27 ก.ค. เวลา 12:00 • หนังสือ

สรุปหนังสือ เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมฉบับย่อยง่าย

คุณเคยสงสัยไหมว่า...
ทำไมเราถึงเลือกซื้อของลดราคา ทั้งที่ไม่ได้ต้องการมันเลย?
หรือทำไมเวลาตัดสินใจเรื่องเงิน เราถึงมัก "ใจอ่อน" กับความรู้สึก มากกว่าเหตุผล?
ในโลกของการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน “เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม” เข้ามาช่วยไขความลับของสมองมนุษย์ ที่บางครั้งก็ดูไม่ค่อย “มีเหตุผล” เท่าไรนัก
หนังสือที่นำมาสรุปวันนี้จะพาคุณไปรู้จักกับพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ส่งผลต่อการใช้เงิน การตัดสินใจ และชีวิตของเรา มากกว่าที่คิด
หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนนำประสบการณ์จากการเป็นนักข่าวมาอธิบายปรากฏการณ์ในโลกของเศรษฐกิจ สังคมและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะทำให้เรารู้เท่าทันกระบวนการทำงานของสมองและจิตใจเกี่ยวกับการตัดสินใจการจับจ่ายใช้สอยของตัวเอง รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดต่างๆ
อิเคกามิ อากิระ เกิดปี 1950 ที่จังหวัดนะงะโนะ ประเทศญี่ปุ่น จบการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคโอ เข้าทำงานที่ NHK และหันมาเป็นนักข่าวอิสระตั้งแต่ปี 2005 เขามีความสามารถในการเล่าเรื่องที่อธิบายยากให้มีความเข้าใจง่ายและได้รับความนิยมในรายการโทรทัศน์อีกด้วย
เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมคืออะไร
เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมคือการพยายามอ่านความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจโดยให้ความสำคัญกับจิตวิทยาหรือความอ่อนไหวทางอารมณ์ของมนุษย์ หัวใจสำคัญคือทำให้เห็นกระบวนการของการตัดสินใจมนุษย์ ช่วยในการวางแผนออกแบบผลิตภัณฑ์ การตลาด เป็นต้น
8 กลยุทธ์ที่เจอบ่อยในชีวิตประจำวัน
Prospect Theory ทฤษฎีความคาดหวัง คือทฤษฎีที่สร้างขึ้นจากคำถามที่ว่าคนเรามักตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและมีความเสี่ยง เช่น
  • มนุษย์มีความรู้สึกเสียใจตอนที่ขาดทุน 20,000 บาท มากกว่าความรู้สึกดีใจเมื่อได้กำไร 20,000 บาท
  • คนแพ้พนันเล่นเพื่อได้กำไรกลับคืนมา ส่วนคนที่ได้กำไรอยู่แล้วเล่นเพื่อไม่ให้ขาดทุน
  • หมอมักจะบอกคนไข้ว่ามีโอกาสผ่าตัดสำเร็จ 95 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าที่จะบอกว่าล้มเหลว 5 เปอร์เซ็นต์
Social Preferences ความชอบเชิงสังคม
คือการที่มนุษย์มักจะตัดสินใจหรือกระทำสิ่งต่างๆโดยได้รับอิทธิพลจากคนรอบข้าง เพราะมนุษย์กังวลกับสายตาคนอื่นจึงมักใส่ใจคนรอบข้าง ซึ่งสามารถแบ่งปรากฏการณ์ที่เกิดจากความชอบเชิงสังคมได้อีก 2 ปรากฏการณ์ ได้แก่
  • 1.
    Bandwagon Effect ปรากฏการณ์ขบวนรถแห่ เช่น เห็นร้านไหนคนเยอะก็เข้าร้านนั้น การซื้อสินค้าตามกระแส
  • 2.
    Snob Effect ปรากฏการณสวนกระแส เช่น ซื้อสินค้าที่ไม่เหมือนคนอื่น(ซื้อสินค้านิยมแต่ต่างจากคนอื่นเพราะกลัวว่าจะซ้ำกัน)
“เทคนิคราคาสูงต่ำ”
โดยการแปะราคาสินค้าต่างกัน เช่น เลข 3 หลัก 980 บาท กับเลข 4 หลัก 1,290 บาท แน่นอนว่าถ้าสินค้าคุณภาพใกล้เคียงกันลูกค้าส่วนใหญ่มักเลือกอันที่มีราคาต่ำกว่าแน่นอน
“สินค้ามีจำนวนจำกัด”
พอเห็นคำนี้จะยิ่งกระตุ้นให้เราอยากซื้อมากยิ่งขึ้น เพราะมนุษย์ไม่ชอบการปล่อยโอกาสที่จะถือว่าขาดทุน ดังนั้นการที่ร้านค้าใช้คำพูดเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกถ้าซื้อสินค้านี้แล้วเท่ากับได้กำไร ตัวอย่างที่ใช้
  • สินค้ามีจำนวนจำกัด
  • จำกัดจำนวน xxx คน
  • ลด 50% จำกัดแค่ x วัน
“การทำให้กลัว”
เทคนิคนี้เราจะเจอได้บ่อยในสินค้า เช่น ผงซักฟอก อาหารเสริม ประกัน สินค้าที่ใช้ในการเข้าสังคม เป็นต้น เพราะมนุษย์กลัวการขาดทุนจึงรู้สึกเสียผลประโยชน์ถ้าไม่ใช้ผลิตภัณฑ์นี้
แต่!!! เทคนิคนี้ก็ควรใช้อย่างระมัดระวังเพราะถ้ามากเกินไปจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้บริโภคและอาจต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย
Sunk Cost Fallacy
ปรากฏการณ์ต้นทุนจม คือพฤติกรรมที่จะไม่ยอมขาดทุน เช่น
  • สมัคร Netflix เอาไว้แล้วต้องดูให้คุ้ม
  • สะสมสินค้าจนครบเซต
  • คอร์สลดน้ำหนักหรือออกกำลังกาย
Anchoring Effect
ปรากฏการณ์ปักใจเชื่อ คือการที่คนเราตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้รับอย่างแรกก่อนเสมอ เช่น
  • ป้ายราคาปกติถูกเครื่องหมายกากบาททับและมีราคาพิเศษขึ้นมาแทน
  • การตั้งสินค้าที่ราคาแพงไว้หน้าร้าน แต่เมื่อเข้ามาในร้านเจอสินค้าที่ถูกกว่า (ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเราก็เข้าถึงสินค้าตัวนี้ได้นะ)
“ปรากฏการณ์หลีกเลี่ยงความสุดโต่ง”
เมื่อเวลาที่ต้องตัดสินใจมนุษย์มักจะเลี่ยงตัวเลือกที่สุดโต่งและมองหาสิ่งที่อยู่ตรงกลาง สังเกตง่ายๆคือร้านค้าจะมีขนาดสินค้าให้เลือก ใหญ่ กลาง เล็ก ถ้าซื้อใหญ่ก็กลัวว่าอาจจะใช้ได้ไม่คุ้มหรือถ้าเลือกขนาดเล็กก็อาจจะไม่พอต่อความต้องการ
แต่!! การมีตัวเลือกมากเกินไปก็อาจจะทำให้ผู้บริโภคคิดเยอะ จนไม่ซื้ออะไรเลยซักอย่าง
“ปรากฏการณ์ความรู้สึกการเป็นเจ้าของ”
เมื่อจิตใจของเราได้ครอบครองสิ่งใดแล้ว เรามักจะรักษาของสิ่งนั้นต่อไป ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์
  • IKEA ให้ผู้ซื้อประกอบสินค้าเอง เพื่อให้รู้สึกถึงคุณค่าของสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมากับมือ
  • ผลิตภัณฑ์และบริการให้เงื่อนไขการรับประกันคืนเงินได้หากไม่พอใจสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วลูกค้าเมื่อได้ใช้แล้วก็ไม่อยากปล่อยมือสิ่งที่เคยได้ครอบครองแล้ว
Halo Effect อคติในการรับรู้
มนุษย์มักคล้อยตามสิ่งที่มีชื่อเสียงหรือมีความพิเศษ เช่น ซื้อสินค้าตามรีวิวดังๆ ซื้อตามดารา อินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงประวัติการศึกษา ตำแหน่ง รูปลักษณ์ก็ทำให้เกิดอคติในการรับรู้ได้ง่าย
เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมอาจไม่ได้มีสูตรสำเร็จหรือคำตอบที่ตายตัว แต่ช่วยเปิดเผยให้เราเห็นว่า "มนุษย์" นั้นไม่ใช่เครื่องจักรที่คำนวณทุกอย่างด้วยเหตุผลล้วน ๆ
เราทุกคนล้วนถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ความกลัว ความโลภ ความรู้สึกอยากได้การยอมรับ หรือแม้แต่แรงจูงใจที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เมื่อเราเข้าใจกลไกเหล่านี้มากขึ้น เราจะเริ่มมองเห็น "กับดัก" ที่ซ่อนอยู่ในทุกการตลาดและทุกการตัดสินใจของตัวเอง และเมื่อเรารู้ทัน มันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ อิสรภาพในการเลือกอย่างมีสติ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา