Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Doctor Near you (หมอใกล้คุณ)
•
ติดตาม
14 ก.ค. เวลา 01:27 • สุขภาพ
ไขมันที่เรากิน..จนถึงไขมันในเลือดที่เราตรวจกัน
เราทุกคนต่างทราบดีว่า "ไขมัน" เป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่เราทานในชีวิตประจำวัน และเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ขณะเดียวกันก็มักถูกมองเป็นผู้ร้ายเมื่อพูดถึงเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด เคยสงสัยไหมครับว่า ไขมันจากหมูทอดหนึ่งชิ้น หรือจากอะโวคาโดหนึ่งลูก เดินทางไปไหนในร่างกายของเรา? และมันกลายมาเป็น "ไขมันในเลือด" ที่เราตรวจสุขภาพกันได้อย่างไร?
บทความนี้จะพาทุกท่านไปติดตามเส้นทางของไขมัน ตั้งแต่คำแรกที่ทานเข้าไป จนกระทั่งไปปรากฏในผลเลือดของเราครับ
★
จุดเริ่มต้น: จากอาหารสู่ระบบย่อยอาหาร
การเดินทางของไขมันเริ่มต้นที่ปาก การเคี้ยวเป็นการย่อยเชิงกล บดอาหารให้มีขนาดเล็กลง แต่การย่อยทางเคมีของไขมันจริงๆ นั้นเริ่มต้นเพียงเล็กน้อยที่นี่โดยเอนไซม์ Lingual Lipase จากต่อมใต้ลิ้น และต่อเนื่องในกระเพาะอาหารโดย Gastric Lipase แต่กระบวนการส่วนใหญ่และสำคัญที่สุดเกิดขึ้นที่ ลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum)
เมื่อก้อนอาหารที่คลุกเคล้ากับกรดในกระเพาะ (เรียกว่า Chyme) เดินทางมาถึงลำไส้เล็ก จะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน 2 ชนิดที่สำคัญ คือ
1. Cholecystokinin (CCK): สั่งให้ถุงน้ำดีบีบตัว ปล่อย น้ำดี (Bile) ออกมา
2. Secretin: กระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งสารที่เป็นด่างและเอนไซม์ต่างๆ รวมถึง Pancreatic Lipase
ไขมันในอาหารส่วนใหญ่อยู่ในรูปของ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) ซึ่งมีโมเลกุลใหญ่และไม่ละลายน้ำ ลองนึกภาพน้ำกับน้ำมันที่แยกชั้นกัน ร่างกายจึงต้องมีตัวช่วยคือ น้ำดี ทำหน้าที่เหมือน "สบู่" เข้าไปแตกตัวไขมันก้อนใหญ่ให้กลายเป็นหยดไขมันเล็กๆ (Emulsification) เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวให้เอนไซม์ทำงานได้
จากนั้น Pancreatic Lipase จะเข้ามาจัดการย่อยไตรกลีเซอไรด์ ให้กลายเป็น กรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acids) และ โมโนกลีเซอไรด์ (Monoglycerides) ซึ่งมีขนาดเล็กพอที่จะถูกดูดซึมได้
Triglyceride มีขนาด molecule ใหญ่เกินไปจึงต้องย่อยให้เล็กลง
★
การดูดซึมและเข้าสู่ร่างกาย: ก้าวข้ามกำแพงลำไส้
หลังจากถูกย่อยแล้ว กรดไขมัน (Fatty acid) และโมโนกลีเซอไรด์ (Monoglyceride) จะรวมตัวกับเกลือน้ำดี (Bile Salts) เกิดเป็นโครงสร้างที่เรียกว่า ไมเซลล์ (Micelles) ซึ่งจะเคลื่อนตัวไปที่ผนังลำไส้เล็ก และปล่อยสารไขมันเหล่านี้ให้ซึมผ่านเข้าสู่ เซลล์เยื่อบุลำไส้ (Enterocytes)
เมื่อเข้ามาในเซลล์แล้ว ร่างกายจะทำการ "ประกอบร่าง" กรดไขมันและโมโนกลีเซอไรด์กลับไปเป็น ไตรกลีเซอไรด์ อีกครั้ง!
ไขมันมีความเป็น Hydrophobic สูง จึงต้องถูกทำให้เป็น Micelle เพื่อที่จะผ่านชั้น Unstirred water layer ของลำไส้ลงไปได้
จากนั้นจะนำไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ที่สร้างขึ้นใหม่นี้ พร้อมกับคอเลสเตอรอลและวิตามินที่ละลายในไขมันที่ดูดซึมมาด้วยกัน มาบรรจุลงใน "ยานพาหนะ" ขนส่งชนิดพิเศษที่ชื่อว่า ไคโลไมครอน (Chylomicron)
ไขมันละลายน้ำไม่ได้ จึงต้องนำ Protein บางชนิดมารวมให้เป็น Lipoprotein ให้ละลายใน plasma ได้ดีขึ้น
ไคโลไมครอน (Chylomicron)
เป็นไลโปโปรตีน (Lipoprotein) ชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่ที่สุดแต่หนาแน่นน้อยที่สุด มันไม่สามารถซึมเข้าสู่เส้นเลือดฝอยที่ลำไส้ได้โดยตรง แต่จะถูกส่งเข้าสู่ ระบบน้ำเหลือง (Lymphatic System) ก่อน แล้วจึงค่อยๆ เดินทางไปรวมกับกระแสเลือดในที่สุดซึ่งจะไปต่อในส่วนของไขมันจากภายนอก (Exogenous fat) ในหัวข้อถัดไป วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายจัดการกับไขมันปริมาณมากที่เพิ่งดูดซึมมาได้อย่างเป็นระบบ โดยไม่ส่งตรงไปยังตับในทันที
★
ไขมันจากภายนอก (Exogenous) และไขมันที่ร่างกายสร้าง (Endogenous)
ไขมันในร่างกายเรามาจาก 2 แหล่งหลัก ซึ่งมีสัดส่วนแตกต่างกันไปตามพฤติกรรมการทานและภาวะของร่างกาย
●
Exogenous Fat (ไขมันจากภายนอก)
คือไขมันที่เราทานเข้าไปจากอาหารทั้งหมด เส้นทางการย่อยและดูดซึมที่กล่าวมาข้างต้น (ผ่านไคโลไมครอน) คือ Exogenous Pathway โดยมีสัดส่วนในเลือด คือ
-- สัดส่วน: หลังทานอาหารมื้อที่มีไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเกือบ 100% จะมาจากไขมันกลุ่มนี้ (ในรูปของไคโลไมครอน) นี่คือเหตุผลที่เราต้องงดอาหารก่อนเจาะเลือดตรวจไขมัน เพื่อให้ไคโลไมครอนเหล่านี้หายไปจากกระแสเลือดก่อน
●
Endogenous Fat (ไขมันจากภายใน)
คือไขมันที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นเอง โดยเฉพาะที่ ตับ (Liver) เมื่อร่างกายได้รับพลังงานเกินความต้องการ ไม่ว่าจะมาจากคาร์โบไฮเดรต (แป้ง, น้ำตาล) หรือโปรตีน ตับจะเปลี่ยนพลังงานส่วนเกินเหล่านี้ไปเป็น ไตรกลีเซอไรด์
-- จากนั้นตับจะบรรจุไตรกลีเซอไรด์ที่สร้างขึ้นนี้ลงในยานพาหนะอีกชนิดหนึ่งคือ VLDL (Very Low-Density Lipoprotein) แล้วปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อส่งไปให้เซลล์ต่างๆ ใช้เป็นพลังงานหรือเก็บสะสม
-- สัดส่วน: ในภาวะอดอาหาร (Fasting state) ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดจะมาจากแหล่งนี้เป็นหลัก นอกจากนี้ การบริโภคอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูงอย่างต่อเนื่อง จะกระตุ้นให้ตับสร้างไขมัน (De Novo Lipogenesis) และปล่อย VLDL ออกมามากขึ้น ทำให้สัดส่วนของไขมันจากภายในสูงขึ้นได้แม้จะไม่ได้ทานไขมันโดยตรง
Chylomicron และ VLDL เปรียบเสมือนภาชนะหรือตัวขนส่ง TG ในกระแสเลือด แต่มีที่มาต่างกัน
★
ที่มาของ "ไขมันในเลือด" ในผลตรวจสุขภาพ
เมื่อเราไปตรวจเลือด ผลไขมันในเลือด (Lipid Profile) ที่เราเห็น ไม่ได้มาจากไขมันที่ลอยอย่างอิสระ แต่มาจากไขมันที่บรรจุอยู่ในไลโปโปรตีนชนิดต่างๆ ซึ่งมีที่มาและสัดส่วนดังนี้
●
ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides)
-- ที่มา: เป็นส่วนผสมของไขมัน 2 แหล่ง คือ Exogenous (จากอาหาร ผ่านทางไคโลไมครอน) และ Endogenous (ตับสร้างจากพลังงานส่วนเกิน ผ่านทาง VLDL)
-- สัดส่วน: ในภาวะงดอาหาร (ที่เจาะเลือด) ไตรกลีเซอไรด์ที่วัดได้จะสะท้อนการสร้างจากตับ (VLDL) เป็นหลัก หากค่าสูง อาจหมายถึงร่างกายมีพลังงานส่วนเกินมากเกินไป (จากแป้ง/น้ำตาล) หรือระบบการกำจัด VLDL ผิดปกติ
●
คอเลสเตอรอล (Cholesterol)
-- ที่มา: แตกต่างจากไตรกลีเซอไรด์อย่างชัดเจน ร่างกายของเราพึ่งพาคอเลสเตอรอลจากอาหารน้อยกว่าที่คิด
Exogenous (จากอาหาร): มีสัดส่วนเพียง ~20-30% ของคอเลสเตอรอลทั้งหมดในร่างกาย
Endogenous (ตับและเซลล์อื่นสร้างขึ้น): เป็นแหล่งที่มาหลัก มีสัดส่วนสูงถึง ~70-80% ร่างกายสามารถสังเคราะห์คอเลสเตอรอลได้เองตามความต้องการ
-- คอเลสเตอรอลในเลือดที่เราวัด จะอยู่ในรูปของไลโปโปรตีนต่างๆ ได้แก่
LDL (Low-Density Lipoprotein) เกิดจากการที่ VLDL ตระเวนส่งไตรกลีเซอไรด์ให้เซลล์ต่างๆ จนเหลือแต่คอเลสเตอรอลเป็นส่วนประกอบหลัก หน้าที่ของมันคือขนส่งคอเลสเตอรอลไปให้เซลล์ใช้งาน แต่หากมีมากเกินไปจะไปสะสมและอุดตันตามผนังหลอดเลือด
HDL (High-Density Lipoprotein) ทำหน้าที่ตรงกันข้าม คือเป็น "รถเก็บขยะ" คอยเก็บคอเลสเตอรอลส่วนเกินจากเซลล์ต่างๆ และผนังหลอดเลือดกลับไปทำลายที่ตับ (Reverse Cholesterol Transport)
LDL และ HDL เป็น Lipoprotein ที่เปรียบเสมือนภาชนะขนส่ง TG และมี Cholesterol เป็นส่วนประกอบ
โดยสรุป
เส้นทางของไขมันนั้นซับซ้อนและน่าทึ่ง ไขมันที่ทานเข้าไปจะถูกย่อย ดูดซึม และบรรจุใน "ไคโลไมครอน" เพื่อส่งเข้าร่างกายผ่านระบบน้ำเหลือง
ในขณะที่ไขมันที่ "ตับสร้าง" จากพลังงานส่วนเกินจะถูกส่งออกมาในรูป "VLDL" ทั้งสองชนิดนี้คือที่มาหลักของไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
ส่วนคอเลสเตอรอลในเลือดนั้นส่วนใหญ่ร่างกายสร้างขึ้นเอง การเข้าใจที่มาและสัดส่วนเหล่านี้ช่วยให้เราตระหนักว่า การควบคุมระดับไขมันในเลือดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการลด "ไขมัน" ที่ทานเข้าไปเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการควบคุมพลังงานโดยรวม โดยเฉพาะแป้งและน้ำตาล ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญให้ตับสร้างไขมันขึ้นมาเองได้นั่นเองครับ
ไว้โอกาสหน้า เราจะมาลงต่อในประเด็นเชิงรายละเอียดกัน 😄
#ไขมันในเลือด
อ่านบน FB ได้ที่นี่
https://www.facebook.com/share/p/1BkGf2gmnT/?mibextid=wwXIfr
สุขภาพ
การแพทย์
ความรู้รอบตัว
บันทึก
1
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Lipid : everything that you should know
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย