19 มี.ค. เวลา 03:09 • ท่องเที่ยว
เมลเบิร์น

เมลเบิร์น เมืองนี้…เก๋กว่าที่คิด

Chapter 69/5: Melbourne One Of The World's Most Liveable Cities
มัวแต่ออกไปเที่ยวนอกเมืองมาหลายตอน Blog นี้ก็เลยจะพากลับไปเดินเล่นในเมืองเมลเบิร์นกันบ้าง ซึ่งการไปเดินเล่นในช่วงท้ายๆ ก่อนกลับกรุงเทพฯ มันทำให้เราเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเมลเบิร์นไปเยอะพอสมควรเลย ม่ะ…มาดูกันว่าเป็นเพราะอะไร
เราเคยคิดว่าเมลเบิร์นเป็นเมืองที่ไม่ค่อยจะมีอะไรจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยไปมาเมื่อเดือนธันวาปี 2019 แต่มันเป็นเพราะตอนนั้นเราไม่ได้วางแผนเที่ยวใดๆ เลย ได้แต่เข้าไปเดินเล่นตามแหล่งท่องเที่ยวที่คนเค้านิยมไปกันเท่านั้น
มาคราวนี้อย่างที่บอกว่าเราตั้งใจหาข้อมูลที่เที่ยวให้มากขึ้นเผื่อจะได้เจออะไรน่าสนใจ และจะได้เอาสิ่งที่เราเจอมาเขียนเล่าให้คนอ่านได้เป็นข้อมูลด้วย อย่าง blog แรกสุดของทริปนี้ที่เราพาไปเดินเล่นที่ Fitzroy Street ที่ติดกับ St Kilda ก็เป็นที่ที่เราว้าวมาก (อ่านได้ที่ลิงค์ข้างใต้ค่ะ 😄)
หรือ Sherbrooke Forest ที่เราไปเดินเล่นมาก็ชอบมากเหมือนกัน
1
ขายของใหญ่ 😁...
และยิ่งได้เดินเที่ยวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เราได้รู้จักเมลเบิร์นมากขึ้น ทำให้เมืองที่ดูเหมือนไม่มีอะไรในตอนแรกกลายเป็นเมืองที่น่ารู้จักขึ้นมาเลย
และก็ตามระเบียบ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเมลเบิร์นกันซักหน่อยค่ะ
เมลเบิร์นเป็นเมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย (แต่ไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศออสเตรเลียนะ เมืองหลวงคือเมืองแคนเบอร์รา (Canberra) ค่ะ) ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1835 ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรเลีย
ปัจจุบันเมลเบิร์นเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย เพิ่งแซงหน้าเมืองซิดนีย์ (Sydney) ที่ครองตำแหน่งนี้มาอย่างยาวนานกว่าร้อยปีเมื่อปี 2023 นี่เอง มีประชากรประมาณ 5.8 ล้านคน
เมลเบิร์นถูกจัดให้เป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับ 3 ของโลก จากการสำรวจความน่าอยู่ในเดือนมิถุนายน 2023 โดย Economist Intelligence Unit (EIU) ซึ่งก่อนหน้านี้เมลเบิร์นก็เคยครองตำแหน่งเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2011 ก่อนที่เวียนนาเมืองหลวงของประเทศออสเตรียจะมาช่วงชิงตำแหน่งไปได้ในปี 2018
1
ซึ่งในการสำรวจเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก EIU จะพิจารณาจากเมืองทั้งหมด 173 แห่ง โดยใช้ปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพเศรษฐกิจและสังคม ความมั่นคงของประเทศ ระบบการศึกษา ระบบโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการด้านสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย มาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา (แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าครองชีพนะ)
1
นอกจากนั้นเมลเบิร์นยังเป็นเมืองที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ล้ำสมัยที่สุดในประเทศอีกด้วย มีการใช้พลังงานหมุนเวียนในระบบขนส่ง เช่นพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ มีโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะที่มีทั้งรถราง รถเมล์ และรถไฟ เชื่อมถึงกัน
และที่เราว่าเจ๋งมากคือ เมลเบิร์นมีรถรางให้ขึ้นได้ฟรีในเขต CBD (Central Business District) ด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนออสเตรเลียหรือนักท่องเที่ยวก็ขึ้นได้ฟรีถ้าเดินทางอยู่ในเขต Free Tram Zone ที่กำหนด ช่วยประหยัดเงินค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวไปได้เยอะเลย
เท่านี้ก็พอจะเห็นภาพแล้วเนอะว่าเมืองนี้นี่ทำไมถึงติดอันดับเมืองน่าอยู่ติดต่อกันมาอย่างยาวนาน
อ้อ…เกือบลืม เราสัญญาไว้ว่าจะพาทัวร์บ้าน Airbnb ที่เรามาเช่าอยู่ให้ดูกันค่ะ
หน้าบ้านร่มรื่นน่าดู
ภายในบ้าน
บ้านนี้อยู่ในย่าน Fitzroy ย่านที่เค้าว่ากันว่ามัน cool (มันก็ดู cool จริงๆ นะ แต่เดี๋ยวจะไปเล่าให้ฟังอีกทีใน Blog หน้าค่ะ) ซึ่งตอนหาบ้านเราก็คิดๆ อยู่ว่าจะอยู่ในย่าน CBD ดีมั้ยเพราะมันก็ไปไหนมาไหนสะดวกดี มี Free Tram ด้วย แต่เอาเข้าจริงสุดท้ายเราก็อยากอยู่ในย่านที่คนไม่คับคั่งจอแจมากกว่าก็เลยได้มาเป็นที่ Fitzroy ค่ะ
1
ของใช้ในบ้านก็ออกแนว Retro น่ารักดี
เจ้าของบ้านเค้านิยามบ้านนี้ว่าเป็น Modern Retro Villa ซึ่งเค้าก็แต่งออกมาได้น่ารักดีนะ ที่สำคัญบรรยากาศดี อยู่คนเดียวได้ไม่กลัวผีเลย 😁
เป็นบ้านชั้นเดียว 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีของใช้ครบครัน เราถือโอกาสซักผ้าด้วยซะเลย เพราะยังต้องอยู่อีกหลายวัน
ห้องนอน
ห้องน้ำ
มีโซนทำงานพร้อมอุปกรณ์ให้ครบ ประมาณให้มาอยู่แบบ staycation เลย
ห้องทำงาน
ป.ล. เผื่อใครสนใจอยากลองพักที่นี่ เราจะทิ้งลิงค์บ้านไว้ให้ในคอมเม้นท์นะคะ
 
ชมบ้านเสร็จละ ป่ะ…ออกไปเดินเล่นกัน
กว่าจะออกจากบ้านเกือบบ่ายโมงละ วันนี้ตั้งใจจะไปหลายที่เลย โชคดีที่ที่เที่ยวในเมลเบิร์นมันใกล้ๆ กันด้วย และโปรแกรมวันนี้คือการเดิน เดิน และเดินค่ะ 😄
เราชอบเดินเที่ยวมากๆ เพราะนอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ยังอาจจะได้เห็นอะไรดีๆ ที่ซ่อนอยู่ด้วย อย่างเช่นร้านขายของ ตึกรามบ้านช่อง และ graffiti สวยๆ แบบนี้
เดินประมาณ 15 นาทีก็ถึง Melbourne Museum ที่แรกค่ะ
Melbourne Museum
เดินเข้ามาข้างในคนเยอะมากกกกก พลาดเลยที่ไม่ได้จองมาก่อน เห็นคนเข้าคิวละก็ขี้เกียจรอ ไปที่อื่นก่อนดีกว่า เลยได้แต่ถ่ายรูปหน้าตึกมาแทน
1
Melbourne Museum
ข้างๆ Melbourne Museum คือ Royal Exhibition Building เป็นอาคารที่จัดแสดงงานนิทรรศการแห่งชาติ สร้างขึ้นในปี 1879
Royal Exhibition Building
Royal Exhibition Building เป็นอาคารแห่งแรกในออสเตรเลียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2004 และเป็นหนึ่งในอาคารแสดงนิทรรศการไม่กี่แห่งของศตวรรษที่ 19 ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ทั่วโลก
ดูเหมือนด้านนี้น่าจะเป็นทางเข้าหลัก
เสียดายมากที่ไม่ได้เข้าไปดูข้างในเพราะวันนี้เค้าปิดจ้า
ทั้ง Melbourne Museum และ Royal Exhibition Building เนี่ยตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะชื่อ Carlton Gardens ซึ่งเป็นสวนที่ใหญ่และสวยมากๆ
Carlton Gardens
ในสวนอากาศดีสุดๆ เย็นสบาย สูดหายใจได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวฝุ่น PM เลย
Carlton Gardens ปอดของคนเมืองที่น่านั่งพักผ่อนมากๆ
ถึงช่วงเดือนธันวาที่เรามาจะอยู่ในช่วงหน้าร้อนของเมลเบิร์นก็จริงแต่อากาศก็ไม่ได้ร้อนแบบบ้านเรา อยู่ประมาณ 14–25 องศาเท่านั้น แต่บางวันอาจจะเหวี่ยงขึ้นไปสูงถึง 30 องศาก็มี (เราเคยเจอคลื่นความร้อนที่ทำให้อุณหภูมิขึ้นไปถึง 45 องศาเมื่อตอนที่เรามาที่นี่ในปี 2019 ด้วย ออกไปไหนไม่ได้เลย ตัวจะสุก 🥵)
เราเดินต่อไปที่ Eight Hour Day Monument
Eight Hour Day Monument
มันเป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในรัฐวิกตอเรียที่รณรงค์ให้คนใช้ชีวิตแบบ 8 8 8 หมายถึง ทำงาน 8 ชั่วโมง พักผ่อนนอนหลับ 8 ชั่วโมง และทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ 8 ชั่วโมง ซึ่งแนวคิดนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1856 แล้วนะ จะว่าไปคนในรัฐนี้ก็ล้ำมากนะเนี่ย
จากอนุสาวรีย์เดินไปนิดเดียวก็จะเจอกับ State Library of Victoria
State Library of Victoria
State Library of Victoria หรือหอสมุดแห่งรัฐวิกตอเรีย สร้างขึ้นในปี 1854 เป็นห้องสมุดสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดของออสเตรเลีย และเป็นหนึ่งในห้องสมุดเปิดให้เข้าชมฟรีแห่งแรกๆ ของโลก
State Library of Victoria
เมื่อปี 2023 มีการจัดอันดับให้หอสมุดแห่งนี้เป็นหอสมุดที่มีผู้เยี่ยมชมมากเป็นอันดับสามของโลก เราว่าสาเหตุนึงน่าจะมาจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพื่อถ่ายรูปภายในอาคารแน่ๆ เลย เพราะเราก็มาด้วยเหตุนี้ 😁
มันคือ The dome หนึ่งในห้องอ่านหนังสือของ State Library ที่ถูกออกแบบให้เป็นทรงโดมแปดเหลี่ยม สามารถเก็บหนังสือได้มากกว่าหนึ่งล้านเล่มและจุคนได้ถึง 600 คน เปิดในปี 1913 ซึ่งต่อมาในปี 2003 ที่นี่ก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า La Trobe Reading Room
La Trobe Reading Room
และถ้าเราเดินขึ้นไปถึงชั้น 5 จะได้รูปมุมสูงของโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ด้านล่างที่จัดวางเรียงเป็นรูปแปดแฉก เก๋มากเลย
1
ขอสารภาพเราไม่ได้ขึ้นไปถึงชั้น 5 หรอกแค่ชั้น 3 เอง 😅
ข้างในหอสมุดเค้าก็มีห้องแสดงนิทรรศการด้วยนะ มีโอกาสได้เดินดูนิดหน่อย
1
State Library of Victoria
จาก State Library of Victoria เราเดินออกไปตามถนน Swanston ซึ่งอยู่ใน CBD คนเยอะมาก
ชอบฟุตบาทที่เมืองนี้มาก กว้างที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย
เดินผ่าน Melbourne Town Hall มีคนกำลังจัดงานแต่งงานอยู่ข้างในด้วย
Melbourne Town Hall
เดินมาอีกนิดนึงก็จะเจอกับสี่แยกที่รวมเอา highlight ของเมลเบิร์นหลายๆ ที่มาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น St Paul's Cathedral , Flinders Street Railway Station , Federation Square , Hosier Lane เรียกว่ามาที่เดียวเก็บที่เที่ยวได้เยอะเลย
เริ่มจาก St Paul's Cathedral ค่ะ
St Paul's Cathedral
St Paul's Cathedral เป็นโบสถ์ในนิกายแองกลิกันที่เป็นอาสนวิหารด้วย เพราะมีอาร์ชบิชอปแห่งเมลเบิร์นซึ่งเป็นอัครสังฆราชประจำรัฐวิกตอเรียอยู่ที่นี่
St Paul's Cathedral
โบสถ์แห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย William Butterfield สถาปนิกสไตล์กอทิกชาวอังกฤษ เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1880 แล้วเสร็จในปี 1891 ยกเว้นยอดแหลมด้านบนที่ถูกออกแบบในสไตล์ที่แตกต่างจากเดิมและถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1926 ถึง 1932
St Paul's Cathedral นี่เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางสถาปัตยกรรมของเมลเบิร์นเลย ด้านในสวยมากค่ะ
ภายใน St Paul's Cathedral
แยกฝั่งตรงข้ามจะเป็นอีกไอคอนของเมลเบิร์นนั่นก็คือ Flinders Street Railway Station ที่เวลา search หาเมลเบิร์นจะต้องเจอกับรูปนี้แน่นอน
1
Flinders Street Railway Station
วันนี้ไม่ได้เข้าไปด้านในเนื่องจากขี้เกียจข้ามถนน 😅
Federation Square หรือ Fed Square ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ St Paul's Cathedral เลย
Federation Square
อันนี้ก็ไม่ได้เข้าเหมือนกัน ติดไว้ก่อนถ้ามีโอกาสมาใหม่จะไม่พลาดแน่นอน
จากโบสถ์เดินตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเจอกับ Hosier Lane
Hosier Lane
เป็นซอยเล็กๆ ที่ใช้เวลาเดินไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำแต่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพื่อชมงาน Graffiti สวยๆ ที่อยู่บนผนังกำแพงทั้งสองด้าน
Hosier Lane
Hosier Lane เริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงปี 1998 เมื่อศิลปิน Graffiti หลายๆ คนได้ใช้ถนนเส้นนี้เป็นที่แสดงออกทางความคิดด้วยการพ่นสีสเปรย์บนกำแพงเหล่านี้ หลังจากนั้นก็มีศิลปินอีกมากหน้าหลายตาเข้ามาสลับสับเปลี่ยนลวดลายบนกำแพงนี้อยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่ว่าจะมาที่ Hosier Lane กี่ครั้งเราก็จะได้เจอกับลวดลาย Graffiti ใหม่ๆ เสมอ
Hosier Lane
จาก Hosier Lane เราจะเดินข้ามถนนไปที่ Batman Avenue Bridge เพราะอยากจะไปเดินเล่นที่ Yarra Riverbank ซักหน่อย
เดินผ่านตึก Forum Theatre ใน East End Theatre District เป็นตึกที่สวยสะดุดตามาก
Forum Theatre
เดินขึ้นสะพานมาก็จะเจอกับทางเข้าสวนสาธารณะ Birrarung Marr ที่ขนานเลียบไปกับแม่น้ำ Yarra เลย บรรยากาศโคดดี
Birrarung Marr
สวนสาธารณะนี้เปิดเมื่อปี 2002 โดยชื่อ Birrarung เป็นภาษา Woiwurrung ของชาว Wurundjeri ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมือง Aboriginal หมายถึง "แม่น้ำแห่งหมอก"
มีเรือพาเที่ยวแม่น้ำ Yarra ด้วย
สวนนี้อยู่ใกล้กับ CBD นิดเดียว แต่สงบเงียบและร่มรื่นมากๆ
บรรยากาศริมแม่น้ำ Yarra
ใครเบื่อจากการเดินช็อปปิ้งก็มานั่งเล่นที่นี่ได้นะ บรรยากาศดีมากๆ ลมเย็นๆ มีคนมานั่งปิคนิค วิ่งออกกำลังกาย พายเรือเล่น ดูชิลมาก เรายังยึดเก้าอี้ตรงนี้นั่งเล่นอยู่เป็นชั่วโมงเลย
ได้เวลากลับบ้านแล้ว เดินผ่าน Fitzroy Garden สวนสาธารณะอีกแห่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้าน บรรยากาศนี่โรแมนติกชะมัด เดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะมานั่งเล่นในสวนนี้ซักหน่อย
Fitzroy Garden
ก่อนเข้าบ้านเก็บบรรยากาศแถว Fitzroy มาฝากอีกค่ะ
ย่านนี้เขา cool จริง
กลับบ้านมาเจอน้องแมวข้างบ้านมานั่งรอต้อนรับอยู่ซะด้วย
อ้อ…จะบอกว่าที่ไปทั้งหมดในวันนี้นี่เดินหมดเลยนะคะ ไม่ได้ใช้บริการ Tram แต่อย่างใดเลย เพราะที่เที่ยวในเมืองเค้าจะใกล้ๆ กันหมดเดินง่ายเลย แล้วอีกเรื่องที่ประทับใจมาก ที่นี่มีห้องน้ำสาธารณะเยอะมากๆ เข้าฟรีและค่อนข้างสะอาดด้วยนะ ตามสวนสาธารณะนี่พึ่งพาได้เลย 👍
ก็จบการเดินสำรวจเมลเบิร์นอีกวันของเราค่ะ เดี๋ยว Blog ต่อไปก็ยังมีที่สวยๆ น่าสนใจอีกหลายที่เลยนะ อย่าลืมมาเจอกันอีกนะคะ สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 😊
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา