Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
3 ก.ย. เวลา 05:00 • หนังสือ
#4 9️⃣ การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง — บทที่ 2️⃣ การเปลี่ยนแปลงแรก(2)
💟 ผู้แปล คุณ♾️อุดม
เมื่อคุณพร้อมที่จะไปต่อแล้ว ก็เลื่อนลงมาที่ . . .
...
...
...
🔆#คำเชิญชวนให้หยุดถอยหนี🔆
การเปลี่ยนแปลงแรกที่คุณได้รับเชิญให้ทำก็คือ #การเปลี่ยนแปลงวิธีที่คุณจัดการกับการเปลี่ยนแปลง
คนส่วนใหญ่ถอยหนีจากการเปลี่ยนแปลง พวกเขาไม่ชอบมัน เพราะการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวข้องกับการก้าวเข้าสู่ความไม่คุ้นเคย มันเกี่ยวกับการทิ้งบางสิ่งหรือบางคนไว้เบื้องหลัง และก้าวไปสู่สิ่งที่ไม่รู้ สำหรับบางคน มันเกี่ยวกับการเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างล้ำลึก และแม้กระทั่งภัยคุกคามต่อการอยู่รอด และสำหรับคนจำนวนมาก #มันเกี่ยวกับการทำสิ่งนี้ตามลำพัง
นี่คือคำคร่ำครวญที่ใหญ่ที่สุดที่ผมได้ยินจากผู้คนที่มาหาผมตลอดหลายปีที่ผ่านมาด้วยความเศร้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่พวกเขากำลังประสบ
ผมทำงานเป็นผู้ช่วยเหลือด้านจิตวิญญาณให้กับผู้คนมากกว่า 10,000 คน แบบรายบุคคล ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และหลังจากพูดคุยกับคนมากมายขนาดนั้นเป็นเวลาหลายปี ผมบอกคุณได้ว่าคุณจะเริ่มได้ยินและเห็นสิ่งเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก #และความโดดเดี่ยว—#ความโดดเดี่ยวทางอารมณ์—#คือสิ่งที่ผมเห็นมากที่สุด
ตอนนี้ขอให้ผมกลับไปที่ผู้หญิงที่ติดต่อกับผม ลีอาห์ ผู้ซึ่งกรุณาอนุญาตให้ผมใช้อีเมลของเธอในหนังสือเล่มนี้ ดังที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ลีอาห์กำลังผ่านความปั่นป่วนทางอารมณ์อยู่ในตอนนี้ เธอเขียนถึงภรรยาของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ และผมอยากให้คุณได้ยินสิ่งที่เธอพูด
(บางทีผมควรอธิบายก่อนว่าเอ็มทำอะไรในโลกนี้ เพื่อให้คุณเข้าใจว่าทำไมลีอาห์ถึงเขียนถึงเธอ เอ็มเป็นกวีและใช้ถ้อยคำของเธอเป็นยาบรรเทาปวด (ใจ) จากกระเป๋ายาของเธอ เธอพบว่าขณะที่เธอนำเสนอบทกวีของเธอในเมืองหลวงต่างๆทั่วโลก มันสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายที่ชีวิตของเธอได้ผ่านใน 5 ปีที่ผ่านมา—ทั้งทิวทัศน์และหุบเขา ความท้าทายและการก้าวผ่าน ผู้คนบอกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าหลังจากฟังบทกวีของเธอ ความรู้สึกของพวกเขาคือ “โอ้ พระเจ้า ฉันไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”
พวกเขาตระหนักว่าเธอได้ประสบกับการรื้อถอนแบบเดียวกัน และการเรียกร้องให้สร้างตัวตนใหม่ในรูปแบบใหม่ เช่นเดียวกับที่พวกเขาเป็น และดังนั้น ผู้คนมากมายจึงเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเธอ [
www.EmClairePoet.com
] และที่นั่น พวกเขาได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งและถูกเปิดใจด้วยศิลปะของเธอ พวกเขาเชื่อมต่อกับเธอ)
นี่คือสิ่งที่ลีอาห์แบ่งปันกับเอ็ม . . .
“เมื่อฉันรู้สึกหมดหวังและหลงทางอย่างมาก ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างถึงที่สุด แต่ฉันรู้ว่ามีคนอื่นที่มีความเศร้าอันมืดมนเดียวกันนี้อยู่ภายในใจ เมื่อผู้คนมีความสุข พวกเขามารวมตัวกันและแบ่งปันพลังงานนั้น แต่เมื่อเราอยู่ในความเจ็บปวดอย่างมาก เราตัดขาดตัวเองออก และความรู้สึกโดดเดี่ยวในความมืดและถูกทิ้งให้อยู่นอกชีวิตนั้นมีอยู่ทั่วไป #การรู้ว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียวช่วยฉันได้มาก_และบางทีมันอาจจะช่วยคนอื่นได้เช่นกัน”
ประสบการณ์ของลีอาห์ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ อีเมลของเธอเป็นเพียงหลักฐานหนึ่งในช่วง 15 ปีที่แสดงให้ผมเห็นว่า #การแยกตัวเองเป็นสิ่งที่เราทำเมื่อเรารู้สึกสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไป #ผ่านการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์หรือเงื่อนไขต่างๆ
เราหดตัวกลับเข้าไปในตัวเองเมื่อพื้นดินใต้เท้าเราเริ่มสั่นคลอน ผมเคยทำแบบนั้น คุณเองก็เคยทำใช่ไหม❓ ผมไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว แต่ผมเคยทำ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมระลึกถึงมันได้เร็วมาก★ แม้แต่คนที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่มั่นคง แม้แต่คนที่แต่งงานแล้วหรืออยู่ในหุ้นส่วนธุรกิจที่ยาวนาน มักจะกลายเป็นคนเงียบลง แยกตัว โดดเดี่ยวตัวเอง (และบางครั้งก็เกลียดตัวเอง)
(★ประมาณว่าเมื่อมีสถาณการณ์ที่แตกต่างกันมากแบบแทบจะเป็นกันคนละขั้วเกิดขึ้น มันจะทำให้เราเห็นการเปรียบเทียบได้ชัด เมื่อเห็นได้ชัด เราก็จะระลึกถึงมันได้ก่อน ได้เร็ว –ผู้แปล)
ดังนั้นตอนนี้ผมหวังว่า #คุณจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้แน่ใจว่า #คุณต้องไม่ผ่านช่วงเวลาวิกฤตของชีวิตนี้ไปคนเดียว การอ่านหนังสือเล่มนี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี จริงๆแล้วมันเป็นการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ดังนั้นเรามาสำรวจกันดู . . .
⭕ การเปลี่ยนแปลง #1: ⭕
#เปลี่ยนการตัดสินใจของคุณที่จะ
“#เดินไปคนเดียว”
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เรียบง่าย แต่มันต้องการบางสิ่งจากเราที่หลายคน—ผมจะพูดว่า คนส่วนใหญ่—ไม่คุ้นเคย และไม่ได้รู้สึกสบายใจเสมอไป #เพราะมันต้องการการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา
เหตุผลที่พวกเราหลายคนมักจะแยกตัวเอง-ออกไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว เมื่อเผชิญกับปัญหาใหญ่—และอีกอย่าง คุณสังเกตไหมว่าเกือบทุกปัญหาใหญ่ที่คุณเคยเผชิญมาล้วนเกิดจากบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป❓—เป็นเพราะเราไม่เคยให้อนุญาตตัวเองที่จะถูกมองว่าไม่สมบูรณ์แบบ หรือเป็นคนที่ไม่ได้มีทุกอย่างพร้อม
เรายังถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าเราไม่ควร “สร้างภาระให้คนอื่น” ด้วยปัญหาของเรา และสุดท้าย เราถูกบอกว่าเกือบทุกอย่างเป็นความผิดของเราอยู่แล้ว ดังนั้นทำไมเราจะต้องไปหาคนอื่นด้วย❓ มันถูกทำให้ชัดเจนว่า : เราทำเตียงของเราเอง และตอนนี้เราต้องนอนบนมัน
#คำสอนข้างต้นทั้งหมดไม่มีคุณค่าเลย คนที่เลี้ยงดูเรามาเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นทั้งหมด ทุกๆส่วนเลย
ความต้องการที่จะ “สมบูรณ์แบบ” และ “มีทุกอย่างพร้อม” เป็นการแสดงออกของความต้องการที่ใหญ่กว่า : #ความต้องการการยอมรับ
พวกเราส่วนใหญ่เรียนรู้ตั้งแต่เด็กว่าการจะได้รับการยอมรับจากพ่อแม่และผู้ใหญ่รอบตัวเรา เราต้องเป็นเด็กดี บางคนถูกเล่าให้ฟังเรื่องคนชื่อซานตาคลอสที่ “จดรายชื่อ ตรวจสอบสองครั้ง จะหาจนรู้ว่าใครดีใครเกเร” และบางคนถูกบอกเล่าเรื่องพระเจ้าที่รักเราและดูแลเรา... แต่ก็จะตัดสินเราสำหรับทุกสิ่งที่เราทำ “ผิด” และจะลงโทษเราด้วยการสาปแช่งชั่วนิรันดร์หากรายการของความผิดนั้นยาวเกินไป หรือมีสิ่งเฉพาะบางอย่าง
ดังนั้น เราได้เทความรักและความกลัวลงในชามเดียวกันและคลุกเคล้าจนเข้ากันดี ความกลัวที่จะสูญเสียความรักทำให้เรารักตัวเองด้วยเงื่อนไขเดียวกับที่คนอื่นรักเรา จึงง่ายที่เราจะประณามตัวเองและเกลียดตัวเอง เราเก่งเรื่องนี้มากจนเราจะทำงานนี้แทนคนอื่นแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจจะทำก็ตาม
งานแห่งการประณามตนเอง การกล่าวโทษตัวเอง และการไม่ยอมรับตัวเองนี้ต้องทำเป็นการส่วนตัวแน่นอน เกรงว่าคนอื่นจะไม่ยอมรับเราในเรื่องนี้ เราจึงซ่อนอารมณ์ความรู้สึก และบางครั้งก็ซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเราจากผู้อื่นเมื่อเราเผชิญกับความยากลำบากและปัญหา
ความย้อนแย้งของเรื่องนี้ก็คือ ช่วงเวลาเหล่านี้นี่แหละคือช่วงเวลาที่คนที่รักเราต้องการจะอยู่เคียงข้างเรา คุณไม่อยากอยู่เคียงข้างคนที่คุณรักที่กำลังเจ็บปวดหรอกหรือ❓ แน่นอนว่าคุณต้องอยากอยู่ด้วยอยู่แล้ว มันคือสัญชาตญาณแรกของคุณเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เราต้องทำคือเชื่อว่ามันเป็นเช่นเดียวกันกับคนอื่น ผู้คนต้องการช่วยเหลือเรา พวกเขาไม่รู้สึก “เป็นภาระ” ที่จะทำเช่นนั้น ตรงกันข้าม พวกเขารู้สึกยินดีที่ได้ทำเช่นนั้น
#การรู้ว่าเราได้ช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เรามีคุณค่า ทำให้ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองของเราพุ่งทะยานขึ้น #ชีวิตเริ่มมีความหมายขึ้นมาทันที หรืออย่างน้อยก็ให้ความรู้สึกว่าเรามีจุดมุ่งหมายที่สูงกว่าในขณะนั้น
เมื่อคุณลองคิดดูดีๆ #ทุกอาชีพล้วนเป็นเพียงวิธีช่วยให้ผู้อื่นได้รับในสิ่งที่พวกเขาต้องการ นักร้อง นักเต้น จิตรกร ตำรวจ หมอ ครู ช่างประปา นักแสดง นักดับเพลิง นักเต้นระบำโป๊ นักบวช นักเบสบอล ช่างภาพ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานเสิร์ฟ ประธานบริษัท... #ทุกคนล้วนแต่กำลังทำบางสิ่งที่ช่วยให้คนอื่นได้รับในสิ่งที่พวกเขาต้องการ❗
นั่นคือทั้งหมดที่เรากำลังทำอยู่ที่นี่ เราไม่ได้ทำอะไรอื่น #เราทุกคนแค่วิ่งวุ่นพยายามช่วยเหลือใครสักคน การรู้เช่นนี้ควรทำให้เรายอมรับความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น—ไม่ว่าจะจากผู้เชี่ยวชาญหรือจากคนที่รักเรา—เมื่อความต้องการในการได้รับความช่วยเหลือของเราเองก็มีมากเป็นพิเศษ ทำไมเราจะทำให้มันยากขึ้นสำหรับคนที่จะช่วยเราในเมื่อความช่วยเหลือคือสิ่งที่เราต้องการพอดี และเป็นสิ่งที่คนอื่นต้องการจะให้พอดี❓
พอเท่านี้สำหรับคำว่า “อย่าสร้างภาระให้คนอื่น”
ตกลงไหมครับ❓ เข้าใจตรงกันแล้วนะครับ❓ ว่าพอเท่านี้สำหรับคำว่า อย่าสร้างภาระให้คนอื่น . . .
ดังนั้นผมจะขอเชิญให้คุณให้คำมั่นตอนนี้ #ที่จะออกไปเชื่อมต่อกับคนอื่นและแบ่งปันกับคนๆนั้นว่าคุณรู้สึกอย่างไร #กับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ บอกพวกเขาว่าคุณกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ก็ได้ถ้าคุณต้องการ คุณอาจจะชวนพวกเขาให้อ่านไปพร้อมกับคุณด้วยก็ยังได้
ผมไม่สนว่าคุณจะเชื่อมต่อกับใคร แต่ขอให้เชื่อมต่อกับใครสักคน เชื่อมต่อกับญาติ เชื่อมต่อกับเพื่อน เชื่อมต่อกับนักให้คำปรึกษามืออาชีพ เชื่อมต่อกับรับไบ หรืออุลามะ หรือบาทหลวง หรือนักบวช เชื่อมต่อกับสมาชิกของเครือข่ายการเปลี่ยนแปลง จงเชื่อมต่อกับใครสักคน เพราะเมื่อคุณเชื่อมต่อกับคนอื่น คุณได้เชื่อมต่อกับตัวเอง
ผมเพิ่งพูดบางสิ่งที่สำคัญมากตรงนี้ และผมไม่อยากให้คุณข้ามมันไป ดังนั้นโปรดให้ผมพูดซ้ำอีกครั้ง
ผมพูดว่า...
...#เมื่อคุณเชื่อมต่อกับคนอื่น_คุณได้เชื่อมต่อกับตัวเอง
การได้พูดคุยกับคนอื่น #การได้ติดต่อสื่อสารกับจิตใจที่อยู่นอกจิตใจของคุณเอง #ทำให้คุณได้สัมผัสกับส่วนของตัวตนที่ใหญ่กว่าจิตใจของคุณ ใหญ่กว่าความคิดของคุณ นั่นเป็นเพราะการกระทำของการเชื่อมต่อกับคนอื่นดึงคุณออกจากการสนทนาภายในที่ดำเนินอยู่ และเข้าสู่การสนทนาภายนอก
⭕ #ในการสนทนาภายนอก_คนอื่นสามารถนำพลังงานใหม่มาให้คุณ_ให้มุมมองที่แตกต่าง #พวกเขาสามารถเข้ามาสู่เรื่องราวด้วยจิตใจที่ชัดเจน_ปราศจากการตัดสินตนเองที่คุณใช้มองทุกสิ่ง #พวกเขาเห็นคุณตามที่คุณเป็นจริงๆ พิสูจน์ความย้อนแย้งที่ว่า #บางครั้งคุณต้องออกจากตัวเองเพื่อเข้าถึงตัวเอง_บางครั้งคุณต้องหยุดมองตัวเองเพื่อที่จะเห็นตัวเอง
***
การรักตัวเอง เริ่มได้ที่ตรงนี้ :
จับมือของตัวเอง—แนบริมฝีปากสัมผัส
แล้ว
วางแก้มอ่อนนุ่มของเธอ ลงบนไหล่กลมมน
ณ ที่ซึ่ง
ความหอมละมุน
ของความฝันอันยืนยาวและการต่อสู้ในชีวิต
ได้หอมกรุ่นอาบกายเธอ
นี่คือจุดเริ่มต้น
นี่คือการเริ่มก้าวแรก
บัดนี้ความเจ็บปวดในหัวใจของเธอ
มีพื้นผิวให้สัมผัสแล้ว
—‘การรักตัวเอง’ © 2006 เอ็ม แคลร์
หนังสือ
จิตวิญญาณ
1 บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
9 การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย