28 พ.ค. เวลา 12:11 • หนังสือ

The Dreamtime : A Novel ความเจ็บปวดที่ไม่ได้จบลงเมื่อกระสุนหยุดยิง

สงครามไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสนามรบ แต่มันเข้ามาสิงสู่อยู่ในจิตใจของผู้คน ความเจ็บปวด ความสับสน และความจริงที่ไร้รูปแบบกลายเป็นสิ่งที่ยากจะแยกแยะออกจากกันอย่างชัดเจน นี่คือโลกของ The Dreamtime : A Novel ผลงานเปิดตัวของนักข่าวสงครามชาวยูเครน ผู้เคยถ่ายทอดเหตุการณ์จริงจากแนวหน้าอย่างกล้าหาญ มสตีสลาฟ เชอร์นอฟ (Mstyslav Chernov) แต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้หยิบกล้องขึ้นมาจับภาพ หากแต่หยิบปากกาขึ้นมาเล่าเรื่องแทน ด้วยภาษาวรรณกรรมที่เจ็บลึก ซับซ้อน และสวยงาม
คือเรื่องมันเป็นอย่างงี้ครับ ก่อนที่จะเขียนนวนิยาย เชอร์นอฟเป็นที่รู้จักจากภาพข่าวสงครามยูเครนในเมืองมารีอูปอล ซึ่งกลายเป็นสารคดีชื่อดัง 20 Days in Mariupol ที่คว้ารางวัลออสการ์สารคดียอดเยี่ยมในปี 2024 อย่างสมศักดิ์ศรี ในสารคดีนั้น เขาเป็น "พยาน" ต่อการถูกปิดล้อมและเข่นฆ่าของกองทัพรัสเซีย ในขณะที่ The Dreamtime เป็นเหมือนการเขียนถึง "สิ่งที่กล้องถ่ายไม่เห็น" ความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ในชั้นลึกที่สุดของจิตใจมนุษย์ที่อาศัยอบู่ในพื้นที่สงครามและหลังสงคราม
ชื่อเรื่อง The Dreamtime อ้างอิงถึงแนวคิดของชนเผ่าอะบอริจินในออสเตรเลีย ซึ่งเชื่อว่า "เวลาแห่งความฝัน" เป็นช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์ที่ปัจจุบัน อดีต และอนาคตดำรงอยู่ร่วมกันโดยไม่มีเส้นแบ่ง มันคือการรับรู้โลกแบบวงกลม ไม่ใช่เส้นตรง เป็นพื้นที่ที่ประวัติศาสตร์และตำนาน ผีและชีวิต ความทรงจำและจินตนาการผสานกันอย่างไร้รอยต่อ
เชอร์นอฟนำแนวคิดนี้มาปรับใช้เพื่อเล่าเรื่องของผู้คนที่ “ยังอยู่” หลังสงคราม แต่ไม่เคยหลุดพ้นจากมัน พวกเขาต่างเดินวนในเขาวงกตของความทรงจำ เสียงระเบิด ภาพศพ และคำถามที่ไม่มีคำตอบ ด้วยสำนวนกึ่งจริงกึ่งฝันที่แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นเหตุการณ์จริง อะไรเป็นภาพหลอน
นวนิยายเล่าเรื่องผ่านตัวละครหลัก 4 คน ซึ่งแต่ละคนคือมุมมองที่ต่างกันต่อสงคราม ความรุนแรง และการพยายามจะเยียวยาจิตใจของตน
K หมอที่ไม่ได้มีเป้าหมายทางการเมือง แต่เลือกเดินทางเข้าสู่เมืองในเขตยึดครองเพื่อรักษาผู้คน เขาไม่ใช่ตัวแทนของ “คนดี” ที่ไม่ได้มีอุดมการณ์หรูหรา หากแต่เป็นคนที่มีความรู้สึกผิดในอดีต ที่เราค่อยๆ ได้เห็นจากความทรงจำกระจัดกระจายของเขา K มีความกลัวอยู่ลึกๆ ว่าเขากำลังใช้การ “ช่วยชีวิต” เพื่อหนีจากการยอมรับความจริงของข้อผิดพลาดบางอย่างในอดีตของเขา
Eva เด็กสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อที่ป่วยทางจิตในเมือง Slovyansk ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย แม้จะไม่มีระเบิดลงบนบ้านโดยตรง แต่เธอถูกล้อมด้วยภัยที่มองไม่เห็น ทั้งจากสภาพแวดล้อมและจิตใจของพ่อ เธอกลายเป็นผู้ดูแลอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งทางกายและทางจิตวิญญาณ ขณะที่โลกภายนอกกำลังพังทลาย Eva เป็นตัวแทนของคนธรรมดาที่ไม่มีทางหนีและไม่กล้าหนีด้วย
Maria นักนิติวิทยาศาสตร์ เธอใช้ตรรกะและวิธีพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อแยก “ความจริง” จาก “ความรู้สึก” แต่ยิ่งเธอพยายามควบคุมความเป็นเหตุเป็นผลมากเท่าใด ชีวิตส่วนตัวของเธอกลับยิ่งไร้ระเบียบ สามีของเธอที่เป็นทหารผ่านศึกที่แบกรับ PTSD ลูกชายที่ไร้เดียงสากำลังเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ทุกอย่างรอบตัวกำลังสลาย รวมถึงเธอต้องเจอกับจดหมายจากคนรักเก่า ที่เปรียบเสมือนความฝันที่กลับมาหลอกหลอนเธอ
Fryderyk ไม่ได้ปรากฏตัวตรงๆ มากนักในเรื่อง เขาคือคนรักเก่าของ Maria ผู้เขียนจดหมายถึงเธออย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงในจดหมายนั้นทั้งเย้ายวน เย้ยหยัน และมีความจิตวิทยา เขาคืออดีตที่ Maria ไม่อาจสลัดทิ้ง และเป็นเหมือนตัวแทนของ “ความฝันที่กลับมาหลอกหลอน” มากกว่าจะเป็นคนจริงๆ Fryderyk สั่นคลอนเส้นแบ่งระหว่างความทรงจำ ความเพ้อฝัน และความจริงได้อย่างเจ็บลึก และเราจะได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของตัวละครนี้ไม่พร้อมกับ Maria
แม้ว่าเชอร์นอฟจะมีพื้นฐานเป็นนักข่าว แต่เขาเขียนนวนิยายเรื่องนี้ด้วยลีลาภาษาที่เปี่ยมด้วยกลิ่นอายกวี เขาไม่ได้ต้องการให้ผู้อ่าน “เข้าใจ” ว่าตัวละครรู้สึกอะไร แต่ต้องการให้ผู้อ่าน “รู้สึก” ไปพร้อมกัน รู้สึกถึงการขาดหาย หวั่นไหว ได้ยินเสียงที่ไม่ได้พูด และรับรู้ถึงบาดแผลที่ไม่มีใครรักษา
ผู้เขียนอาจจะไม่ได้ทำการลงลึกเรื่องราวในนวนิยายเรื่องนี้มากนัก เพราะเรื่องราวในนวนิยายเรื่องนี้ ไม่ได้มีความซับซ้อนมากนัก สิ่งที่ผู้อ่านอย่างเราๆ ต้องทำเมื่ออ่าน คือการปล่อยตัวเองดำดิ่งไปกับตัวละครในเรื่อง การบรรยายของเชอร์นอฟทำเรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวได้ไม่ยากเลย และต้องให้เครดิตคนแปลเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษอย่าง Peter Leonard และ Felix Helbing ด้วย
สิ่งที่ The Dreamtime ต้องการสื่อ ก็คือความเจ็บปวดไม่ได้จบลงเมื่อกระสุนหยุดยิง ทุกบาดแผล ทุกเหตุการณ์ ภาพต่างๆ ยังคงวนเวียนอยู่ในส่วนลึกของผู้ที่เผชิญกับมันทั้งสิ้น แม้พวกเขาจะยังมีชีวิตก็ตาม ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่อาจจะบอบช้ำมากกว่าผู้ที่เสียชีวิตด้วยซ้ำ
The Dreamtime ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของผู้คนในสงคราม แต่คือบทกวีอันเจ็บปวดเกี่ยวกับมนุษย์ผู้พยายามมีชีวิตอยู่หลังจากโลกของเขาถูกทำลาย มันคือเครื่องเตือนใจว่าบางครั้งการรอดชีวิตก็อาจต้องแลกมาด้วยจิตใจที่ไม่เคยฟื้นกลับมาอีก
ภาพ : Kateryna Bolshakova

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา