28 มี.ค. เวลา 20:54 • ประวัติศาสตร์

Ragnar Lothbrok: The Man, The Myth, The Legend

เปิดตำนานของชายฉะกัน (คือตีกับเขาไปทั่ว)
ชาวนอร์ส นามว่า Ragnar Lothbrok (บางบันทึกก็ว่าชื่อ Ragnarr Lodbruk แต่มันฟังไม่ขลัง ไม่ปังปุริเท่าชื่อแรกอ่ะ — คหสต. ) ผู้ได้รับฉายามากมายที่พีคที่สุดของชาวสแกนดิเนเวีย
จากเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้น ณ ประเทศ Iceland แดนน้ำแข็งไส 350 ปีหลังจากท่านได้ปิดฉากชีวิตสุดยอดนักรบ ราชา ผู้นำสูงสุดของเหล่าชาวเหนือ (เหนือยุโรปนะไม่ใช่เหนือลำปางเชียงใหม่) ว่าเป็น (ขอแอ็คเซ่นคุณแพร วทานิกา)
“The father of the Great Heathen Army, Husband to a mythical warrior queen, King of Sweden and Denmark and the scourge of Anglo-Saxon England“ บลา บลา บลา
คือถ้าชายท่านนี้มีพาสปอร์ต แค่ชื่อตำแหน่งที่กล่าวมาก็น่าจะกินไปสามหน้ากระดาษ แล้วนี่คือเรื่องจริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ กับชายแทร่ผู้เป็นตำนานไวกิ้งส์ตัวพ่อ อกตึงกล้ามใหญ่แห่งดินแดนนอร์ส (อ้อ, รูปเรียกแขกด้านบนน่ะมาจากซีรีส์ Vikings นะจ๊ะ) รวมถึงมาทำความรู้จักกับสรวงสวรรค์ Valhalla (วัลฮัลล่า) ของชาวไวกิ้งส์ที่นักรบทุกคนปรารถนาจะได้ไป เพื่อฉลองความยิ่งใหญ่แบบผู้กล้าท้ามฤตยูกับเทพเจ้าโอดินพร้อมเหล่าทวยเทพและใช้ชีวิตอมตะหลังความตาย (อาย อาย อาย…..เสียงสเตอริโอ เอ็คโค่รัวๆ)
เริ่มเรื่องกันที่ดินแดนสแกนดิเนเวียยุโรปตอนเหนือ สถานที่อยู่อาศัยของชาวนอร์ส (ตอนนี้ก็เป็นแถบประเทศสวีเดน ฟินแลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ค ไอซ์แลนด์ กรีนแลนด์ etc.
ด้วยความที่คนเมื่อสมัยพันกว่าปีที่แล้วแถบนั้นเค้าไม่ได้มีซุปเปอร์มาเก็ตติดฮีตเตอร์ (แอร์ไม่ต้องคิด หนาวตับหดขนาดนั้น) ตลาดบอง มาเช่ หรือ The Emporium Gourmet ให้ช้อปอาหารมาใส่ตู้เย็นเก๋ๆได้แบบทุกวันนี้ ปลูกพืชปลูกอะไรก็ไม่ค่อยขึ้นเนื่องจากความหนาวทรมานที่เราคนไทยอาจจะไม่ เก๊ต แถมแสงแดดก็น้อยมีแค่ปีละ 3-4 เดือนที่คนจะได้ปลูกพืชเก็บเมล็ดพันธุ์ หาของป่า ล่าสัตว์มาตุนไว้กินและต่อสู้กับลมหนาว หิมะ สัตว์ร้าย สายฟ้า-พายุ
ฟง-อวิ๋น กาสะลอง-ซ้องปีบ (เอิ่ม ไม่ใช่ละ)
https://nordics.info/show/artikel/history-of-iceland-930
ตลอดปีที่เหลือและต้องเอาชีวิตให้รอดเพื่อจะได้ถึงฤดูกาลเพาะปลูก เก็บเห็ดป่า ล่ากวางมูส วนไปเป็นลูปเดิมๆ ทีนี้ ทุกประวัติศาสตร์ย่อมต้องมีตัวละครเปิดเรื่อง เริ่มกันในศตวรรษที่ 9 (ประมาณปีค.ศ. 800 กว่าๆ) การกำเนิดเกิดก่อของทารกน้อยหุ่นล่ำกล้ามโตที่ชื่อ Ragnar Lothbrok ในปีค.ศ. 815 ก็คือจุดเริ่มต้นแห่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญกับการนำพา
ชาวนอร์สเลือดนักรบฉบับช่างกลบางที่ของเมืองไทยยังต้องหลบไปหลังกำแพงวัดเลยทีเดียว เข้าไปบุกปล้นบุกตีชาวบ้าน ณ ประเทศนอกทางยุโรปตอนใต้
เท้าความก่อนว่า (เท้าอีกแล้ว ฮิปโปเท้าความทีไรยาวทุกที) ใครเป็นคนเริ่มใช้คำว่าไวกิ้งส์เพื่อเรียกชนเผ่าชาวนอร์ส ดังกล่าว คือว่าในศตวรรษที่ 12-14 ตอนที่ชาวแองโกล-แซกซอนใช้เรียกพวกชาวเหนือ จะเรียกเผ่าคนเถื่อนนักรบกลุ่มนี้ว่านอร์สแมนแบบเดิมมันก็ดูหน่อมแน้มไม่ปัง เปิดวิกิพีเดียดูดีกว่า (สมัยนั้นมันมีรึยัง) อ้าวโป๊ะเช๊ะไปเจอคำว่าไวกิ้งส์ (Vikings) เป็นภาษาไอซ์แลนด์โบราณที่เรียกคนเดินเรือท่องไปที่ต่างๆไม่ว่าจะค้าขาย ทำสงคราม รึถึงขั้นปล้นฆ่าคน ใช้ชีวิตเป็นโจรสลัดล่องไปที่ต่างๆที่มาบุกบ้านเมือง
https://viking.style/the-mysterious-vikings-origin/
พอถึงช่วงศตวรรษที่ 18 ได้มีนักเขียนชาวอังกฤษชื่อดังท่านหนึ่ง (ชื่อไรจำไม่ได้) ได้แต่งบทประพันธ์สำหรับเล่นละครเวทีให้ไฮโซในราชสำนักยุโรปได้สำราญกัน เขียนถึงชนเผ่าที่เคยมาบุกตบ ยึด ปล้น ฆ่าใดๆ และสร้างความวายป่วงไปทั่วหลากหลายทวีป จึงต้องมีการมองหาแฮชแท็กติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ตื๊กต่อกเพื่อเอาคาแร็คเตอร์เจ็บๆมาใส่ให้มันดูเว่อร์วังเข้าไว้
เอ้อ ไหนลองเอาหมวกจากฝ่ายเสื้อผ้ากองละครมา ใส่เขาสัตว์เพิ่มให้มันดิบเถื่อนกว่าเดิมดูซิ เฮ้ยแกรรร มันได้ว่ะ งานนี้รางวัลคอสตูมยอดเยี่ยมแห่งเวที Tony Award, Oscar, Red Carpet ทุกงานต้องกวาดเรียบจนกลายมาเป็นคำติดปากและติดหูติดตาทั่นผู้ชมจนทุกวันนี้แหละ โดยเฉพาะอังกฤษกับฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 8-11 ได้ถึงกับหน้าเงิบกันไปหลายยก จนบรรดานักเขียนนักประวัติศาสตร์ทั้งหลายเรียกยุคนั้นว่า The Age of Vikings อ่ะเฟี้ยวมั้ยล่ะ
ทั้งการมีกษัตริย์ที่มีเชื้อสายชาวนอร์ส เข้ามาปกครองและสืบราชวงศ์ผลิตองค์รัชทายาทกันออกมาผสมกับเจ้าหญิงเจ้าชายชาติพันธุ์ตนเองจนแยกกันไม่ออกแล้ว
ยกตัวอย่างในปีค.ศ. 1066 ขุนนางบุญหนักศักดิ์ใหญ่ชื่อ William, Duke of Normandy
ถูกส่งตัวมาจากเมืองทางเหนือของฝรั่งเศสเพื่อมาสู้รบตบแปะกับอังกฤษจนยึดอำนาจทั้งหมดมาครองได้ แล้วตั้งตนเองให้เป็นกษัตริย์อังกฤษในชื่อใหม่ไฉไลกว่าเดิมว่า King William The Conqueror หรือชื่อไทยว่าพระเจ้าวิลเลี่ยมผู้พิชิต (วิชาประวัติศาสตร์ 102 คราวนี้ครูเพ็ญแขมาสอนให้เราหลับ)
https://www.historic-uk.com/HistoryUK/HistoryofEngland/William-The-Conqueror/
จากนั้นเหตุการณ์ที่พระเจ้าวิลเลี่ยมผู้พิชิตนี้มายึดอังกฤษ ลากยาวถึงสงครามต่อมาในรุ่นหลานเหลนขององค์พ่อก็เริ่มปะทุขึ้นจนเกิดเป็นสงครามร้อยปี A Hundred Years War เมื่อช่วงค.ศ. 1337 - 1453 (โอยปวดกบาลกับตัวเลข) ซึ่งจะขอเม้าใน EP ต่อไป มาเมื่อไหร่แล้วแต่เวลาและถ้าอารมณ์ดี และโยงใยไปถึงวีรสตรี-นักบุญอีกท่านที่ฮิปโปไหว้สาด้วยความเคารพส่วนตัว Jehanne d’Arc (Anglitized ว่า Joan of Arc, Thailandized ว่า โจน ออฟ อาร์ค)
อ้าวฮิป เท้าความมาเยอะเดี๋ยวได้โดนเทนะ จะถึงเรื่องพระเอก Ragnar ได้ยัง ใจร่มๆเพื่อนๆ คุ้นๆมั้ยว่าเมืองที่องค์กษัตริย์วิลเลี่ยมผู้พิชิต ซึ่งเป็นดยุค บิ๊กบอสจากอาณาจักร Frankia เมือง Normandy น่ะ (ก็ฝรั่งเศสตอนนี้แหละ แล้วคุ้นๆมั้ยว่า Frankia => Frank => France ทำให้เข้าใจได้ว่าเทือกเถาเหล่ากอชนยุโรปพวกฝรั่งเศส เยอรมนี — Frankfurt ไงที่ไม่ใช่แค่ไส้กรอก รวมทั้งตะเข็บชายแดนใกล้เคียงก็สืบมาจากสายเครือญาติกัน ใครเข้าใจรับไป 2 คะแนนสะสมแต้มบุญไว้แลกอมยิ้ม)
Ragnar & Rollo Credit: The Vikings Series
โอยเหนื่อย ปีนซะสูงจะกว่าหาทางลงได้ เอาเป็นว่า บรรพบุรุษบรรพสตรีของฮีวิลเลี่ยมนั่นแหละไปตีพื้นที่นั้นมาได้เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนหน้า (ซึ่งก็คือหลังจากพี่แร็กนาร์และผองเพื่อนบุกอังกฤษกับฝรั่งเศสไง) เพราะจากชื่อเมือง ถ้าใครอ่านโคนัน, วันพีซ, ผสม Game of Thrones บ่อยๆ ก็น่าจะคิดได้นะว่าไอ่เมือง Normandy น่ะมันมีรากศัพท์เดียวกับคำว่า Norseman => Norman => Normandie => Normandy หรือชุมชนชาวนอร์สชาวเหนือนั่นเองเจ้า
ขอ Fast forward มาที่ปีค.ศ. 843 (คุณตาของฮิปโปจะใช้คำว่า กรอเทป 555 วัยรุ่นปี ‘60 ที่แท้ทรู) ตอนที่พี่ Ragnar ซึ่งได้ชื่อและตำแหน่งว่าเป็น King of Norseman บ้างก็ว่าเป็นลอร์ด เป็นเอิร์ลของกลุ่มนักรบ (คล้ายๆตำแหน่งขุนนางอังกฤษที่มี Lord มี Eerl เนอะ) อายุประมาณ 28 ปี มีเมียสามลูกอีกสี่ จะทำไงดี ปลูกข้าวปลูกนาก็ลำบากขึ้นทุกวัน อาหารเริ่มไม่พอ ตัดสินใจคุยกับบรรดาเมียๆและลูกน้องนักรบที่ตัวใหญ่เกือบเท่ายักษ์น้ำแข็งว่า
พวกเราควรจะต้องต่อเรือแล้วล่องเสี่ยงโชคไปหาแผ่นดินใหม่กันเถอะ อย่างมากอยู่ที่เดิมก็จะพากันอดอยากตายหมด แต่ถ้าเราเสี่ยงให้เทพเจ้าโอดินกับเทพธอร์เห็นว่าเราคือกลุ่มนักรบผู้กล้าห้าวเป้ง เต็งหนึ่ง บุกปล้นดินแดนทางใต้ฝั่งตะวันตกแล้วเอาทรัพย์สินของมีค่ากลับมา เราอาจจะยึดดินแดนมันมาก่อตั้งให้ลูกหลานเรามีกินมีอยู่ ดีกว่าต้องมาไล่กวดสัตว์กิ๊บกี้ ตกปลาแซลมอน ล่าวาฬล่าปลาฉลามกันแบบนี้
https://www.history.com/topics/exploration/vikings-history
ได้ความดังนั้น พี่ Ragnar และพรรคพวกจะรออะไรเดี๋ยวผู้ชมหายหมด พวกผู้หญิงก็ซ่อมแซมกระท่อมที่อยู่ เก็บอาหารของป่าไว้เป็นเสบียงให้ครอบครัว พวกผู้ชายก็ออกไปตัดไม้มาต่อเรือ บ้างก็แยกย้ายกันไปสืบข่าวจากพวกพ่อค้าที่แลกเปลี่ยนขายของกัน จนไปได้สิ่งที่เรียกว่าเข็มทิศ Asatru ที่ทำจากอัญมนีหายาก ชื่อก็จำยากแต่ไปหามาให้แล้วนะ ชื่อ Iolite (ไอโอไลต์)
https://varianceobjects.com/blogs/gemstone-history/iolite-history-mythology-the-viking-compass
เอามาใช้นำทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่เชื่อว่าเป็นดินแดนใหม่อันอุดมสมบูรณ์ ถ้าเป็นพวกเราอยู่เมืองไทยคงขอแลกบ้านกับพี่แร็กนาร์เนอะ นอนในกระท่อมไม้สนเก๋ๆบุหนังสัตว์ ดูแสงเหนือ เล่นหิมะ ตกปลาแซลม่อนมาทำซาชิมิ ไม่อยากอยู่เมืองที่ร้อนเหมือนซ้อมตกนรก เบื่อหมูกะทะ แต่อย่าหาทำนะ เพราะดินแดนสแกนดิเนเวียสมัยนั้นน่ะมันโหดสลัสกว่าหลายที่ในตอนนี้ซะอีก
อ่ะ เรือก็ต่อได้แล้ว ซึ่งเค้าต้องลองผิดลองถูกกันนานมาก จนเกิดประดิษฐกรรมกระดูกงูกลางลำเรือที่ทำให้เรือมีน้ำหนักเบา แต่ทรงตัวในกระแสน้ำแรงๆได้ดี ปรับให้รูปเรือเพรียวลม ใส่ใบเรือเพื่อจะแล่นได้ฉิวๆ แถมด้วยต้องปะยี่ห้อ Ferrari หน้าเรือให้เป็นรูปหัวมังกรเพิ่มความน่าเกรงขามขนาดโคตรไอ้หลาม เมกะโลดอน (Megalodon แปลว่าฟันใหญ่นะจ๊ะ) จอมเขมือบยังต้องถอยหากไม่สูญพันธุ์ไปเสียเมื่อสองล้านกว่าปีก่อน
https://northlord.com/en-us/blogs/northlord-blog/drakkar-the-longship-of-the-vikings
เรือไวกิ้งส์เหล่านี้จึงได้ชื่อว่าเรือ Drakkar ที่เป็นรากศัพท์ของคำว่า Dragon ที่แปลอีกทีว่ามังกรนะคะครูเพ็ญแข อ้อๆ ชื่อ Drake, Draco, Dracu ใดๆที่เราๆเคยได้ยินกันบ่อยๆทั้งจากนักร้อง (?), ตัวละครในแฮรี่ พ็อตเตอร์ (Draco Malfoy), Vlad Dracula ที่ไปๆมาๆจากเจ้าชายสายโหดตัวจริงในประวัติศาสตร์ฮังการีไหงโดนยำซะกลายเป็นนิยายผีดูดเลือด เดี๋ยวจะมี spin off มาเล่าให้ฟังนะ
https://mythopedia.com/topics/freyr
กลับมาต่อๆ เข็มทิศพิเศษก็มีแล้ว ถึงคราวที่เราต้องบูชาเทพเจ้า Freyr เทพนอร์สอีกองค์ผู้เชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองกองเรือ ส่งลมพัดตึ้งมาให้แล่นฉิวแล่นไว นอกเหนือจากการบวงสรวงเทพแห่งสายฟ้าพี่ Thore ผู้หล่อเหลา เคราแดง หน้าคล้าย Chris Hemsworth แห่งจักรวาลมาร์เวลเจ้าของค้อน Mjöneir แฟนของฉันคนเดียว (อุ๊ปส์) และท่านเสด็จเตี่ยโอดินเทพสูงสุดแห่งชาวนอร์สทั้งปวง
https://norse-mythology.org/gods-and-creatures/the-aesir-gods-and-goddesses/odin/
ที่พระองค์พ่อโอดิน มักจะส่งตัวแทนเป็นนกเรเวน (Raven) สีดำสนิทสองตัวใหญ่มาส่องดูในโลกหล้าว่าใครเปรี้ยวจริง สู้รบจนตัวตายไม่แคร์สี่แคร์แปด จึงจะมารับดวงวิญญาณไปยังสวรรค์วัลฮัลล่าเพื่อปาร์ตี้กับเหล่าเทพต่ออย่างเป็นอมตะนั่นเอง—ถึงได้บอกไว้ไงว่าชาวไวกิ้งส์เค้าพร้อมสู้จนตายด้วยความกล้าหาญ แล้วงี้ใครจะกล้าบวกกับพี่ๆเค้าล่ะ
คราวนี้ก็ได้เวลาบอกลาลูกเมีย ไปค่ะพี่สุชาติ เอ๊ยพี่แร็กนาร์ ก็ล่องฝ่ามรสุมคลื่นลมกันไป จนเหยียบได้ถึงฝั่งดินแดนใหม่ที่ตอนนั้นยังไม่เป็นประเทศ อังกฤษอ่ะนะ แต่เป็นชนอารยะกลุ่ม Anglo-Saxon (เพื่อนๆ ศัพท์กะปริบกะปรอยมาอีกแล้ว Anglo - Anglitan - Brittania - Britain - England - Anglais - อังกฤษ เครเนอะ) ที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นหลัก ดินแดนนี้ชื่อว่า Northumbria ซึ่งกษัตริย์ตอนนั้นคือ King Ælla (ชื่ออ่านยากหน่อยนะ มโนเองละกัน)
https://www.medievalware.com/blog/viking-invasion-england-part-1-first-raids/
คิงเอลล่าที่มีทหารผู้ถูกกลุ่มดาวหมีใหญ่ เอ๊ยกลุ่มพี่แร็กนาร์กระทืบยับกลับมารายงานว่า นายท่านๆ พวกเราโดนบุกปล้นจากคนทางเหนือ พวกมันจับนักบวชฆ่าแล้วยังทำลายโบสถ์ด้วย (ตอนนั้นเค้าก็รู้ๆแหละว่าเหนือขึ้นไปมันมีดินแดนชาวเถื่อนอาศัยกันอยู่ ที่เรียกชาวเถื่อนเพราะคนกลุ่มพี่แร็กนาร์เค้าโหดกว่าปีศาจจากนรกโด๊ปเครื่องดื่มชูกำลัง แถมยังนับถือเทพเจ้าอะไรก็ไม่รู้ นี่ได้ยินว่าพวกมันจับเชลยมาซึ่บๆ เอาเลือดไปสังเวยเทพนอกรีต แถมทำพิธีบูชาแม่มดกินเห็ดเมาอะไรกันด้วย โอ๊ยมันเถื่อน!!!)
ต่อจ้ะ พอคิงเอลล่ารู้ว่ามีบาทามาลูบพระพักตร์ตนเองถึงถิ่น แถมมันยังบุกปล้น ฆ่านักบวชแห่งคริสตจักรอันศักดิ์สิทธิ์พระองค์ก็อยู่เฉยไม่ได้สิ แต่งองค์ทรงม้าให้คนไปเจรจากับพวกไอ้หมีป่านั่น — ใช่แล้วเพื่อนๆอย่าเอาซีรีส์เน็ตฟลิกซ์กับชีวิตจริงมาปนกันนะ ถามหน่อยว่าถ้าเพื่อนๆเป็นคิงเอลล่า จะเข้าไปบวกไป
ไฝว้ฟ์ตัว-ตัวกับปีศาจยักษ์ภูเขา ขี่เรือมังกรมาสอยหัวเรามั้ยล่ะ การเจรจาจึงเกิดก่อนที่จะมีการนองเลือดให้ shipหาย (My ship is gone) มากไปกว่านี้
สรุปก็คุยภาษามือกันนานสองนาน ได้ความว่าพวกไวกิ้งส์จะไม่ถอนสมอเรือออกไปจนกว่าจะได้เงินทองข้าวของเท่านี้ๆ นะ แต่ไม่รับปากว่าจะไม่กลับมาอีกในฤดูร้อนหน้าโว้ย วะฮ่ะฮ่า คิงเอลล่าก็ต้องอดทนกัดฟันกรอดๆ ในใจคิดว่าไม่ได้ละ เราต้องหาพันธมิตรดินแดนข้างๆ อย่างน้อยวันนี้ก็ต้องให้ทรัพย์สินมันไป รักษาชีวิตผู้คนฝั่งเราไว้ก่อน โอกาสหน้าพระเจ้าต้องเข้าข้างเราและไล่ไอ้แร็กนาร์หน้าหมีออกไปแล้วค่อยคิดบัญชีกับมัน หึ หึ หึ…
ตัดกลับมาที่กลุ่มพี่แร็กนาร์ การปล้นครั้งนี้มันง่าย มันเบียว มันทำให้เทพเจ้ารักเรา ทุกคนจงเตรียมตัว เอาข้าวของเงินทองกลับบ้าน ฤดูร้อนหน้าเราจะไปให้ถึงแผ่นดินใหญ่อีกเมืองของพวกแซ็กซอน แล้วแวะไปปล้นเมืองคนรวยต่อไปที่ชื่อว่า Paris (อย่าลืมนะ ไอ่เมืองที่เราไปเที่ยวหอไอเฟล ถ่ายเซ้วฟี่ กินครัวซองต์ ช้อปปิ้งที่ถนนช็องส์ เอลิเซ่ก็ยังไม่มีเด้อ) แล้วยึดเอามันเลย!!!
2
https://warfarehistorynetwork.com/article/the-great-viking-siege-of-paris/
กรอเทปวนไปจ้ะ เวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง ในปี 845 (ประมาณเอานะ ใครให้เยอะกว่านี้มั้ย)
พี่แร็กนาร์วัย 30 ผู้ห้าวเป้งและพร้อมบุกทุกเมือง ปล้นทุกที่ เตรียมกำลังพล 5,000 นาย พร้อมตัวละครใหม่คู่ใจ (แต่ไม่คู่จิ้น) มาด้วยในซีซั่นนี้ เป็นบัดดี้ที่พร้อมรับเจ็บแต่จบไปด้วยกันชื่อ Rollo (ฟังดูเหมือนโรลเลอร์ โคสเตอร์ รถไฟเหาะตีลังกาในแดนเนรมิตเหมือนกันเนอะ ชีวิตพี่แกโลดโผนสมชื่อ)
พวกพี่หมีก็ขนกำลังคน เรือ อาวุธ หอก ขวาน โซ่แส้ กุญแจมือ (เอิ่ม… เรท 18+ ก็มา) ไปกันพวกเรา ถ้าเกิดอะไรใครตุยเย่ก่อนก็ไปเจอกันที่สรวงสวรรค์วัลฮัลล่าแล้วกันนะเพื่อน เรือไวกิ้งส์ Drakkar ที่เติมบัฟมาจนเต็มเลเวลก็ล่องเข้าแม่น้ำแซนน์ (Seinne River) ราวกับกระทงใบตองนับร้อยอันในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองกันเลย
จากนั้นไม่ต้องสืบ เสียงโหวกเหวกโวยวายจากทหารยามเฝ้าป้อมก็แหกกระจายดังขึ้น พวกปีศาจหมีมาแล้ว คราวนี้มันหมีควายเลย กรี๊ดน่ากลัวมากๆๆๆๆ เสียงคำราม เสียงกรีดร้อง เสียงอาวุธ กลิ่นเลือด และควันไฟ ได้ติดตรึงในความทรงจำฝังใจของผู้แพ้ ความสูญเสียครั้งใหญ่ของนครศักดิ์สิทธิ์นามปารีสก็ถูกบันทึกส่งต่อมาจนถึงปัจจุบันที่ฮิปโปได้ไปเผือก ไปอ่าน ไปกินวุ้นแปลภาษามาเล่าให้เพื่อนๆฟังนี่แหละ
เหตุการณ์นี้เรียกว่า The Seige of Paris นะ ใครว่าง ไม่มีอะไรทำ อยากเพิ่มเซลล์สมองอีก 82,000 เซลล์เชิญไปหาอ่านเพิ่มกันได้ตามลิ้งค์ด้านบน สนุกและได้ความว้าวมากๆ
การปล้นครั้งนี้ทำให้ชื่อของเสด็จพ่อแร็กนาร์และป๋าโรลโล่ขจรขจายไปไกลกว่าเดิม คนเรานะยิ่งดัง (ด้านดิบๆ มีแต่คนก่นสาป) เท่าไรก็เหมือนมีเสียงร้องเรียกให้ความตายมันเข้ามาใกล้เร็วขึ้นเท่านั้น (อันนี้ซุนวูไม่ได้กล่าว ฮิปโปกล่าวเอง) สองคู่หูขาโจ๋ปาท่องโก๋ยามเช้าแร็กนาร์-โรลโล่ ยิ่งปล้นยิ่งสะสมกองกำลังอาวุธ รวมกับยิ่งมีเหล่า Norseman เข้ามารวมพลบุกตบขยายพื้นที่ดินแดนมากขึ้นเรื่อยๆ
บ้างก็ไปปักหลักปักเขตกันเกือบทั่วยุโรปจนไปฟาดกับอาณาจักร เคียฟ-รุส (Kievan Rus) ซึ่งก็คือรัสเซียตอนนี้ (เดี๋ยวต้องมีตอนต่อประวัติศาสตร์โหดสลัสการก่อตั้งประเทศรัสเซีย) ลามไปถึงดินแดนทวีปอเมริกาเหนือฝั่งแคนาดาที่ตอนนี้เรียกว่าเมือง Newfoundland (ขอใช้ชื่อประเทศปัจจุบัน ไม่งั้นคนเขียนแหละจะงงเอง)
โดยเสด็จพ่อไวกิ้งส์ตัวตึงนักล่องเรือในตำนานอีกท่านที่ชื่อ Leif Ericsson คนนี้แหละที่ประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าล่องเรือไปเจอกรีนแลนด์ แล้วต้องการอยากหลอกพวกเผ่าอื่นว่าเนี่ยแผ่นดินนี้มันมีแต่ผืนหญ้าเขียวสดใส มันอุดมสมบูรณ์ เชิญพวกเอ็งมาตั้งบ้านตั้งเมืองกันให้หมด เห็นมั้ยข้าตั้งชื่อมันว่ากรีนแลนด์แดนทุ่งหญ้าลาเวนเดอร์เลยนะ เดี๋ยวข้าจะเสียสละอยู่ไอซ์แลนแดนน้ำแข็งเอง
https://www.worldhistory.org/Leif_Erikson/
ทั้งๆที่กรีนแลนด์มันสุดแสนจะหนาวเลวร้ายกว่าเดิม เพิ่มเติมคือไม่มีสี่มีแปดให้เก็บกินอะไรเลยอีกด้วย โอยยยย หัวจะปวด ถึงตรงนี้ครูเพ็ญแขอาจแย้งขึ้นมาพร้อมถือไม้เรียวขู่ว่าจะบ้าเหรอ ตำราว่าไว้ว่าคนที่เจอทวีปอเมริกาคนแรกต้องเป็นคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสสิ จะมาอิริกสัน โนเกีย (ใครทันมือถือฝาพับ ฝาสไลด์แล้วต้องโหลดเพลงริงโทนครั้งละ 15 บาททุกสามวันบ้าง) บ้าบออะไร
ก็ต้องขอแจ้งคุณครูด้วยความเคารพนะคะว่ามันมีหลักฐานการค้นพบซากเรือ เหรียญตรา รวมถึงดาบของชาวนอร์สที่จมโคลนมากว่าพันปีที่แคนาดาค่ะครู เดี๋ยวถ้า Ep นี้มีคนอ่านจบเกินสามคนจะมาทำตำนาน spin off ของไวกิ้งส์ท่านอื่นเพิ่มนะ
1
เอ้าหยิบเข็มทิศ จีพีเอสกลับมาที่เดิมกันต่อ ป๋าโรลโล่ได้บอกเสด็จพ่อแร็กนาร์ว่า “ลูกพี่ผมขอปักหลักปักแดนกินหอยทาก Escargot อยู่ที่ผืนดินที่เราจะเรียกมันว่า Normandy ละกันนะ ตั้งชื่อตามศาสตร์การ
ดูดวงจากอาจารย์หนึ่ง จักรวาลให้เป็นสิริมงคลกับพวกเราชาวเหนือ อยู่ห่างจากปารีสแค่สองร้อยกว่ากิโลเมตรเอ๊ง นั่งรถไฟด่วนยูโร สตาร์มาเก็บภาษีหนึ่งชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้ว“
อย่ามัวดูแต่กล้าม อ่านเรื่องพี่เค้าด้วย https://www.history.co.uk/articles/11-facts-about-viking-leader-rollo
“และต้องขออนุญาตลูกพี่ให้ผมเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์เถอะนะ เพื่อประโยชน์โพดผลด้านการเมืองล้วนๆ เราจะได้ปกครองผู้คนกันง่ายๆ นี่ผมก็กำลังจะแต่งเมียเอาเจ้าหญิงฝรั่งเศสมาเป็นราชินี ออกลูกหลานชาวดาวหมีเยอะๆพวกขุนนางมันจะได้ไม่กล้าหืออือกับเราได้ไง”
พี่แร็กนาร์ได้ฟังก็ต้องเก็บมาคิด คนเราคิดการใหญ่ใจต้องนิ่ง อย่ากระนั้นเลยนะเทพธอร์เทพโอดิน ที่โรลโล่ว่ามามันก็ถูก เดี๋ยวทางเราจะจัดพิธีบูชายัญชุดใหญ่ยิ่งกว่างานแห่มังกรนครสวรรค์รวมกับงานตรุษจีนเยาวราชให้ ขอท่านจงเข้าใจพวกเราด้วย รักนะจุ๊ฟๆ จากนั้นป๋าโรลโล่ผู้ได้ครองดินแดนที่ไปตบมาได้ จนสวมมงพระราชา มอบชื่อแซ่ใหม่ให้ตนเองว่า King Rollo of Normandy
ชีวิตคนเราเนอะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าทุกสิ่งต้องมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เฉกเช่นชื่อเสีย(ง) ของพระเอกแร็กนาร์ ขาร็อคของเรา เพื่อนๆยังจำความแค้นของคิงเอลล่าตอนต้นเรื่องได้มั้ย ซีซั่นนี้พี่แกกลับมา กลับมาทวงแค้นและหมายใจว่าจะส่งไอ้แร็กนาร์หมีควายดิบเถื่อนนี่ให้พระผู้เป็นเจ้าจับมันไปลงนรกของชาวคริสต์ผู้บริสุทธิ์อย่างเราให้จงได้!!!
ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของราชาผู้เหนือราชานามว่าแร็กนาร์ ล็อธบร็อก ว่ากันว่าจบไม่ค่อยสวยนัก เอาจริงๆนะถ้าใครบ้าเกม บูชาหนัง ซีรีส์ที่พระเอกหล่อ คลั่งไคล้ตำนานเทพเจ้านอร์ส (อย่างฮิปโป) ก็น่าจะตะหงิดๆตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ ว่าชื่อ Ragnar Lothbrok มันมี Easter Egg ซ่อนไว้เหมือนได้โหรตาบอดปากดำในซีรีย์ Vikings มาส่งสาร ดูคำที่ฮิปโปขีดเส้นใต้ (ทิพย์) แล้วเอามาเรียงกัน พูดตามปากณัชชานะคะ Ragnar (Lothb)Rok = Ragnarok = วันสิ้นโลกและสิ้นเทพเจ้า Asguard ไงเพื่อนๆ!!
ด้วยความรู้สะสมจากปริญาตรีสาขามโน โทติงต๊อง และกำลังจะสอบเรียนปริญญาเอกหมากก้องด้อง (พอเถอะ) มันทำให้เราเขียนเรื่องราวบวมๆกันได้ขนาดนี้
ขอเลือกจุดจบของพระเอกท่านนี้มาหนึ่งตำนานที่
แกรนด์และเกรียนที่สุดละกันนะ ย้อนไปนิดนึง (ย้อนนิดเดียวจริงๆ เอ๊ะ อย่าจึ๊ปากไล่สิ) ช่วงสุดท้ายของ
ชีวิตโหดๆ ใจโทรมๆของพี่หนุ่ย ไมโคร เอ่อ ของพี่
แร็กนาร์ผู้มีเมียสามลูกสี่ ซึ่งลูกชายทุกคนก็สมใจพ่อนะคือโหดมากๆ โหดโพดๆ โหดเข้ๆ ได้ครองดินแดนขยายอาณาจักรอะไรกันไปเยอะมากไว้จะเขียน spin off ต่อ
ในปีค.ศ. 860 พอดิบพอดี ซึ่งพี่แร็กนาร์ก็อายุอานามได้ 45 ปีแล้ว คิดดูนะเพื่อนๆ คนที่ต้องจับขวาน ซัดหอก ดวลดาบกับนักรบทั่วหล้า ร่างกายมันก็เริ่มไม่ไหวป่ะ อย่าได้คิดไปเข้ายิม เติมฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ เช้ามาให้เมียปั่นน้ำผักโขมใส่ไข่ดิบกับอกไก่กิน (โอย คลื่นไส้แทน) ก่อนออกไปตรวจราชการ ไม่มีนะครับพี่น้อง ถึงจะได้ชื่อว่า The Great King of Norseman ตามพาสปอร์ตข้างบน แต่บทสรุปคือ….
https://www.vikingheritage.net/blogs/viking/ragnars-death
พี่แร็กนาร์โดนตาคิงเอลล่าคู่แค้นเก่าส่งทหารมาหลอกเอาตัวไปกระทืบจนเละ แล้วจับโยนลงในบ่องูพิษหลายร้อยตัวทั้งที่ยังมีลมหายใจ ต่อให้พี่มีเสด็จพ่อเป็นเทพโอดิน พี่ก็ต้องลาท่านผู้ชมไปยังแดนสวรรค์วัลฮัลล่า ปาร์ตี้ต่อในโลกหน้าเรียบร้อย
เห็นมั้ยว่าฮิปโปหมดเซลล์สมองไปมากแค่ไหนกว่าจะเขียนเรื่องนี้เสร็จ เอาล่ะมาเข้าครัวทำอาหารที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพี่แร็กนาร์กันดีก่า
ซุปเนื้อลูกแกะใส่ผักสามสี Icelandic Lamb Soup ถ้าอยากเก๋แบบชาวไอซ์แลนด์ให้เรียกว่า Kjötsúpa นะจ๊ะ
https://leaandjay.wordpress.com/2020/06/30/kjotsupa-icelandic-lamb-soup/
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
• เนื้อลูกแกะส่วนไหล่ 1 กิโลกรัม
• สามเกลอฝรั่งหั่นเต๋า ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Mirepoix (แครอท // คึ่นช่าย // หอมใหญ่) 2 ถ้วยตวง
• มันฝรั่งปอกเปลือกหั่นเต๋า 1 ถ้วยตวง
• น้ำมันมะกอก (โอลีฟออยล์นะ ไม่ใช่มะกอกใส่ส้มตำ) 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำซุปเคี่ยวจากกระดูกแกะหรือกระดูกไก่ 2 ถ้วยตวง (กระดูกคนที่เหลือจากการบูชาเทพไม่ต้องใส่มา คิงเอลล่าฝากบอก)
• สมุนไพรแห้งจากไอซ์แลนด์ 2 ช้อนชา (น่าจะหายากหน่อย ฮิปโปต้องไปซื้อถึง Reykjavik, Iceland แน่ะ) ถ้าเพื่อนๆมีสมุนไพร Italian Seasoning ก็น่าจะถูไถสไลเดอร์ได้อยู่
• เกลือหิมาลัย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ถ้าแถวนั้นภูเขาไฟระเบิดพอดีก็ใช้เกลือ Volcanic ดำๆ เค็มๆได้ มีจริงๆนะไม่ได้เล่นมุขห้าบาท
• พริกไทยหลากสีบดหยาบ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ เค้าเรียก Rainbow Peppercorns หรือ Medley Peppercorns ไม่ได้กวนโอ๊ย
วิธีทำ
• ตั้งหม้อที่จะเคี่ยวซุปบนเตา, ใส่น้ำมันมะกอก พอร้อนเอาสามเกลอฝรั่ง Mirepoix ลงผัดให้ผักสุกนิ่ม สัก 4-5 นาที
• ใส่เนื้อลูกแกะส่วนไหล่หั่นเต๋า (จะไหล่ซ้ายไหล่ขวา ลูกแกะเพศไหน LGBTQ+ ได้หมด เราส่งเสริมความเท่าเทียม) ลงไปผัดด้วยกันสัก 8 - 10 นาที เติมสมุนไพรไอซ์แลนด์รึอิตาเลี่ยน, เกลือ/พริกไทยสักครึ่งนึงก่อน จืดไปเติมได้ เค็มไปตัวใครตัวมัน ผัดจนเนื้อลูกแกะเริ่มสุก สีน้ำตาลอ่อนสวยงามแต่ไม่เกรียมนะเดี๋ยวรสชาติจะขม
• เติมน้ำซุป เติมมันฝรั่งหั่นเต๋า เคี่ยวไฟอ่อนจนเนื้อลูกแกะสุกนิ่ม ประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง
• ตักซุปใส่ชามกระเบื้อง ใครรวยหน่อยใส่ชามทองคำเลยจ้ะ นิยมรับประทานกับขนมปังอบใหม่ ถ้าคิดถึงป๋าโรลโล่ก็เอาขนมปังบาแกตต์ (La Baguette) มานั่งแทะด้วย เครื่องดื่มใส่น้ำแข็งไม่ต้อง เพราะไอซ์แลนด์หนาวมากแล้ว แต่ข้างกายได้มีไออุ่นจากตัว
เทอก็พอ
อร๊ายยยยย
ด้วยรัก, ฮิปเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา