Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Productive Girl
•
ติดตาม
14 ก.ย. เวลา 12:00 • หนังสือ
สรุปหนังสือ ทุกปัญหาชีวิตแก้ได้ด้วยกฎสามเหลี่ยมแห่งความสัมพันธ์
ไม่ว่าจะพยายามสื่อสารหรือปรับตัวแค่ไหน ความสัมพันธ์บางอย่างก็ยังทำให้เรารู้สึกเหนื่อยและไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นคนรัก ครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนบางครั้งก็เหมือนกลายเป็นปมที่ยิ่งแก้ยิ่งพันแน่นขึ้นทุกที
หนังสือ ทุกปัญหาชีวิตแก้ได้ด้วยกฎสามเหลี่ยมแห่งความสัมพันธ์ โดย มัตซึมุระ อาริ นักจิตวิทยาคลินิก จะพาเราไปทำความเข้าใจ “กฎสามเหลี่ยม” ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ กฎนี้จะช่วยให้เราเห็นชัดว่าใครกำลังเล่นบทไหนในความสัมพันธ์ และที่สำคัญมันจะบอกทางออกให้เราหลุดพ้นจากวงจรที่บั่นทอนใจได้อย่างไร
มัตซึมุระ อาริ
นักจิตวิทยาเชิงบวกที่เติบโตในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว จบการศึกษาระดับมัธยมต้นแล้วสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยทำงานเก็บเงินส่งตัวเองเรียน และย้ายไปที่สหรัฐอเมริกาตามลำพังจบการศึกษาปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยม ศึกษาต่อปริญญาโทคณะจิตวิทยาคลินิก จบการศึกษาระดับปริญญาเอกคณะสาขาสาธารณสุข
3 เหลี่ยมความสัมพันธ์ที่ติดขัด
DDT ย่อมาจาก The Dreaded Drama Triangle หรือสามเหลี่ยมดราม่าอันน่ากลัว ประกอบด้วย เหยื่อ ผู้ข่มเหง และผู้ช่วยเหลือ
เหยื่อ: ผู้ที่โชคร้ายที่สุดในสถานการณ์ โทษทุกอย่างที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดของคนอื่น ไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิต
ผู้ข่มเหง: บุคคลที่ต่อว่าหรือโจมตีคนอื่น รวมถึงการควบคุมคน ซึ่งผู้ข่มเหงก็อาจเคยเป็นเหยื่อมาก่อน (ผู้ข่มเหงเป็นได้ทั้งบุคคล เหตุการณ์ สิ่งแวดล้อม)
ผู้ช่วยเหลือ: อยากเป็นฮีโร่ของเหยื่อเสมอ ชอบแก้ปัญหาแต่ไม่ให้ความสำคัญกับตัวตนของเหยื่อ รู้สึกไม่มีคุณค่าเมื่อไม่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น
ตัวอย่างความสัมพันธ์
ให้นึกถึงตัวละครจากการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน ที่โนบิตะมักจะถูกไจแอนท์รังแก ถ้าเทียบกับสามเหลี่ยมความสัมพันธ์ก็คือ
โนบิตะ = เหยื่อ
ไจแอนท์ = ผู้ข่มเหง
โดราเอมอน = ผู้ช่วยเหลือ
จะเห็นได้ว่าทุกครั้งโดราเอมอนก็ช่วยโนบิตะตลอด แต่ปัญหาย่อมเกิดซ้ำๆนั่นก็เพราะยังไม่ได้แก้ไขที่ต้นตอ
เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อนำไปสู่ TED
TED ย่อมาจาก The Empowerment Dynamic ทำให้เกิดสามเหลี่ยมความสัมพันธ์แห่งความสุข ประกอบด้วย ครีเอเตอร์ ชาลเลนเจอร์ และโค้ช
ครีเอเตอร์: ผู้สร้างเส้นทางของตัวเอง เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นลงมือทำในสิ่งที่เลือกเอง โดยไม่โทษใคร
ชาลเลนเจอร์: บุคคลที่เป็นแรงผลักดันของครีเอเตอร์
โค้ช: ผู้ที่สนับสนุนพัฒนาการของคนอื่นโดยยังเห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่ได้ช่วยเพราะสงสารเหยื่อ แต่เชื่อมั่นในตัวของคนๆนั้น
วิธีแก้ไข
1. ถ้าอยากมีความสุขให้เรียนรู้จากคนที่มีความสุข
2. ให้คิดว่าความสัมพันธ์คือทักษะ ดังนั้นมันสามารถฝึกฝนเรียนรู้ได้
3. เลิกเล่นบทเหยื่อ เลิกโทษคนอื่น ปรับความคิดให้อยู่ในแง่บวก
4. หากเจอปัญหาไม่ต้องคิดว่า “ทำไม” ให้เริ่มคิด “แล้วจะทำอย่างไร”
5. ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรามีมากกว่าสิ่งที่เราขาด
6. ยอมรับว่าตัวเองก็มีความสามารถไม่แพ้คนอื่น
7. ผู้ช่วยเหลือต้องยอมรับว่าทุกอย่างไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอ
8. อดีตไม่ได้เป็นตัวกำหนดอนาคต ปัจจุบันต่างหากที่เป็นตัวกำหนดอนาคต
9. มองภาพในอนาคตให้ออกและลงมือทำ
10.ใช้คำว่า “ขอบคุณ” ให้เกิดความเคยชิน
11.โค้ชต้องมองหาจุดแข็งและข้อดีของเหยื่อให้เจอ
กรณีศึกษา
หนังสือได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาทั้งหมด 4 เรื่อง มีทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาที่โรงเรียน ปัญหาที่ทำงาน เช่น ลูกไม่ฟังสิ่งที่พ่อแม่สอน สามีหรือภรรยาทำร้ายจิตใจ เพื่อนร่วมงานนินทา หัวหน้าจอมบงการ ลูกน้องที่หมดไฟ ซึ่งหลังจากบุคคลเหล่านั้นเรียนรู้เกี่ยวกับสามเหลี่ยมความสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตของพวกเขากลับมามีความสุขอีกครั้ง
กุญแจสำคัญคือ การตระหนักรู้ตัวเอง เลิกโทษคนอื่น หันมามองจุดแข็งและสิ่งที่ควบคุมได้ เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้สร้างทางเลือกในชีวิต ยอมรับว่าความสัมพันธ์คือทักษะที่เรียนรู้และพัฒนาได้ และเมื่อเราสามารถสื่อสารด้วยความเข้าใจ เคารพขอบเขตของกันและกัน ความสัมพันธ์ก็จะไม่ใช่ภาระ แต่จะกลายเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้ทุกคนเติบโตและมีความสุขได้จริง
หนังสือ
ไลฟ์สไตล์
พัฒนาตัวเอง
บันทึก
2
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Book Zone
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย