Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Ideation by Pansak Pramokchon
•
ติดตาม
13 ก.ค. เวลา 04:30 • ประวัติศาสตร์
西遊記 Journey to the West
ใครเขียนนิยาย “ซีโหยวจี้” (ไซอิ๋วกี่) ตอนที่ 2
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า นิยายซีโหยวจี้เป็นผลงานการประพันธ์ของอู๋เฉิงเอิน《吳承恩》ผู้มีชีวิตอยู่ในสมัยราชวงศ์หมิงระหว่างปี พ.ศ. 2043-2126 (บางแหล่งข้อมูลระบุว่า มีชีวิตอยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2048-2124)
อู๋เฉิงเอินเป็นชาวเส้อเอี๋ยงซาน ตำบลหวยอัน「1」อำเภอซานเอี๋ยง「2」ซึ่งในปัจจุบันคือ ตำบลหวยอัน「3」อำเภอหวยอัน「4」มณฑลเจียงซู「5」 หลังจากที่พลาดการสอบเข้ารับราชการหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นนายอำเภอฉางซิง「6」มณฑลเจ้อเจียง「7」ในปี พ.ศ. 2109 แต่ความยุ่งยากวุ่นวายในแวดวงราชการก็เป็นเหตุให้ท่านลาออก
ทว่า เถาจงอี้「8」ระบุว่า ซีโหยวจี้เป็นบทประพันธ์ของหลี่จื้อฉาง「9」บันทึกเรื่องราวการเดินทางของนักพรตชิวชู่จี「10」หนึ่งในเจ็ดนักพรตดาวเหนือ ศิษย์ลำดับที่ห้าของหวางฉ้งเอี๋ยง「11」ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งนิกายฉวนเจิน「12」แห่งลัทธิเต๋า
ชิวชู่จีเกิดในวันที่สิบเก้าเดือนอ้ายปีที่แปด รัชศกซีจง「13」แห่งราชวงศ์จิน「14」ของชาวนฺวี๋เจิน อันเป็นเผ่าพันธุ์ต้นวงศ์ของชาวแมนจูผู้สถาปนาราชวงศ์ชิงที่ปกครองจีนเป็นราชวงศ์สุดท้าย ซึ่งตรงกับปีรัชศกเส้าซิง「15」ที่สิบเจ็ดแห่งรัชสมัยจักรพรรดิซ่งเกาจง「16」ในราชวงศ์ซ่งใต้ของจีน ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1691 ต่อมาชิวชู่จีได้รับตำแหน่งประมุขนิกายฉวนเจินรุ่นที่ 5 ในปี พ.ศ. 1746
ท่านผสานแนวคิดของพุทธและหญู (ข่งจื้อ) เข้ากับคำสอนของเต๋าจนเกิดเป็นฝ่ายหลงเหมิน「17」ของนิกายฉวนเจิน ชิวชู่จีในวัย 73 ปีได้รับคำเชิญจากเจ็งกิสข่านให้เข้าเฝ้าเพื่อสนทนาธรรม ในเดือนอ้ายปีที่สิบห้าของรัชสมัยหยวนไท่จู่「18」ท่านจึงออกเดินทางจากอารามเฮ่าเทียน「19」ในมณฑลซานตงมุ่งตะวันตกไปยังเมืองเอี้ยนจิง (เป่ยจิง หรือ กรุงปักกิ่งในปัจจุบัน) พร้อมกับศิษย์สิบแปดคน
แต่ชิวชู่จีก็มิได้มีโอกาสเข้าเฝ้าด้วยเหตุว่า เจ็งกิสข่านนำทัพไปบุกเมืองฮัวหลาจื่อโม๋「20」ของอาณาจักรซา「21」ในเอเชียกลางตั้งแต่เดือนหกของปีก่อนหน้านั้น หลังจากที่พำนักรอท่าอยู่ในเอี้ยนจิงจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิของปีที่สิบหกในรัชสมัยหยวนไท่จู่ ท่านจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปตามกองทัพของเจ็งกิสข่านในเอเชียกลางโดยเริ่มต้นออกเดินทางจากด่านจฺวียงกวน「22」โดยมุ่งหน้าไปทางตะวันตกบนเส้นทางโม่หนาน「23」จนถึงเมืองซามารกันด์
จากนั้นเมื่อถึงต้นของฤดูใบไม้ผลิของปีต่อมา ชิวชู่จีก็เข้าสู่เส้นทางเดียวกันกับที่ท่านเสฺวียนจั้งเคยใช้ โดยผ่านช่องผาประตูเหล็กและข้ามเทือกเขาฮินดูกูช「24」จนพบกองทัพของเจ็งกิสข่าน ท่านได้เข้าเฝ้าสนทนาธรรมที่พระราชวังปาลู่วาน「25」ถึงสามครั้ง และพยายามโน้มน้าวให้เจ็งกิสข่านรามือจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ด้วยความประทับใจในการสนทนาธรรม เจ็งกิสข่านจึงประทานสมญานาม “ฉางชุนจื่อ”「26」และสถาปนาชิวชู่จีขึ้นเป็นมหาราชครูแห่งอาณาจักรมองโกล ทั้งยังโปรดเกล้าให้เยลู่ฉู่ไฉ「27」ที่ปรึกษาส่วนพระองค์ เรียบเรียงการสนทนาธรรมทั้งสามครั้งเป็น “บันทึกเสฺวียนเฟิงชิ่งฮุ่ย”《玄風慶會錄》
ต้นฤดูใบไม้ผลิของปีที่สิบแปดในรัชสมัยหยวนไท่จู่ ชิวชู่จีถวายบังคมลาเจ็งกิสข่านและกลับมาพำนักอยู่ที่อารามเทียนฉาง「28」ในเมืองเอี้ยนจิงในวันที่เจ็ดเดือนยี่ของปีถัดมา ในปีนั้น ท่านได้กราบทูลขอพระบรมราชโองการไว้ชีวิตจากเจ็งกิสข่านเพื่อยับยั้งกองทัพมองโกลจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อาณาประชาราษฎร์หลายหมื่นคนในมณฑลเหอหนานและเหอเป่ย
ในวันที่ยี่สิบห้าเดือนห้าปีที่ยี่สิบสองของรัชสมัยหยวนไท่จู่ เจ็งกิสข่านทรงมีพระบรมราชโองการยกฐานะอารามเทียนฉางขึ้นเป็นวังฉางชุน「29」 อีกสองเดือนต่อมาในวันที่เก้าเดือนเจ็ด ชิวชู่จีก็ละสังขารในวิหารเป่าเสฺวียน「30」ของวังฉางชุน สิริอายุ 80 ปี
หลี่จื้อฉาง เป็นหนึ่งในสิบแปดสานุศิษย์ที่ร่วมทางกับชิวชู่จีไปสนทนาธรรมกับเจ็งกิสข่านในเอเชียกลาง ท่านได้เรียบเรียงประสบการณ์จากการเดินทางครั้งนั้นเป็น “บันทึกการจาริกสู่ตะวันตกของนักพรตฉางชุน”《長春真人西遊記 ฉางชุนเจินเหรินซีโหยวจี้》
ฉาเหลียงยง「31」นำเรื่องราวของชิวชู่จีกับเจ็งกิสข่านไปสอดแทรกเป็นส่วนหนึ่งในนิยายมังกรหยกภาคแรก “ตำนานจอมยุทธยิงอินทรี”《射鵰英雄傳》และภาคสอง “บันทึกจอมยุทธเทพอินทรี”《神雕俠侶》อันโด่งดัง
แนวความคิดว่าซีโหยวจี้เป็นผลงานของชิวชู่จี เป็นที่ยอมรับเชื่อถือสืบต่อกันมาจนถึงสมัยราชวงศ์ชิง เห็นได้จากหนังสือหลายฉบับ อาทิ “คัมภีร์แห่งเต๋าว่าด้วยการจาริกสู่ตะวันตก”《西遊證道書》ของนักพรตวังเซี่ยงซฺวี่「32」จากช่วงต้นราชวงศ์ชิง “เนื้อแท้ของการจาริกสู่ตะวันตก”《西遊真詮》ของเฉินสื้อปิน「33」 “นิยายเรื่องการจาริกสู่ตะวันตกฉบับเล่าใหม่”《新說西遊記》ของจางซูเซิน「34」 “นัยเดิมของการจาริกสู่ตะวันตก”《西遊原旨》ของหลิวอี้หมิง「35」 “นัยที่แท้จริงของการเปลี่ยนผ่านในการจาริกสู่ตะวันตก”《通易西遊正旨》ของจางฮั่นจาง「36」
เฉียนต้าซิน「37」บัณฑิตแห่งสำนักฮั่นหลินในสมัยเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง เขียนไว้ในหนังสือ “หมายเหตุบันทึกการจาริกสู่ตะวันตกของนักพรตฉางชุน”《跋長春真人西遊記》ว่า ธรรมเนียมประเพณีของอาณาจักรต่างๆ ในดินแดนตะวันตกที่หลี่จื้อฉางศิษย์ของชิวชู่จีบรรยายไว้ใน “บันทึกการจาริกสู่ตะวันตกของนักพรตฉางชุน” เล่มที่สองนั้น ล้วนแต่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว [ใน “บันทึกต้าถังซีอฺวี้จี้” ของท่านเสฺวียนจั้ง]
เฉียนต้าซินยืนยันว่า นิทานชาวบ้านอันรวมถึงนิยายซีโหยวจี้ เป็นผลงานของนักเขียนในสมัยราชวงศ์หมิง ทั้งยังอ้างบันทึก “ฉั้วเกิงลู่”《輟耕錄》ของเหมาต้าเข่อ「38」ที่ระบุว่า คำกล่าวอ้างว่า “นิยายซีโหยวจี้เป็นผลงานของชิวชู่จี” นั้น เป็นการกล่าวอ้างแบบไปไหนมาสามวาสองศอกโดยแท้ จี่อฺวิ๋น「39」บัณฑิตแห่งสำนักฮั่นหลินร่วมสมัยกับเฉียนต้าซิน ก็มีความเห็นไปในทำนองเดียวกันโดยเห็นว่า คำกล่าวอ้างข้างต้นนั้น “เชื่อไม่ได้”
อู๋อฺวี้จิ้น「40」เป็นคนแรกที่ลงความเห็นไว้ใน “จดหมายเหตุซานเอี๋ยง”《山陽志遺》ว่า อู๋เฉิงเอินเป็นผู้ประพันธ์นิยายซีโหยวจี้ ทว่า ร่วนขุยเซิง「41」และ ติงเอี้ยน「42」ปฏิเสธแนวความคิดนี้
หูสื้อ「43」และหลู่ซฺวิ่น「44」เชื่อว่า นิยายซีโหยวจี้เป็นผลงานที่อู๋เฉิงเอินประพันธ์ขึ้นมาในราวปี พ.ศ. 2135 หลู่ซฺวิ่นอ้างอิงความเห็นของเฉียนต้าซินและจี่อฺวิ๋นรวมทั้งเนื้อหาใน “บันทึกของอำเภอหวยอัน”《淮安府志》สนับสนุนข้อสรุปของท่านใน “ประวัติวรรณกรรมจีนโดยสังเขป”《中國小說史略》และ “ความเปลี่ยนแปลงในประวัติวรรณกรรมจีน”《中國小說的歷史的變遷》ว่า นิยายซีโหยวจี้มิได้เป็นเรื่องราวการเดินทางของชิวชู่จี
หลู่ซฺวิ่นยังระบุว่า นิยายซีโหยวจี้ที่เผยแพร่ในช่วงต้นราชวงศ์ชิง นำเอาบทความ “คำนำของบันทึกการจาริกสู่ตะวันตกของฉางชุนเจินเหริน”《長春真人西遊記序》ที่เขียนโดย อฺวี๋จี๋「45」นักเขียนในสมัยราชวงศ์หยวน มาเป็นบทนำ ซึ่งมีส่วนในการสร้างความสับสนให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่า นิยายซีโหยวจี้เป็นผลงานของชิวชู่จี หลังจากที่หูสื้อและหลู่ซฺวิ่นเสนอทฤษฎีอู๋เฉิงเอินขึ้นมา อู๋เฉิงเอินก็ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ประพันธ์นิยายซีโหยวจี้
แต่เมื่อล่วงเข้าสู่คริสตศตวรรษที่ 20 ทฤษฎีอู๋เฉิงเอินก็ถูกท้าทายครั้งแล้วครั้งเล่าจนนำไปสู่ทฤษฎีใหม่
ความคลางแคลงในทฤษฎีอู๋เฉิงเอิน ถูกถ่ายทอดออกมาในงานเขียนหลายชิ้น อาทิ
“ปฏิเสธ <ปัจฉิมลิขิตของคัมภีร์สุญญตา>”《駁〈跋銷釋真空寶卷〉》ของอฺวี๋ผิงป๋อ《俞平伯 ชาตะกาล 8 มกราคม พ.ศ. 2443-15 ตุลาคม พ.ศ. 2533》
“สัพเพเหระในการสอบทานนิยายซีโหยวจี้” (ฉบับภาษาญี่ปุ่น)「西遊記雜考」ของโอตะ ทัตซึโอะ《太田辰夫 ชาตะกาล 29 มิถุนายน พ.ศ. 2459-31 มกราคม พ.ศ. 2542》
“นิยายซีโหยวจี้ร้อยสำเนาเป็นผลงานของอู๋เฉิงเอินจริงหรือ”《百回本〈西遊記〉是否吳承恩所作》ของจางเผยเหิง《章培恆 ชาตะกาล 8 มกราคม พ.ศ. 2477-7 มิถุนายน พ.ศ. 2554》
นับจากนั้นเป็นต้นมา นักเขียนและนักวิชาการต่างพากันออกมานำเสนอทฤษฎีเกี่ยวกับผู้ประพันธ์นิยายซีโหยวจี้จำนวนมากมายหลายทฤษฎี
นิยายซีโหยวจี้จำนวนหนึ่งร้อยสำนวนจากสมัยราชวงศ์หมิง ไม่ได้ลงชื่อผู้เขียนเอาไว้ สำนวนแรกที่ปรากฎชื่อผู้เขียนเป็นฉบับ “จินหลิงสื้อเต๋อถังเปิ่น”《金陵世德堂本》ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นในปีรัชศกว่านลี่ที่ยี่สิบ (พ.ศ. 2135) ที่ลงชื่อผู้ประพันธ์ว่า “ประมุขสวรรค์แห่งถ้ำฮั่วเอี๋ยง”《華陽洞天主人》เอาไว้
เสิ่นเฉิงชิ่ง「46」เสนอไว้ในหนังสือ “ว่าด้วยอู๋เฉิงเอิน—ความลับของผู้ประพันธ์นิยายซีโหยวจี้”《話說吳承恩——〈西遊記〉作者問題揭秘》ที่ถูกตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2543 ว่า นิยายซีโหยวจี้เป็นผลงานการประพันธ์ของหลี่ชุนฟาง「47」ผู้เป็นบัณฑิตสำนักฮั่นหลินในสมัยราชวงศ์หมิงที่รู้จักกันในนาม “อัครมหาเสนาบดีชิงฉือ”《青詞宰相 ชิงฉือไจ่เซี่ยง》 เสิ่นเฉิงชิ่งเห็นว่า ข้อความในบรรทัดที่ 4-5-6 และ 7 ของบทกวีในตอนที่ 95 ของนิยายฉบับ “จินหลิงสื้อเต๋อถังเปิ่น” แฝงความหมายที่บ่งชี้ถึงตัวหลี่ชุนฟาง
หลี่ชุนฟางเกิดในปีรัชศกเจิ้งเต๋อที่ห้าของราชวงศ์หมิง (ตรงกับวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2053) ที่อำเภอซิงหัว「48」เมืองหยางโจว「49」
ด้วยเหตุว่า ในวัยเด็ก หลี่ชุนฟางต้องหยิบยืมตะเกียงจากเพื่อนบ้านมาใช้เรียนหนังสือในถ้ำฮั่วเอี๋ยง「50」บนภูเขาเหมาซาน「51」ในอำเภอจฺวี้หรง「52」 ท่านจึงได้รับสมญานามว่า ประมุขแห่งถ้ำฮั่วเอี๋ยง《華陽洞主人》ซึ่งพ้องกับชื่อ “ประมุขสวรรค์แห่งถ้ำฮั่วเอี๋ยง” ผู้ประพันธ์นิยายซีโหยวจี้ฉบับ “จินหลิงสื้อเต๋อถังเปิ่น” อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างข้างต้นเหล่านี้ยังเป็นการคาดเดาโดยขาดหลักฐานรองรับ
บทประพันธ์ “ซีโหยวจี้” ของอู๋เฉิงเอิน มีอยู่จริงอย่างแน่นอนตามหลักฐานใน “บันทึกหวยอัน”《淮安府志》 แต่บทประพันธ์ของอู๋เฉิงเอินดังกล่าวอาจจะเป็นหนังสือต่างเรื่องต่างเล่มกับนิยาย “ซีโหยวจี้” ที่รู้จักในปัจจุบัน รวมทั้งอาจจะไม่ใช่นวนิยายเมื่ออ้างอิงตามข้อเท็จจริงที่ว่า หวงอฺวี๋จี้「53」จัดให้ “ซีโหยวจี้” ของอู๋เฉิงเอินอยู่ในหมวดภูมิศาสตร์ของ “บรรณานุกรมเฉียนฉิ่งถัง”《千頃堂書目》ที่จัดทำขึ้นในตอนต้นราชวงศ์ชิง
หลักฐานทางโบราณคดีที่ถูกค้นพบในสมัยหลัง ล้วนแต่ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า เรื่องราวของซีโหยวจี้รวมทั้งตัวละครสำคัญทั้งห้า ล้วนมีตัวตนอยู่ในผลงานทั้งวรรณกรรมและศิลปกรรมก่อนสมัยท่านอู๋เฉิงเอินในรูปแบบต่างๆ ทั้งนิทานชาวบ้าน จดหมายเหตุ ฯลฯ รวมทั้งในรูปเอกสารและโบราณวัตถุรวมทั้งโบราณสถานอีกด้วย
นิทรรศการ "กลับจากการศึกษาพระธรรม—นิทรรศการของพระถังเสฺวียนจั้ง ปรมาจารย์แห่งยุคสมัย" ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ส่านซี มีส่วนแสดงภาพจิตรกรรมฝาผนังจากถ้ำโม่เกา「54」เมืองตุนหวง「55」เป็นเรื่องราวของพระถังเสฺวียนจั้งที่ถูกวาดขึ้นมาในราวปลายราชวงศ์หยวนต่อต้นราชวงศ์หมิงซึ่งเป็นเวลากว่า 200 ปีก่อนที่อู๋เฉิงเอินจะเขียน “ซีโหยวจี้”
นอกจากนี้ ยังมีภาพของเรื่องราวหรือตัวละครจากนิยายซีโหยวจี้ถูกวาดหรือสลักไว้บนโบราณวัตถุหลายชิ้นและโบราณสถานหลายแห่งจากต่างแหล่งต่างยุคที่ย้อนไปได้ถึงพุทธศตวรรษที่ 18 เช่น
- ภาพวาดบนหมอนกระเบื้องและบนเศษกระถางธูปลายครามจากสมัยราชวงศ์หยวน (พุทธศตวรรษที่ 19)
- เจดีย์หินอ่อน 10 ชั้นจากวัดคฺยองชอนสะ《 경천사 》ในแคซอง《 개성 ปัจจุบันคือ จังหวัดคฺยองคิโด 경기도 》ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชุงหมก《 충목 จีน: 忠穆 “จงมู่”》กษัตริย์แห่งโกรฺยอ《 고려 จีน: 高麗 “เกาลี่”》จากปลายพุทธศตวรรษที่ 19 ซึ่งร่วมสมัยกับราชวงศ์หยวน และ
- เจดีย์หินเจิ้นกั๋ว《鎮國塔》ในวัดไคหยวนสื้อ《開元寺》วัดพุทธโบราณในเมืองฉือถง《刺桐城 ปัจจุบันคือเมืองฉวนโจว 泉州》มณฑลฝูเจี้ยน《福建》
โบราณวัตถุและโบราณสถานเหล่านี้ ล้วนถูกสร้างขึ้นราวสองถึงสามร้อยปีก่อนสมัยของอู๋เฉิงเอิน ก่อนสมัยของอู๋เฉิงเอินทั้งสิ้น
........
ยังมีต่อ
#ใครเขียนนิยายซีโหยวจี้ #ซีโหยวจี้ #ไซอิ๋ว
Footnote:
「1」淮安府
「2」山陽縣
「3」淮安區
「4」淮安市
「5」江蘇省
「6」長興縣
「7」浙江省
「8」陶宗儀 พ.ศ. 1872-1953 บัณฑิตผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์หยวนถึงต้นราชวงศ์หมิง
「9」李志常
「10」丘處機 แต้จิ๋ว: คิวชู่กี
「11」王重陽 แต้จิ๋ว: เฮ้งเต็งเอี้ยง
「12」全真道 แต้จิ๋ว: ช้วนจิน
「13」熙宗
「14」金朝
「15」紹興
「16」宋高宗
「17」龍門派
「18」元太祖 เป็นการระบุปีแบบเทียบปีย้อนหลังเมื่อกุบไลข่านสถาปนาเจ็งกิสข่านขึ้นเป็นปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หยวนตามธรรมเนียมจีนโดยได้รับการถวายพระนามเป็นหยวนไท่จู่ หลังจากที่กุบไลข่านสถาปนาราชวงศ์หยวนขึ้นมาจากการพิชิตราชวงศ์ซ่งได้ราบคาบแล้ว
「19」昊天觀
「20」花剌子模
「21」沙朝
「22」居庸關 ที่อยู่ไม่ไกลจากด่านปาต้าหลิ่ง 八達嶺 อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกำแพงเมืองจีนนอกกรุงปักกิ่งในปัจจุบัน
「23」漠南
「24」Hindu Kush จีน: 大雪山 ต้าเสฺว้ซาน
「25」八魯灣行宫
「26」長春子
「27」耶律楚材
「28」天長觀
「29」長春宮 ซึ่งปัจจุบันคืออารามเมฆขาว (ไป๋อวิ๋นก้วน 白雲觀) ในกรุงปักกิ่ง
「30」寶玄堂
「31」查良鏞 ชาตะกาล 10 มีนาคม พ.ศ. 2467-30 ตุลาคม พ.ศ. 2561 นักประพันธ์นิยายกำลังภายในนามอุโฆษ เจ้าของนามปากกา “จินยง” 金庸 แต้จิ๋ว: กิมย้ง
「32」汪象旭
「33」陳士斌
「34」張書紳
「35」劉一明
「36」張含章
「37」錢大昕 ชาตะกาล พ.ศ. 2271-2347
「38」毛大可 ชาวเมืองเซียวซาน 蕭山
「39」紀昀 หรือ จี่เซี่ยวหลาน: 紀曉嵐 หรือ จี่ชุนฟาน: 紀春帆 ชาตะกาล พ.ศ. 2267-2348
「40」吴玉搢 ชาตะกาล พ.ศ. 2241-2316 บัณฑิตชาวหวยอัน เป็นนักประวัติศาสตร์ในสมัยจักรพรรดิหย่งเจิ้ง
「41」阮葵生 ชาตะกาล พ.ศ. 2270-2332 อนุชนชาวหวยอันรุ่นหลังของอู๋เฉิงเอินเช่นเดียวกันกับอู๋อฺวี้จิ้น ผู้เป็นขุนนางในสมัยจักรพรรดิหย่งเจิ้ง
「42」丁晏 ชาตะกาล พ.ศ. 2337-2419 ผู้เป็นบัณฑิตชั้นจู่เหริน 舉人 ในสมัยราชวงศ์ชิงตอนกลาง
「43」หูสื้อ《胡適》(ชาตะกาล 17 ธันวาคม พ.ศ. 2434-24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505) เป็นผู้ก่อตั้งและผู้นำของขบวนการวัฒนธรรมใหม่ของจีน《新文化運動》
「44」หลู่ซฺวิ่น《魯迅》เป็นนามปากกาของโจวซู่เหริน《週樹人》(ชาตะกาล 25 กันยายน พ.ศ. 2424-19 ตุลาคม พ.ศ. 2479) นักเขียนนามอุโฆษของจีนในยุคเปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐ
ท่านเป็นผู้นำในการก่อตั้งสันนิบาตนักเขียนฝ่ายซ้ายของจีนในช่วงทศวรรษ 1930 ผลงานเรื่องสั้น “เรื่องจริงของอาคิว” ที่ท่านเขียนขึ้นในปี พ.ศ. 2470 ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม แม้ว่าฉบับแปลภาษาอังกฤษจะเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดและหมายเหตุที่มีผลให้หนังสือหนาขึ้นเกือบเท่าตัวก็ตาม
ในปี พ.ศ. 2473 เอ็ดการ์ สโนว์ นักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกัน ได้เอ่ยปากถามท่านหลู่ซฺวิ่นในโอกาสที่พบกันว่ายังมีอาคิวหลงเหลืออยู่ในประเทศจีนอีกหรือ ท่านตอบว่า “ทุกวันนี้ มันแย่ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้อาคิวกลายมาเป็นผู้บริหารประเทศนี้เอาเลย”
「45」虞集 ชาตะกาล พ.ศ. 1815-1891
「46」沈承慶
「47」李春芳 ชาตะกาล 14 มกราคม พ.ศ. 2053-18 เมษายน พ.ศ. 2127
「48」興化縣
「49」揚州府 ซึ่งปัจจุบันคือ เมืองซิงหัวในมณฑลเจียงซู
「50」華陽洞 ;
「51」茅山
「52」句容
「53」黃虞稷 ชาตะกาล พ.ศ. 2172-2234
「54」莫高窟
「55」敦煌
หนังสือ
ประวัติศาสตร์
ความรู้รอบตัว
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ใครเขียนนิยาย "ซีโหยวจี้" (ไซอิ๋วกี่)
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย