหลายๆ อย่างที่แกเป็นห่วงเรา
ผมก็เล่าให้แกฟังถึงความตั้งใจจริงของผมว่า บวชครั้งนี้เสร็จก็ต้องออกไปทำงานทำงาน ซื้อรถซื้อบ้านและมีครอบครัว คงไม่ง่ายที่จะกลับมาทำอะไรแบบนี้อีก เผลอๆ ไม่มีอีกแล้วด้วยซ้ำไป ในเมื่อบวชแล้วทั้งที ก็อยากจะทำให้ดีเต็มทีไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง ซึ่งแม่ก็เข้าใจ
ระหว่างที่ผมรอหนังสือส่งตัว ที่หลวงพี่เลขาทำขึ้นให้อีกเป็นครั้งที่ 2 ผมก็ทำวัตรปฏิบัติไม่ต่างอะไรกับตอนอยู่ที่สวนโมกข์มากนัก ทั้งตื่นมาทำวัตรในตอนเช้า เดินจงกรมนั่งสมาธิตามแต่ที่จะมีเวลาว่าง
ทำให้การกลับไปวัดครั้งนี้ไม่ได้กลับไปตัวเปล่า ผมได้นำเรื่องเล่าต่างๆ ที่ได้พบเจอมาแชร์ให้กับพระที่บวชใหม่ได้รับรู้ ทำให้กลุ่มการทำวัตรและนั่งสมาธิในช่วงเย็นของเราใหญ่ขึ้น ก็เป็นที่น่าพอใจว่าการปฏิบัติแม้เพียงน้อยนิดของเรา ก็สามารถขยายต่อไปให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน
จนมีอยู่วันนึงพระบวชใหม่รูปนึง ท่านนำเอากรรมฐานที่พระอุปัชฌาย์ให้ในวันที่บวช โดยพระท่านนำเอามาท่องในใจคือ เกศา โลมา นขา ทันตา ตะโจ ซึ่งก็คือคำว่า ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ในภาษาบาลีนี่เอง
พระท่านเล่าให้ผมฟังว่า ระว่างที่นั่งสมาธิท่องคำบริกรรมอยู่นั้น สักพักจะรู้สึกตัวเบาขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าตัวลอยขึ้นจากพื้น จากนั้นตัวก็จะค่อยๆ หมุนเร็วขึ้น แต่น่าแปลกที่ไม่เวียนหัว จากนั้นมันก็จะค่อยๆ ช้าลง ตัวหนักขึ้น และออกจากสมาธิในที่สุด
ผมตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ที่ผมได้เจอเพื่อนที่ได้พบเจอเหตุการณ์แปลกๆ เหมือนกัน ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยพบในรูปแบบนั้น แต่เท่าที่เคยอ่านและได้ฟัง เขาจะเรียกว่าเป็นอาการของปีติ
ปีติ เป็นอาการของจิตใจ ที่จะเกิดขึ้นมาหลังจากที่สมาธิเราเริ่มสงบลึกลงเรื่อยๆ อาการที่แต่ละคนเจอ หรือแม้แต่ละครั้งจะแตกต่างกันไป บางครั้งจะปรากฏออกมาในรูปแบบ น้ำตาไหล ขนลุกชูชันไปทั้งตัว รู้สึกตัวโยกตัวลอย ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้นมาเท่านั้น
สิ่งที่เราควรทำคืออย่าไปยึดติดมัน ให้แค่รับรู้ไว้ก็พอ มันจะมาก็ให้รู้ มันเกิดขึ้นอยู่ก็รู้ไว้ พอมันจะไปก็ไม่ต้องรั้ง แค่ "รู้" อยู่เฉยๆ ก็พอ ให้เห็นว่ามันขึ้นมา ตั้งอยู่ และดับไป ไม่จีรัง ไม่ควรยึดถือ
เอกสารส่งตัวในรอบนี้ผมเสร็จเรียบร้อยเร็วกว่าที่คาด แทนที่ผมจะได้ไปตอนใกล้ๆ พรรษา ผมก็ยังเหลือเวลาที่จะได้เข้าคอร์สค่ายลูกเสืออีกรอบนึง ซึ่งดีมากๆ ในที่สุดผมก็จะได้เข้าพรรษาที่สวนโมกข์แล้ว
สวนโมกข์แห่งนั้น ที่ๆ พระอาจารย์พุทธทาสเคยมีชีวิตอยู่
สำหรับตอนนี้ก็จบลงแล้ว ขอขอบคุณที่รับชมจนจบอีกเช่นเคย
สวัสดีครับ
นิยาย
พุทธศาสนา
เรื่องเล่า
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ชนจิตฺโต
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย