Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
4 ก.ย. เวลา 04:29 • หนังสือ
#5 9️⃣ การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง — บทที่3️⃣ กาลครั้งหนึ่ง . . .
💟 ผู้แปล คุณ♾️อุดม
.3️⃣.
กาลครั้งหนึ่ง . . .
นอกเหนือจากการแสวงหาการสนทนากับผู้อื่นแล้ว “การลงลึกเข้าสู่ภายใน” และกลับมาเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของตัวเองก็เป็นสิ่งที่ดีมากเช่นกัน สิ่งนี้ไม่เหมือนกับสิ่งที่คุณอาจกำลังทำอยู่ในช่วงที่ผ่านมา เพราะนี่คือ การมีส่วนร่วมกับจิตวิญญาณ ไม่ใช่กับจิตใจ
สิ่งที่มักเกิดขึ้นเมื่อผู้คนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างกะทันหันก็คือ #พวกเขาตัดการเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณด้วยการขุดลึกลงไปในเรื่องราวของตัวเอง #ซึ่งเรื่องราวของคุณไม่ได้อยู่ในจิตวิญญาณ_แต่อยู่แค่ในจิตใจเท่านั้น
ในตอนนี้ คุณอาจคิดว่าการลงลึกเข้าสู่ภายในจะนำมาซึ่งความเข้าใจอันกระจ่างแจ้ง—และคุณก็คิดถูก จริงๆแล้ว สุภาษิตที่ผมชอบที่สุดก็คือ : หากคุณไม่กลับเข้าสู่ภายใน คุณก็จะพลาดสิ่งสำคัญไป★ แต่ทว่า “การกลับเข้าสู่ภายใน” และ “การขุดลึกลงไปในเรื่องราวของตัวเอง” นั้น เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน
(★ประมาณว่าให้เราหันกลับมาทำความเข้าใจโลกภายในของเราเองอย่างแท้จริง เพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดสิ่งที่มีคุณค่าหรือความสุขที่แท้จริงในชีวิตของเราไป ซึ่งสิ่งที่ทำให้แต่ละคนมีความสุขนั้นก็ไม่เหมือนกัน เหมือนกับการที่เราเข้าไปสำรวจความเป็นตัวเรา สิ่งที่เราเป็นอย่างแท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่คนภายนอกบอกว่าเราเป็น
เพื่อสร้างสรรค์ ‘’ชีวิต‘’ ที่ตรงกับความปรารถนาของเราและรู้สึกว่าการได้ใช้ชีวิตเช่นนี้ การได้มีวิถีชีวิตเช่นนี้ มันทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าอย่างที่สุด รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้เป็นอย่างนี้ อะไรแบบนี้เป็นต้นครับ ก็เหมือนกับผมที่กำลังทำสิ่งนี้อยู่ คือการได้แปลความรู้ทางจิตวิญญาณแล้วถ่ายทอดออกไปให้คนได้อ่านกัน การได้ทำสิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้ผม “เป็นสุข” อย่างยิ่งครับ อะไรประมาณนี้ 😄 –ผู้แปล)
#เรื่องราวคือนิทานที่คุณเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองให้ตัวเองฟัง มันเริ่มต้นด้วย “กาลครั้งหนึ่ง . . .” และเล่าเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ อย่างไรและทำไม มันคือเรื่องเล่าที่เกิดจากความคิดในจิตใจของคุณเอง★ ข้อสรุปที่คุณได้มาเกี่ยวกับตัวคุณเอง—#ข้อสรุปที่แทบจะไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวคุณเลย และมักจะรวมเอาการตัดสินที่รุนแรงที่สุดเกี่ยวกับตัวคุณเองเข้าไปด้วยเสมอ
(★ประมาณว่า เป็นเสียงในหัว ที่คอยบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วยมุมมองอันคับแคบจำกัดเท่าที่เรามีต่อโลกหรือความจริงให้ตัวเราเองฟัง หากใช้คำแบบผู้ปฏิบัติในแนวทางพุทธ ก็คงจะเป็น "การหลงเข้าไปอยู่ในความคิด" อะไรประมาณนั้นครับ –ผู้แปล)
การขุดลึกลงไปในความยุ่งเหยิงแบบนั้นแทบจะไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจอะไรได้เลย จริงๆแล้ว ผมจะบอกว่าความเข้าใจไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยต่างหากจากการทำเช่นนั้น #เพราะเรื่องราวของคุณไม่ใช่ความจริง_มันมีอยู่แค่ในจิตใจของคุณเท่านั้น #มันอาจดูเหมือนจริงมากสำหรับคุณ_แต่มันไม่ใช่ความเป็นจริง
ในทางกลับกัน “การกลับเข้าสู่ภายใน” คือ #การเดินทางที่ตัวตนออกจากจิตใจและเดินทางไปสู่จิตวิญญาณ—#ที่ซึ่งเรื่องราวส่วนตัวของคุณไม่มีอยู่ สิ่งนี้ช่วยให้คุณมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณจากมุมมองที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง คุณไปยังพื้นที่ที่แตกต่างเพื่อที่จะได้(มอง)มาจากพื้นที่ที่แตกต่าง
สิ่งนี้สามารถบรรลุได้จากหลากหลายวิธี ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเพียงแค่การอยู่เงียบๆกับตัวเอง เพียงแต่ในวิธีที่แตกต่างออกไป
เรื่องที่น่าตลกก็คือ คุณกำลังอยู่เงียบๆกับตัวเองอยู่แล้ว คุณอาจกำลังอยู่ท่ามกลางการคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเองอย่างจริงจังอยู่ในตอนนี้ แต่ที่ผมกำลังกล่าวถึงเป็นเรื่องของการสำรวจภาพสะท้อนที่แสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของคุณ ไม่ใช่การยืนอยู่หน้ากระจกในบ้านของตัวตลกที่ทำให้คุณดูประหลาดพิกล★ อีกครั้ง #นี่เป็นเรื่องของการอยู่เงียบๆกับจิตวิญญาณของคุณ_ไม่ใช่กับจิตใจ
★ตัวตลกในที่นี้ก็คือจิตใจของคุณที่มักชอบเล่นตลกกับคุณเป็นประจำ ; และดูประหลาดพิกลในที่นี้คือเพราะเราชอบปล่อยให้ตัวเองถูกหลอกด้วยการคิดไปเองนั่นแหละ (จิตคิดในทางโลก) แถมยังรู้สึกสนุกไปกับการโดนหลอกอยู่เรื่อยๆอีกต่างหาก เอาจริงๆจะเรียกแรงๆหน่อยว่า เป็นคนวิตถาร ก็พอได้อยู่มั้งครับ แหะๆ 😅 โดนหลอกแล้วไม่รู้จักจำ ไม่คิดหาทางป้องกัน หาทางเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง อะไรแบบนั้นครับ –ผู้แปล)
อย่าไปหาจิตใจเพื่อการสะท้อนตัวเอง❗ คุณจะหลงทางในการตามหาตัวเองที่นั่น ผู้คนสูญเสียการติดต่อกับตัวตนที่ดีที่สุดของตัวเองไป—หรือสิ่งที่ผมเรียกว่าตัวตนที่แท้จริง (ใช่แล้วครับ ผมจะอธิบายถึงเรื่องนี้ในภายหลัง)
ปัญหาใหญ่ที่สุดของการ “ขุดคุ้ย” เข้าไปในจิตใจก็คือ เราไม่เพียงแต่เผชิญหน้ากับเรื่องราวส่วนตัวของเราเองเท่านั้น (ซึ่งไม่ค่อยน่าชื่นชมนัก ตามที่เราเล่า) แต่เรายังเพิ่มเติมเรื่องราวของเราเองเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเราในตอนนี้ และทำไมมันถึงเกิดเช่นนี้เข้าไปด้วย (★ซึ่งเป็นการคิดเองเออเอง มโนไปเอง –ผู้แปล) สิ่งนี้ก็เช่นกัน เราเห็นมันสะท้อนในกระจกบ้านตัวตลกนั้น หรือ อย่างที่ลีอาห์พูดเมื่อผมแบ่งปันกับเธอวันนี้ว่าเราทุกคนติดอยู่ในเรื่องราวส่วนตัวของเราอย่างไร...★
(★จะว่าพวกเราเสพติดดราม่ากันก็ได้ครับ –ผู้แปล)
“สำหรับผม เรื่องราวของผมเกี่ยวพันกับสิ่งภายนอกที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างซับซ้อน : การไม่มีรายได้ การเป็นคนไร้บ้าน การสงสัยว่าตัวเองจะมีอะไรกินไหม การไม่สามารถหางานได้ สถานการณ์เหล่านี้ ‘บอก’ ผมว่าผมเป็นใคร—ผมให้ข้อสรุปเกี่ยวกับตัวเองเพราะข้อเท็จจริงภายนอกเหล่านี้”
แน่นอนว่า พวกเราทุกคนเป็นแบบนั้น (จนกว่าเราจะไม่เป็นอีกต่อไป) เมื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงในชีวิตของเรา เรามักคิดว่าเป็นความผิดของเรา มันเป็นบางสิ่งที่เราทำ (หรือไม่ได้ทำ) ที่เป็นสาเหตุ เราสันนิษฐานว่าเราล้มเหลวในบางด้าน และในช่วงเวลาแห่งความล้มเหลว #เรากล่าวโทษตัวเอง เราทำให้ตัวเองผิดสำหรับทุกสิ่งที่เราได้ทำ “ที่นำเรามาถึงจุดนี้” หรือทุกสิ่งที่เราล้มเหลวที่จะทำ และเราแสดงความเมตตาต่อตัวเองน้อยมากในเรื่องนั้น
หรือถ้าเราไปไม่ถึงการโทษตัวเอง เราก็ไปถึงการตั้งคำถามกับตัวเอง เราขุดคุ้ยเข้าไปในจิตใจเพื่อหาคำตอบว่าทำไมสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจึงเกิดขึ้น เมื่อผมแบ่งปันเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ในอีเมลตอบกลับถึงลีอาห์ ซึ่งเธอเขียนตอบกลับมาว่า :
“สิ่งที่ฉันอยากรู้คือ ทำไมเราถึงทำแบบนี้❓ ทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงเกิดขึ้น❓ ทำไมฉันถึงกำลังจะไร้บ้าน❓ ทำไมฉันถึงหางานไม่ได้❓ เพราะฉันเป็น ______❓ เพราะฉันทำ ______ และไม่ได้ทำ ______งั้นหรือ❓
“สำหรับฉัน เป็นการส่วนตัว มันจะเป็นประโยชน์ที่จะเข้าใจว่าทำไมพวกเราในฐานะมนุษย์จึงมีความต้องการที่จะรู้ถึงเหตุผลว่าทำไมสิ่งต่างๆถึงเกิดขึ้นกับเรา มันต้องเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานบางอย่างที่ให้เราต้องทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา—งั้นใช่ไหม❓
“หรือบางทีฉันอาจจำเป็นต้องรู้และเข้าใจให้ดีขึ้นว่าจะแยกสิ่งที่ไม่จริงนี้ว่าเป็นสถานการณ์จากภายนอกของสถานการณ์ ณ ปัจจุบันของฉันได้อย่างไร : ซึ่งก็คือการไม่มีเงินและไม่มีทางแก้ไขเรื่องนี้ได้ในทันที—เพราะสิ่งภายนอกเหล่านี้เป็นความจริงมากสำหรับฉันในตอนนี้”
ไม่ว่าจะทางไหน—ไม่ว่าเราจะโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์ หรือโทษตัวเองที่ไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุ—เราไม่สามารถจินตนาการได้ว่าใครจะรักเราได้ (เราคิดว่าพวกเขาต้อง “ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง”) #เพราะเราไม่สามารถจินตนาการถึงการรักตัวเองได้ #และเราหลงทางในจิตใจของตัวเอง_เราสูญเสียร่องรอยของตัวตนที่แท้จริง ของตัวตนที่ดีที่สุดของเรา ขณะที่เราเดินวนเวียนอยู่ในเรื่องราวที่ขยายออกไปของเรา
เคยมีคนที่แย่กว่านี้ไหม❓ ความล้มเหลวที่มากกว่านี้❓ มนุษย์ที่ไร้ความสามารถ ไว้ใจไม่ได้ ไม่น่าปรารถนา ไร้ค่ามากกว่านี้❓
สิ่งที่น่าตลกก็คือ เรารู้ว่าเรากำลังทำแบบนี้ เราสามารถรู้สึกได้ว่าเรากำลังประณามตัวเองอยู่—#ดังนั้นเราก็เลยประณามตัวเองที่ทำเช่นนั้น (ซ้ำเข้าไปอีก) #สิ่งนี้ผลักเราให้ห่างไกลจากตัวตนที่แท้จริงของเรามากขึ้น และถ้าคนอื่นที่รู้จักเราดีถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา เราก็พูดว่า :
“โอ้ ไม่มีอะไรหรอก วันนี้ฉันก็แค่ไม่เป็นตัวของตัวเอง”
#ไม่มีอะไรจะใกล้เคียงความจริงไปมากกว่านี้อีกแล้ว
และอย่างที่ผมบอก เรารู้มัน #ลึกๆข้างในเรารู้ว่านี่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา—แต่เราไม่รู้ว่าจะกลับไปหามันได้อย่างไร เพราะเราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้★
(★ไม่รู้ว่าจะห้ามหรือหยุดประณามตัวเองได้อย่างไร –ผู้แปล)
ดังนั้นเราจึงมุ่งหน้าไปที่จิตใจและกลับไปสู่การพูดพร่ำภายใน เรายังคงพูดกับตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ปัญหาเดียวก็คือ เราไม่สามารถเข้าถึงตัวเราเอง—ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ไม่ใช่ตัวตนที่ดีที่สุดของเรา—เพราะเรื่องราวของเรากำลังขวางทาง เราเริ่มคิดว่าเราคือเรื่องราวนั้น ว่านี่คือความจริงเกี่ยวกับเรา และสิ่งอื่นๆ ทุกอย่าง คือการแสดง (ของปลอม)
สำหรับเราตอนนี้ มีการแสดง (ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา) และมีเรื่องราว เราทำให้ตัวเองเชื่อว่าสิ่งดีๆทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงที่เรา “กำลังแสดงอยู่ (ของปลอม)” ในขณะที่สิ่งไม่ดีคือสิ่งที่เป็นจริง และนั่นคือเรื่องราวที่แท้จริงเกี่ยวกับเรา
นี่ฟังดูคุ้นๆไหม❓ สำหรับผมแล้วคุ้นมาก เพราะผมเคยทำมาแล้วทุกอย่างที่ว่ามานี้ และยังคงทำบางสิ่งจากสิ่งที่ว่ามานี้อยู่จนถึงทุกวันนี้ . . . จนกว่าผมจะดึงตัวเองออกมาจากมันได้นั่นแหละ #ซึ่งหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับวิธีที่ผมทำเช่นนั้น
ดังนั้นถ้าคุณ “#รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองวันนี้” ผมจะแนะนำให้คุณรับข้อเสนอแนะที่ #1 และเปลี่ยนการตัดสินใจที่จะ “เดินไปคนเดียว”
ทำการเปลี่ยนแปลงนี้ในวันนี้
ไม่ใช่พรุ่งนี้
#แต่เป็นวันนี้
ตัดสินใจที่จะเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของคุณ และจากนั้นก็ตัดสินใจที่จะเอื้อมออกไป หาใครสักคนที่ไม่ได้อยู่ในเรื่องราวของคุณ #คนที่รู้จักคุณดีและไม่ได้มองคุณอย่างที่คุณคิดว่าคุณเป็น_แต่มองคุณอย่างที่คุณเป็นจริงๆ มีการสนทนากับคนนั้นและคุณอาจพบว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงครั้งเดียวนี้ได้เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับวิธีที่คุณประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้อย่างมาก
ถ้าตอนนี้คุณไม่มีใครในชีวิตที่สามารถนำโอกาสสำหรับการสนทนาภายนอกนี้มาให้คุณได้ ผมมีเรื่องน่าประหลาดใจเล็กๆสำหรับคุณ ผมจะทำให้นี่เป็นหนังสือสองทาง ผมจะเชิญคุณให้คุยกับผม และกับคนอื่นๆที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว แม้ในขณะที่คุณกำลังอ่านเนื้อหานี้อยู่ก็ตาม
ผมกำลังบอกว่าคุณสามารถวางหนังสือลงและเชื่อมต่อกับใครสักคนได้ตอนนี้เลย คนที่รู้ว่าคุณกำลังผ่านอะไร คนที่เคยอยู่ตรงนั้น นั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมใช่ไหมล่ะ❓ มันอาจเป็นวิธีปฏิวัติวงการในการได้สัมผัสประสบการณ์จากหนังสือก็ได้
บางทีคุณอาจแค่อยากจะเชื่อมต่อกับใครสักคนเพราะคุณมีคำถามเกี่ยวกับบางสิ่งที่คุณได้อ่านที่นี่ หรืออยากได้คำอธิบายที่ละเอียดขึ้น หรืออยากรู้ว่าคนอื่นมีประสบการณ์กับสิ่งที่กำลังพูดถึงอย่างไร ได้เลย แค่ออนไลน์และไปที่เว็บไซต์พิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับคุณโดยเฉพาะ เพื่อช่วยคุณเปลี่ยนวิธีที่การเปลี่ยนแปลงกำลังถูกรับรู้ในชีวิตของคุณ แค่ไปที่…
www.ChangingChange.net
แล้วรู้อะไรไหม... คุณไม่เพียงแต่สามารถเขียนถึงพวกเราและได้รับคำตอบ คุณยังสามารถคุยกับพวกเราได้ในการสนทนาแบบเรียลไทม์ผ่านการประชุมทางโทรศัพท์แบบกลุ่มและชั้นเรียนทางไกลที่จัดขึ้นเป็นประจำ คุณสามารถสำรวจกับเครือข่ายเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังประสบและอ่านแม้ในขณะที่คุณกำลังอ่านและมีประสบการณ์กับมันอยู่ และถามคำถามใดๆก็ตามที่คุณต้องการกับสมาชิกเครือข่าย
ที่เว็บไซต์เดียวกันนี้คุณยังสามารถดูวิดีโอของคนอื่นๆที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของพวกเขา ขณะที่พวกเขาตอบคำถามและพูดคุยว่าพวกเขาทำมันได้อย่างไร
และไม่จำเป็นต้องจบแค่นั้น คุณยังสามารถรับการโค้ชชีวิตส่วนตัวจากสมาชิกบางคนของเครือข่าย เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ Changing Everything (เปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง) หนึ่งวันที่ผมนำเสนอ และแม้แต่เข้าร่วมการปลีกวิเวก (retreats) เพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณแบบยาวที่ผมเป็นผู้อำนวยความสะดวก
จุดสำคัญก็คือ : คุณสามารถได้รับความช่วยเหลือได้มากเท่าที่คุณต้องการ #สิ่งสำคัญคือคุณต้องไม่รู้สึกโดดเดี่ยว #ไม่จำเป็นต้องจัดการกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณตอนนี้ด้วยตัวคุณเอง มีคนอื่นที่สามารถช่วยคุณได้ คนที่ใส่ใจ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และยังมีคนอีกมาก เพื่อนร่วมทีมที่ได้เข้าร่วมชุมชน Changing Change (การเปลี่ยนแปลงการเปลี่ยนแปลง) และได้สร้างเครือข่ายของผู้คนที่จะนำคุณผ่านสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ไปอย่างนุ่มนวลและด้วยความรัก และพาคุณออกมาสู่อีกด้านหนึ่ง
ดังนั้น... ถ้ารู้สึกดีที่จะทำเช่นนั้น รีบไปที่คอมพิวเตอร์ ไปที่
www.ChangingChange.net
และโพสต์ข้อความที่นั่น คนที่กำลังผ่าน หรือได้ผ่านสิ่งที่คุณกำลังผ่านอยู่ในตอนนี้พอดี จะส่งคำตอบกลับมาให้คุณในไม่ช้า ได้โปรดเถิด อย่าปิดกั้นตัวเองมากเกินไป หรือขี้อาย หรืออับอาย หรือดื้อรั้น หรืออะไรก็ตาม #ที่จะแบ่งปันเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณกับคนอื่น
เชื่อมต่อ เชื่อมต่อ #จงเชื่อมต่อ
ถ้าไม่รู้จะไปเชื่อมต่อกับใคร . . . ถ้าหาไม่ได้จริงๆว่าจะไปเชื่อมต่อกับใคร . . . ก็อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อไปครับ #เพราะคุณกำลังเชื่อมต่อกับผมที่นี่_และผมก็กำลังเชื่อมต่อกับคุณ
และนั่นก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว
ว่าไง คุณอยากจะอ่านต่อไหม❓
*
It’s a beautiful time to be alive.
มันเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่ได้มีชีวิตอยู่
And the long walk home is peopled—
และการเดินทางอันยาวไกลเพื่อกลับบ้านนั้นเต็มไปด้วยผู้คน—
We, are everywhere.
พวกเรา(นักเดินทางกลับบ้าน)
อยู่ในทุกแห่งหน
Yet the struggle to surrender is where we walk alone.
แต่การพยายามเพื่อเดินต่อไปให้ถึงนั้น
คือเส้นทางที่เราต้องเดินเพียงลำพัง
So the next time you fall
ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณล้มลง
look
จงมอง
to either side where you lie
ไปทางด้านข้างที่คุณนอนอยู่
and take the hand
และจงจับมือ
of your dear Sister or Brother
เหล่าพี่น้องผู้เป็นที่รักของคุณ
whose own face is muddied.
ผู้ซึ่งใบหน้าก็เปื้อนโคลนเช่นกัน
We can rise together,
เราสามารถลุกขึ้นด้วยกันได้
even if we fall alone—
แม้ว่าเราจะล้มลงเพียงลำพัง—
for it’s a beautiful time to be alive
เพราะนี่คือช่วงเวลาอันงดงามที่ได้มีชีวิตอยู่
even
แม้จะ
on this long walk home.
อยู่บนเส้นทางอันยาวไกลเพื่อกลับบ้านก็ตาม
*
—‘Rise Together’ © 2007 Em Claire
—‘ลุกขึ้นด้วยกัน’ © 2007 เอ็ม แคลร์
หนังสือ
จิตวิญญาณ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
9 การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย