8 ก.ย. เวลา 13:30 • สุขภาพ

คีโตคืออะไร? จำเป็นไหมที่ต้องงดแป้ง?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำว่า คีโต หรือ คีโตเจนิก ไดเอท กลายเป็นคำฮิตของสายเฮลตี้ ใครที่เริ่มสนใจลดน้ำหนัก หรืออยากควบคุมอาหาร ก็มักจะได้ยินคำแนะนำว่า ลองคีโตดูสิ งดแป้งไปเลย จะผอมเร็ว บางคนงดแป้งทุกชนิดแบบเด็ดขาด งดผลไม้ งดข้าว งดพืชหัว แต่บางคนก็กินผัก กินผลไม้ได้ตามปกติ แถมยังใส่แป้งนิดๆ หน่อยๆ ลงไปในมื้ออาหารอีกด้วย
ทำไมถึงมีวิธีกินคีโตที่ต่างกัน? แล้วสรุป… จำเป็นจริงไหมที่ต้องงดแป้งให้หมด?
บทความนี้จะไม่ตัดสินว่าแบบไหนผิดหรือถูก แต่จะพาไปดูความเข้าใจพื้นฐานของคีโต และแง่มุมที่น่ารู้ เพื่อให้คนอ่านสามารถเลือกแนวทางที่เหมาะกับตัวเองได้มากที่สุด
คีโตคืออะไร?
คำว่า คีโต ย่อมาจาก Ketogenic Diet ซึ่งเป็นรูปแบบการกินที่เน้น ไขมันสูง, โปรตีนปานกลาง, และ คาร์โบไฮเดรตต่ำมาก
เป้าหมายของการกินแบบนี้คือ กระตุ้นให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ Ketosis ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายเปลี่ยนจากการใช้น้ำตาลกลูโคส มาเป็นคีโตน ซึ่งเกิดจากการสลายไขมัน
เมื่อร่างกายใช้คีโตนเป็นพลังงานหลัก แหล่งพลังงานในร่างกายจะเปลี่ยนโฟกัสไปที่ไขมันสะสมแทน หลายคนจึงใช้คีโตเป็นแนวทางในการลดไขมัน โดยเฉพาะช่วงที่ต้องการผลลัพธ์แบบชัดเจนในระยะสั้น
แล้วต้องงดแป้งหมดเลยจริงไหม?
การกินคีโต ไม่จำเป็นต้องงดแป้ง 100%
ไม่จำเป็นจ้า การกินคีโตไม่ได้แปลว่าห้ามแตะคาร์บเลย 100% แต่หมายถึงการลดคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในระดับที่ต่ำมากพอ เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ Ketosis ได้
โดยทั่วไป ปริมาณคาร์บที่แนะนำในคีโตจะอยู่ที่ 20-50 กรัมต่อวัน แล้วแต่แผนการกินและกิจกรรมแต่ละคน
บางคนออกกำลังกายเยอะ อาจทานได้มากหน่อย บางคนต้องลดลงต่ำกว่านั้นเพื่อให้เข้าสู่โหมดคีโตซิสได้เร็ว
ตัวอย่างที่อาจกินได้โดยยังไม่หลุดคีโต เช่น
  • ผักใบเขียวที่มีคาร์บน้อย
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เล็กน้อย
  • แป้งจากอัลมอนด์หรือมะพร้าว (ในปริมาณที่ควบคุมได้)
ดังนั้น การมีแป้งติดมาบ้างในมื้ออาหาร ไม่ได้แปลว่าคีโตพัง สำคัญคือปริมาณรวมต่อวัน และการปรับตามร่างกายของตัวเองมากกว่า
ข้อดีของการกินคีโต
การกินคีโตไม่ได้มีดีแค่เรื่องลดน้ำหนัก แต่ยังมีแง่มุมที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น
1. ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดและอินซูลิน
ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือเบาหวานชนิดที่ 2 (แต่อย่างไรก็ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์)
2. ลดความอยากอาหารในบางราย
เพราะไขมันและโปรตีนอยู่ท้องนาน ช่วยให้ไม่หิวจุกจิก
3. สมองอาจลื่นขึ้นในบางช่วง
บางคนรู้สึกว่าคิดงานได้ดีขึ้น เมื่อเข้าสู่คีโตซิสอย่างสมบูรณ์ (แต่ต้องใช้เวลาและผ่านช่วงปรับตัวให้ได้ก่อน)
4. น้ำหนักลงเร็วในช่วงแรก
จากการที่ร่างกายขับไกลโคเจน (ที่กักเก็บน้ำไว้) ออก จึงดูเหมือนผอมไว แม้ไขมันจะยังไม่ได้หายไปมาก
ข้อควรระวัง
แม้คีโตจะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะกับทุกคน และต้องเข้าใจระบบร่างกายตัวเองให้ดีด้วย
  • อาจมีอาการ Keto Flu ในช่วงแรก เช่น ปวดหัว เวียนหัว ใจสั่น อ่อนเพลีย
  • ต้องใส่ใจเรื่องไฟเบอร์ เกลือแร่ และน้ำ เพราะการลดคาร์บอาจทำให้ร่างกายขับแร่ธาตุเร็วขึ้น
  • ถ้าเลือกไขมันแบบผิดๆ อาจกระทบต่อสุขภาพระยะยาว
  • อาจไม่เหมาะกับคนที่มีโรคเกี่ยวกับตับ ไต หรือลำไส้
  • บางคนมีภาวะคิดมากกับอาหารเมื่ออยู่ในคีโตนานๆ
ข้อดีข้อเสียของการกินคีโต
แล้วถ้าเราไม่อยากกินคีโตล่ะ?
ก็ไม่เป็นไรเลยจ้า เพราะ คีโตเป็นแค่ตัวเลือกไม่ใช่ทางรอดเดียว
หลายคนใช้วิธีอื่นแล้วได้ผลดี เช่น
  • Low-Carb ลดแป้งแต่ไม่สุดโต่ง
  • Balanced Diet เลือกแหล่งคาร์บดี เช่น ข้าวกล้อง มันม่วง
  • Intermittent Fasting + ออกกำลังกาย
  • Flexible Dieting เน้นปริมาณสารอาหารรวมเป็นหลัก (Macro-based)
สุดท้ายไม่มีสูตรไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน มีแต่สูตรที่เหมาะกับเราในช่วงเวลานั้นๆ
ถ้าเข้าใจหลักการแล้วเลือกวิธีที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวันเราได้ โอกาสที่จะสำเร็จจะสูงขึ้นมาก
สรุปสั้นๆ ก่อนจากกัน
คีโตคือการกินไขมันสูง + คาร์บต่ำ เพื่อเข้าสู่ภาวะใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก ไม่จำเป็นต้องงดแป้ง 100% แต่ควรจำกัดให้เหมาะสม คีโตมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีจุดที่ควรระวัง โดยเฉพาะสุขภาพระยะยาว วิธีอื่นนอกเหนือจากคีโตยังมีอีกมาก ไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองถ้าไม่เหมาะ
ถ้าเคยลองคีโตมาแล้ว รู้สึกยังไงกับมันบ้าง?
หรือถ้ายังไม่เคย คุณคิดว่ามันเหมาะกับชีวิตประจำวันของคุณไหม?
แชร์ความเห็นไว้ได้นะ เผื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นที่กำลังเริ่มต้นเหมือนกัน
#คีโตคืออะไร
#ลดแป้งดีไหม
#ไขมันสูงคาร์บต่ำ
#คีโตซิส
#ใบเลี้ยงเดี่ยวhealthy
โฆษณา