7 ก.ย. เวลา 12:00 • หนังสือ

สรุปหนังสือ Last Conversation บทสนทนาสุดท้าย

ในวินาทีที่เราต้องเผชิญหน้ากับความจริงของชีวิต…
"บทสนทนาสุดท้าย" ชวนเรากลับมานั่งลง เงียบฟังเสียงภายในใจ และถามตัวเองว่า ถ้าวันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิต เราอยากพูดอะไร อยากทำอะไร และอยากทิ้งอะไรไว้ให้กับโลกใบนี้บ้าง
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่การบอกเล่าเรื่องราว แต่เป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนให้เราเห็นคุณค่าของชีวิต ความรัก ความฝัน และสิ่งที่มีความหมายที่สุดในเวลาที่เราอาจไม่เคยให้ความสำคัญมันมากพอ
รู้จักผู้เขียน
แพทย์หญิงนิษฐา เอื้ออารีมิตร (หมอแนต) จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 ได้รับวุฒิบัตรอายุรแพทย์ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วุฒิบัตรอายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและวิกฤตระบบทางเดินหายใจ วุฒิบัตรเวชบำบัดวิกฤต รวมทั้งยังเป็นอาจารย์แผนกโรคปอดและเวชบำบัดวิกฤต ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลคูน Palliative Care แห่งแรกของประเทศไทย
ทำไมควรอ่านหนังสือเล่มนี้
1. ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
การตระหนักว่าชีวิตมีจุดจบจะทำให้เราเลือกสิ่งที่สำคัญจริง ๆ ในชีวิต เช่น การให้เวลาแก่ครอบครัว การทำสิ่งที่รัก
2. สร้างความสงบทางจิตใจ
การเตรียมพร้อมช่วยให้เราทำใจยอมรับได้ง่ายขึ้น ไม่จมอยู่กับความกังวล แต่ใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยจิตใจที่สงบและเบาสบาย
3. ปรับปรุงความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
เมื่อเรารู้ว่าเวลาอาจเหลือไม่มาก เราจะให้ความสำคัญกับการให้อภัย การขอโทษ และการบอกความรักต่อคนสำคัญในชีวิตมากขึ้น
4. เตรียมเรื่องการจากลาให้เรียบร้อย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพินัยกรรม ความประสงค์ทางการแพทย์ การเตรียมสิ่งเหล่านี้ช่วยลดภาระและความสับสนให้คนที่อยู่ข้างหลัง
Palliative Care คืออะไร
Palliative Care หรือ การดูแลแบบประคับประคอง คือการดูแลผู้ป่วยที่เผชิญกับโรคที่รักษาไม่หายหรืออยู่ในระยะท้ายของชีวิต โดยเน้นไปที่คุณภาพชีวิตมากกว่าการรักษาให้หายขาด จุดประสงค์หลักคือทำให้ผู้ป่วยไม่เจ็บปวด อยู่สบายที่สุด ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
การตายดีเป็นแบบไหน
1. ตายโดยไม่ทรมาน
2. ตายแบบไม่โดนทำในสิ่งที่ตนไม่ต้องการ
3. ตายแบบมีคนรอบตัวที่เรารักอยู่
รู้จัก Advance Care Planning กับ Living Will
Advance Care Planning คือการวางแผนดูแลรักษาตัวเองล่วงหน้าทำไว้ก่อนที่ผู้ป่วยจะหมดความสามารถในการตัดสินใจหรือเข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต ซึ่งแผนมีทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
Living Will หรือหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์ในการรับบริการสาธารณสุขในวาระสุดท้ายของชีวิต
ซึ่งถือเป็นสิทธิ์ของผู้ป่วยอย่างหนึ่งตามมาตรา 12 ของพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติพ.ศ. 2550 โดยมีข้อปฏิบัติสำคัญคือ
1. ผู้ป่วยจะต้องเป็นคนแสดงเจตนาของตนเองว่าต้องการอะไร
2. ต้องมีคนที่เกี่ยวข้อง เช่น ญาติหรือคนในครอบครัว รับรู้ถึงความต้องการนั้น
3. บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องยอมรับในสิ่งต่างๆที่อยู่ในเจตนารมณ์ของผู้ป่วย
E + R = O
Event คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
Response คือ การตอบสนองของเรา
Outcome คือ ผลลัพธ์ที่ได้
สิ่งที่เราปรารถนาคือ O สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้คือ E แต่เรามีสิ่งที่ควบคุมได้คือ R จะเห็นได้ว่าคนไข้ระยะสุดท้ายบางคนสามารถยอมรับโรคของตนเองได้ ปล่อยวางและตอบสนองโดยการมีความสุขในทุกๆ วัน เพื่อให้ตัว O มีความหมาย
ลักษณะของคนที่ปล่อยวางแล้ว
1. ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ไม่มีสิ่งที่ค้างคาใจ
2. เข้าใจธรรมชาติของชีวิตและความตาย
3. ไม่ยึดติดกับตัวตนหรือภาพลักษณ์
4. มีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์และไม่มีความสัมพันธ์ที่ค้างคาใจ
5. มีความสุขในปัจจุบัน
1 เรื่องราวที่น่าสนใจจากหนังสือ
เก่งขอหยิบเรื่อง “ป่วยเท่ากัน ไม่ได้แปลว่าจะทุกข์เท่ากัน” เป็นเรื่องของชายวัยอายุ 70 ปีเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากๆ ซึ่งพื้นฐานมาจากเด็กต่างจังหวัดไม่มีเงินติดตัวแต่ก็สามารถสร้างธุรกิจที่มั่นคงและส่งต่อให้กับครอบครัวได้ ผู้ป่วยเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมากๆออกกำลังกายสม่ำเสมอทำให้ดูดีกว่าคนอายุรุ่นเดียวกัน ในด้านของครอบครัวเขามีภรรยาพี่แข็งแรงมีลูกสาวที่รักหนึ่งคนซึ่งเขาก็ได้ถ่ายทอดทุกอย่างให้กับลูกสาวแล้ว
เรื่องราวของชีวิตผู้ป่วยรายนี้ฟังดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดีเค้าต้องเป็นคนที่มีความสุขสิแต่เชื่อไหมว่าคนไข้คนนี้ขอให้หมอฉีดยาให้หลับไปเลย
หลังจากที่หมอแนตได้พูดคุยและรับฟัง ก็ได้เข้าใจปัญหาของผู้ป่วยรายนี้คือ “ไม่อยากเป็นภาระของใคร” หมอแนตได้พูดถึง “ภาวะที่ระบบความสุขชินชา หรือไวต่อความสุขลดลง” พบได้ในคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ ซึ่งอาจลืมความสุขแบบธรรมดา เช่น การกินอาหารอร่อย
 
สุดท้ายหมอแนตได้เปิดใจผู้ป่วยรายนี้ทั้งการรับฟัง การให้ทำกิจกรรมที่สามารถทำได้กับครอบครัว จนวันที่การเดินทางครั้งใหม่มาถึง หมอแนตได้ทำตามความประสงค์ของผู้ป่วยรายนี้คือไม่ยื้อชีวิตและให้จากไปอย่างสงบเรียกว่า “ตายอย่างสมศักดิ์ศรี”
สำหรับประเทศไทยที่ยังไม่มีการุณยฆาตสิ่งที่หนังสือเล่มนี้อยากให้รู้จักคือการดูแลแบบ Palliative Care หรือการดูแลแบบประคับประคอง เพราะนาทีที่เรายังหายใจแบบมีสติอยู่นี้ คือของขวัญที่ดีที่สุดของเราแล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา